บทที่ 112 กำหนดให้แพ้ (ปลาย)
ก่อนที่ ซูอัน จะตอบกลับ ฉู่ฮวนเจา ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ไม่ใช่แค่ หยวนเหวินตง แม้แต่ หงซิงอิง ก็อยากจะจัดการกับพี่เขยด้วยเช่นกัน! เขาควรจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลฉู่ ของเรา แต่ไอ้วายร้ายผู้นั้นกลับเลือกที่จะเข้าข้างคนนอกอย่างออกนอกหน้าแทนในวันนี้!”
ซูอัน รู้สึกประทับใจมากเมื่อเห็นว่า ฉู่ฮวนเจา ออกหน้ารับพูดแทนเขาเช่นนี้ อย่างน้อย ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่านางใส่ใจเขามากกว่าภรรยาของเขาเสียอีก
“หงซิงอิง?” ฉู่จงเทียน ขมวดคิ้ว
ฉินว่านหรู พูดขึ้นแทรกทันที “ข้ารู้จักเด็กคนนั้น เขาเป็นคนที่มีอัตตาอยู่พอสมควร และก่อนหน้านี้เขาชอบพี่สาวของเจ้ามาก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเล่นงาน ซูอัน เมื่อมีโอกาส แต่ก็อย่างที่ใคร ๆ ก็รู้ คนหนุ่มสาว
มักจะควบคุมอารมณ์ได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อพูดถึงเรื่องความรัก”
ฉู่ฮวนเจา ไม่พอใจกับปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นนี้ เธอจึงรีบค้านขึ้นอีกครั้ง “แต่เขา…”
“พอได้แล้ว” ฉินว่านหรู เอ่ยขึ้นพร้อมกับโบกมือเพื่อปัดรำคาญ “เด็กคนนั้นเป็นคนขยัน และพ่อของเขาภักดีต่อเรามานานหลายสิบปีแล้ว อย่าเก็บเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มาคิดเลยมันไม่มีประโยชน์อะไร มันจะทำให้พวกเขาน้อยใจกันเปล่า ๆ ”
สองแก้มของ ฉู่ฮวนเจา พองขึ้นด้วยความขุ่นเคือง พร้อมกับเสียงค้านในใจ ท่านกลัว หงซิงอิง และ หงจง จะน้อยใจแต่แล้วพี่เขยของข้าล่ะ?
ในทางกลับกัน ซูอัน ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เขาเข้าใจได้ ว่าลูกเขยที่ไร้ประโยชน์อย่างเขามันย่อมมีความสำคัญต่ำกว่าพ่อบ้านหงผู้ที่รับใช้ตระกูลมานานและหงซิงอิงที่มีพรสวรรค์มากกว่าอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินจาก เฉิงโซวผิง ว่า ฉินว่านหรู ถึงขนาดสนใจให้ ฉู่ชูเหยียน แต่งงานกับ หงซิงอิง เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าดูจากตอนนี้มันเป็นไปได้ว่าเรื่องนั้นมันคงไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ
เขาชำเลืองมองไปทาง ฉู่ชูเหยียน โดยไม่รู้ตัว ด้วยความอยากรู้ว่านางจะมีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องนี้ไหม ซึ่งเมื่อดูไปได้สักพัก ซูอัน ก็โล่งใจเล็กน้อยเพราะมันดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจ หงซิงอิง เช่นกัน
ผ่านไปสักพัก ฉู่ชูเหยียน ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “อันที่จริงแล้ว เมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ข้ากังวลมากกว่าเกี่ยวกับเรื่องการประลองระหว่างตระกูล ที่จะจัดขึ้นครึ่งเดือนนับจากนี้”
ฉินว่านหรู ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าพวกเราชนะอยู่ตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? โดยเฉพาะที่ตราบใดที่เรามีเจ้าอยู่ ใครในตระกูลหยวนที่จะสามารถเอาชนะเจ้าได้กัน?”
ฉู่จงเทียน ส่ายหัว “ข้าเกรงว่าการประลองระหว่างตระกูลครั้งนี้คงไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เจ้าต้องไม่ลืมว่าคร้้งนี้ตระกูลหยวนได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอู๋ ซึ่งข้าเกรงว่าการประลองครั้งนี้ตระกูลอู๋ อาจแอบส่งผู้บ่มเพาะ
ของพวกเขาเองลงมาด้วย”
ตอนนั้นเองที่เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมอง ซูอัน ด้วยสีหน้าลำบากใจ “นอกจากนี้เนื่องจากปีนี้ ซูอัน ก็ต้องเข้าร่วมประลองด้วยซึ่งมันก็เหมือนว่าพวกเราได้แพ้ไปแล้วรอบหนึ่ง”
ซูอัน ตกตะลึงจนแทบจะอ้าปากค้าง ข้าเป็นแค่ผู้ชมข้างสนามเฉย ๆ ทำไมต้องลากข้าเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย!?
“เอ่อ…ข้าไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสักหน่อยทำไมข้าต้องเข้าร่วมต่อสู้ในการประลองระหว่างตระกูลด้วย?”
“ตามกฎของงานประลองระหว่างตระกูล ลูกหลานทุกคนในตระกูลต้องเข้าร่วม ฉะนั้นเนื่องจากเจ้าเป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่ มันจึงไม่มีทางที่ตระกูลอู๋ และตระกูลหยวน จะปล่อยให้เจ้าไม่ลงประลอง และนี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมวันนี้พวกเราถึงเรียกให้เจ้ามาที่นี่ พวกเราต้องการบอกให้เจ้ารู้ก่อนว่าเมื่อถึงวันงานประลอง เจ้าควรจะยอมแพ้ทันที ที่ขึ้่นไปบนเวทีเพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง” ฉู่จงเทียน เอ่ยขึ้น
คำพูดเหล่านั้นทำให้ ฉู่ฮวนเจา รู้สึกกังวล “เมื่อวันก่อน หยวนเหวินตงประกาศเสียงดังเลยว่าเขาจะฆ่าพี่เขยแน่นอน! ฉะนั้นถ้าเราส่งเขาขึ้นไปบนเวทีมันไม่เท่ากับว่าเราส่งเขาขึ้นไปตายงั้นเหรอ?”
“หากเป็นแบบนั้นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่…” ฉู่ชูเหยียน เอ่ยขึ้น
หัวใจของ ซูอัน เต้นผิดจังหวะทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่พอใจข้า แต่เจ้าก็ไม่ควรใช้วิธีการนี้เพื่อฆ่าสามีของเจ้าเอง?
ฉู่ฮวนเจา ก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน นางจ้องไปที่ ฉู่ชูเหยียน พร้อมกับอุทานเสียงที่แผ่วเบาราวกับจะหมดแรง “ท่านพี่ นี่ท่าน…”
เมื่อเห็นการแสดงออกของแต่ละคนที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ฉู่จงเทียน ก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที “ให้พี่สาวของเจ้าอธิบายก่อน นางน่าจะมีแผนการบางอย่างที่มีเหตุผลก็ได้”
ตอนนั้นเองที่ ฉู่ชูเหยียน พยักหน้าและพูดต่อไปอย่างใจเย็น “ลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหยวนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยวนเหวินตง ข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งทะลวงระดับไปอยู่ระดับ 5 ถึงแม้ว่าข้าจะไม่จำเป็นต้องกลัวเขา แต่สมาชิกตระกูลของเราคนอื่น ๆ ไม่มีใครที่สามารถเทียบกับเขาได้เลย และแน่นอนว่าตระกูลหยวนก็คงไม่โง่เขลาพอถึงขนาดส่งเขามาสู้กับข้าเพื่อให้แพ้ไปแบบเปล่า ๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง หยวนเหวินตง จะต้องชนะในรอบของเขาแน่นอนเพราะไม่มีใครในตระกูลของเราสามารถจัดการกับเขาได้ ฉะนั้นแทนที่เราจะส่งผู้บ่มเพาะของเราคนอื่น ๆ ที่ยังมีโอกาสชนะได้หากได้เจอกับคู่ต่อสู้คนอื่น เราก็ส่ง ซูอัน ออกไปแทนซึ่งไม่ว่าจะยังไง ซูอัน ก็ต้องแพ้อยู่แล้ว ด้วยวิธีนี้ตระกูลของเราก็จะเสียเปรียบน้อยที่สุดมากกว่าวิธีอื่น ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ฮวนเจา ก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดีนางจึงเอ่ยถามขึ้นย้ำอีกครั้ง “แล้วพี่เขยของข้ายังอันตรายอยู่หรือเปล่า?”
คำพูดนี้ทำให้คิ้วของ ฉินว่านหรู ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น ลูกสาวคนที่เล็กของข้าทำไมต้องกังวลกับเรื่องของไอ้ขยะผู้นี้มากขนาดนี้?
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ ซูอัน ลงประลองเป็นคู่สุดท้ายซึ่งถ้าหาก
ในรอบแรก ๆ พวกเราเก็บชัยชนะไปได้แล้ว 6 คู่ การประลองคู่สุดท้ายมัน
ก็จะถือว่าไม่มีความหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็สามารถยกเลิกได้”
ฉู่ฮวนเจา กะพริบตาปริบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอีกว่า “จะเกิดอะไรขึ้นหากถึงรอบสุดท้ายแล้วพวกเราก็ยังชนะไม่ถึง 6 คู่?”
ฉู่ชูเหยียน อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบส่ายหัว “อย่ากังวลไป เรื่องมันคงจะ
ไม่บังเอิญถึงขนาดนั้นก็ได้”
ในเวลาเดียวกัน ซูอัน ถอนหายใจเสียงเบาก่อนจะพูดขึ้นเช่นกัน “ช่างมันเถอะต่อให้พอถึงรอบของข้าแล้วพวกเรายังไม่ชนะ ข้าจะเป็นคนทำให้แน่ใจเองว่าตระกูลฉู่ จะยังคงไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน เฮ้อ นี่มันเหมือนในหนังเลยจริง ๆ ที่พระเอกมักจะต้องปรากฏตัวตอนสุดท้ายเสมอ…”
เขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันในการเปลี่ยนร่างขยะของตัวเองให้กลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 สุดแข็งแกร่ง ฉะนั้นถ้าพิจารณาดี ๆ แล้วเขายังมีเวลาอีกครึ่งเดือนในมือ ระหว่างนี้ตัวเขาก็น่าจะยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองได้อีกพอสมควร ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เพียงพอให้เขาทะลวงระดับไปถึงระดับ 5 แต่ถ้ารวมกับของวิเศษสุดโกงต่าง ๆ ที่ระบบคีย์บอร์ดให้มาทั้งหมด เขาก็น่าจะมีโอกาสชนะอยู่เยอะพอสมควรหากเขาสู้แบบใช้กลยุทธ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม คำพูดอันมั่นอกมั่นใจของ ซูอัน กลับทำให้คิ้วของฉินว่านหรู ขมวดแน่นมากขึ้นไปอีก “ซูอัน เนื่องจากชูเหยียนได้เลือกเจ้าเป็นสามีแล้วข้าก็ยินดีที่จะไม่นึกถึงอดีตของเจ้าอีกว่าเจ้าเคยเป็นคนยังไงมา อย่างน้อย เจ้าช่วยเลิกนิสัยชอบคุยโวโอ้อวดของเจ้าสักทีได้ไหม? ลูกผู้ชายอ่อนแอได้ไม่ผิด แต่หลักสำคัญคือเจ้าต้องเป็นคนมีความน่าเชื่อถือ ตอนนี้หยวนเหวินตงบ่มเพาะถึงระดับ 5แล้วซึ่งหมายความว่าเขาปลุกพลังธาตุในร่างของเขาได้แล้วเรียบร้อย แต่เจ้ากลับบอกว่าสามารถเอาชนะเขาได้เนี่ยนะ? เจ้าฝันไปรึเปล่า!”
เมื่อพูดจบ ฉินหว่านหรู ลุกขึ้นยืนและเหวี่ยงแขนเสื้อเดินจากไปในทันที
ท่านยั่วยุ ฉินหว่านหรู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +763!
ซูอัน ยักไหล่สบาย ๆ ไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรต่อเช่นกัน
ดูเหมือนว่า ฉินว่านหรู จะมีอคติต่อเขาอย่างหนัก ซึ่งมันแตกต่างจากที่ผู้คนมักจะพูดว่าแม่ยายส่วนใหญ่มักจะมีสัมพันธ์ที่ดีกับลูกเขย แต่ทำไมมันกลายเป็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับ ฉินว่านหรู มันแย่ลงเรื่อย ๆ แบบนี้ล่ะ?