ตั้งแต่ที่หมิหยาฮุ่ยได้เจอกับอันหรันครั้งก่อน เขาก็รู้สึกตกหลุมรักเธอขึ้นมาทันที
ก่อนที่เขาจะรู้จักอันหรัน เขาเคยฟังเรื่องราวต่างๆนานาของเธอ เธอคนนี้มีชีวิตที่ยุ่งเหยิง ทำอะไรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ
แต่ว่าหลังที่ได้พบกับเธอแล้วนั้น มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ไร้เดียงสา ที่ธรรมดา และน่ารักคนหนึ่ง ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกจองจำขึ้นมาโดยทันที
การชอบใครสักหนึ่งคน มันง่ายมากเลยจริงๆ
“คนในรูปนี้คือใครหรอ?” อันหรันถามด้วยน้ำเสียงที่เขินอายเล็กน้อย ชายคนนี้ได้แต่ก้มมองมาที่ตัวเอง และเหมือนกำลังต้องการที่จะพูดอะไรออกมา
ตอนนั้นหมิหยาฮุ่ยถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะถามอะไรแบบนี้ เขาดูลุกลี้ลุกลน หันกลับมายิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า “เธอเป็น เป็น เป็นเพื่อนที่โรงเรียนของฉัน”
เขามองไปที่รอยยิ้มของอันหรัน มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน อดไม่ได้ที่จะพูดในใจ ว่านี่แหละคือคนที่ฉันชอบ
อันหรันพยักหน้า ไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีใครที่หน้าตาเหมือนเธอขนาดนี้
“คุณเรียนศิลปะหรอ?” อันหรันถามเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
หมิหยาฮุ่ยหน้าแดงพยักหน้า และส่ายหัวพูดว่า “ไม่ใช่ แต่ว่าผมชอบศิลปะ เมื่อมีเวลาว่างผมมักจะไปเรียนอะไรที่เกี่ยวกับพวกนี้”
“แต่วาดได้ขนาดนี้ ถือว่าสุดยอดมากเลยนะ”
อันหรันชมด้วยความจริงใจ เพราะเธอเรียนจบมาทางด้านนี้ เธอถึงได้ดูออกว่าคนที่วาดภาพอยู่ด้านหน้าของเธอนั้นมีความสามารถเพียงใด
หมิหยาฮุ่ยเขินเล็กน้อยและตอบกลับมาว่า “มันก็แค่งานอดิเรก ถ้าพี่หรันชอบหละก็ ผมให้!”
ประโยคนี้ ทำให้อันรันถึงกับตัวแข็งทื่อ
เธอคุ้นชินกับประโยคนี้มาก เหมือนกับตอนที่เธอพบอันเฮา เขาก็พูดแบบนี้กับเธอ
ตอนที่เขากำลังเล่นของเล่น อันหรันมองเขาเล่นอยู่เป็นเวลานานและก็พูดจาชมเชยเขา สุดท้ายอันเฮาก็ให้ของเล่นชิ้นนั้นกับเธอ
เขายังจำเสียงของอันเฮาในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
แต่ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นก็ช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เร็วจนอันหรันไม่ทันได้ตั้งตัว
หลายปีที่ผ่านมานี้อันเฮาไปทำงานที่ต่างประเทศ เขาจะสบายดีไหม? และดูเหมือนว่าช่วงนี้ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย
อันหรันกำลังใจลอย หมิหยาฮุ่ยใบหน้าที่เงียบสงบและอ่อนโยนของเธอ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงส่วนที่นุ่มนวลที่สุดในจริงใจของตัวเอง
อันหรันยิ้ม และเลียไปที่มุมปาก ท่าทางขออันหรันดูซึมเศร้า เหมือนกับคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ
เขาเห็นแก้วน้ำที่เหือดแห้งของอันหรัน เขาจึงลุกขึ้นมาและคิดที่จะเติมน้ำให้กับเธอ
แต่เพียงแค่หันหน้าออกมา ก็พบว่ามีเพื่อนของเขาสองสามคนยืนข้างหลัง ดูเขาและอันหรันด้วยความสนใจ
จู่ๆก็มีเด็กหนุ่มตัวสูงๆ หน้าตาหล่อขาวพูดขึ้นมาว่า “พี่ฮุย พี่กำลังคุยอะไรกับพี่สาวคนนี้? ไม่ธรรมดาเลยนะเราอะ?”
หมิหยาฮุ่ยหยุดนิ่งไปสักพัก พูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนว่า “อย่าพูดจาไร้สาระ ระวังหน่อยคำพูดหน่อย! เดี๋ยวจะเจ็บตัว”
“เดี๋ยวเจ็บตัว?” มีคนพูดประโยคนี้ออกมาก หลังจากนั้นทุกคนก็หัวเราะ เพราะว่าท่าทางการข่มขู่ของหมิหยาฮุ่ยมันช่างดูน่าเอ็นดูเสียจริง
“พี่ฮุย พี่อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย! ผมไม่ได้จะมายุ่งอะไรผู้หญิงของพี่ พี่จะมาหวงพวกผมทำไม แต่บอกหน่อยได้ไหมว่าไปรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ท่าทางดูสนิทสนม! เธอมีพี่สาวหรือน้องสาวไหม? แนะนำให้พวกผมรู้จักหน่อยสิ! ”
เด็กผู้ชายที่ย้อมผมสีเหลืองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกวนตีน หมิหยาฮุ่ยทำท่าว่าจะต่อยเขา แต่เขาก็รีบหลบไปอยู่อีกด้านหนึ่ง
“อย่าพูดจาไร้สาระ เธอคนนี้เข้าแต่งงานแล้ว” หมิหยาฮุ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย
คำพูดเหล่านี้ถ้ามาพูดกันส่วนตัวจะดีกว่า เขาไม่ได้อยากจะปิดบังอะไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของอันหรันเขาไม่อยากให้เพื่อนของเขาทำอะไรให้อันหรันไม่สบายใจ
หวงเหมาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “พี่ฮุย คุณทำแบบนี้ไม่ถูก เธอคือผู้หญิงที่แต่งงาน ถึงแม้ว่าเธอจะดูสวยกว่าคนทั่วไป แต่เธอก็มีครอบครัวแล้ว ระวังจะไปทำให้ครอบครัวของเธอแตกแยก! ”
เกาเกอะก็เห็นด้วยกับความเห็นของหวงเหมาและพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว พี่ก็มีหวังเฉียนอยู่แล้ว แต่กลับมาดื่มด่ำกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ที่นี่”
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะพูดถึงหลักความยุติธรรมของโลก เพื่อแนะนำให้หมิหยาฮุ่ยไม่ทำเรื่องแบบนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของสองคนนี้ หมิหยาฮุ่ยรู้สึกโกรธขึ้นมา
เขาเตือนสองคนนั้นไปว่า “นายสองคนไม่ต้องพูดแล้ว นี่คือพี่สะใภ้ของฉัน พี่ชายของฉันอารมณ์ไม่ดี ถ้าเขาได้ยินเรื่องที่พวกนายพูดขึ้นมา พวกนายอาจจะซวยได้!”
“ซวยอะไร?”
เสียงรบกวนต่างๆของคนเหล่านี้ ทำให้อันหรันรู้สึกตัวจากการนึกถึงอดีต เธามองไปที่หมิหยาฮุ่ยด้วยท่าทางที่งงงวง
หมิหยาฮุ่ยหัวเราะคิกคักเหมือนเป็ดที่คอถูกบีบ ใบหน้าของเขาแดงและพูดออกมาว่า “พี่หรัน ไม่มีอะไร พวกเขาพูดไม่ดีกับพี่ ผมแค่เตือนพวกเขาไปดีๆ”
อันหรันมองไปที่กลุ่มวัยรุ่นรอบๆตัวเขา เด็กพวกนี้ช่างเป็นเด็กที่สดใสจริงๆ เธอยิ้มและพูดออกมาว่า “เป็นเรื่องปกติที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ก็อย่าหักโหมกันมากเกินไปหละ”
เป็นวัยรุ่นนี้ดีจริงๆ อันหรันพูดในใจด้วยความรู้สึกหดหู่
ชายหนุ่มรูปร่างสูงถึงกับตะลึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงที่หัวเราะได้อย่างอบอุ่น และน่ารักขนาดนี้
เขาจ้องมองมาที่อันหรันอย่างใจจดใจจ่อ ถูกหวงเหมาสะกิด แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
หมิหยาฮุ่ยลากชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นมาอยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นบอกให้หวงเหมาเอาตัวเขากลับไป
ในตอนนั้นโทรศัพท์ของอันหรันดังขึ้นมาพอดี เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าแม่ยายของเธอโทรมา
อันหรันก็รับโทรศัพท์และถามว่า “มีอะไรหรอคะ คุณแม่?”
“หรันหรัน ตอนนี้ฉันออกมาข้างนอกกับนานาแล้ว เธอก็ออกมาได้แล้ว พวกเราจะได้กลับบ้านกัน ฉันเดินดูแค่นี้พอแล้ว ข้างในคนเยอะเสียเหลือเกิน” เสียงของหลี่รูยาจากโทรศัพท์
อันหรันยืนขึ้นและตอบตกลง หันไปพูดกับหมิหยาฮุ่ยว่า “ฉันไปก่อนนะ คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม?”
หมิหยาฮุ่ยตกใจ ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย เนื่องจากเขาเพิ่งจะได้คุยกับอันหรันเพียงไม่กี่นาที
เขาลุกขึ้นมาและพูดว่า “พี่หรัน ผมก็หมดธุระแล้วเหมือนกัน พวกเราออกไปด้วยกันเถอะ!”
อันหรันเห็นหมิหยาฮุ่ยกำลังรีบเก็บอุปกรณ์วาดภาพต่างๆ เขาจึงถามไปว่า “เพื่อนของเธอไม่กลับหรอ? เธอลองไปถามพวกเขาเพื่อจะได้กลับด้วยกัน?”
“อืม? พวกเขายังไม่กลับ ” หมิหยาฮุ่ยตอบคำถามนี้เหมือนกับว่าเขาไปถามเพื่อนๆมาแล้ว
เขาหันมาพร้อมกับพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเขามาที่นี่ไม่ใช่ว่าเพราะมาชมนิทรรศการ แต่มาเพื่อเหล่สาวๆ ” อันหรันยิ้มและคิดว่าหมิหยาฮุ่ยเป็นคนที่งมงายพอสมควร
อันหรันเดินกับเขาได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยิบภาพวาดออกมาเพื่อที่จะมอบให้อันหรัน “พี่หรัน ภาพภาพนี้ผมมองดูแล้วมันเหมือนพี่มากๆ งั้น! ผมให้พี่”
อันหรันมองภาพที่เขาถืออยู่ ไม่จำเป็นต้องให้หมิหยาฮุ่ยพูดว่าภาพนี้เหมือนกับภาพของเธอ เป็นเพราะเธอเองก็คิดว่าบนโลกนี้จะมีใครที่หน้าตาเหมือนเธอได้ถึงขนาดนี้
เธอไม่ใช่คนที่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนัก และก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมาและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับภาพเหมือนของฉันนะ!”
พออันหรันเดินมาเกือบถึงประตู เขาก็มองเห็นเพื่อนของหมิหยาฮุ่ยเมื่อกี้เพิ่งจะเดินออกมา นั้นคือหวงเหมาและเกาเกอะ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าขมขื่น.
และข้างๆของพวกเขา ก็มีเด็กผู้หญิงหนึ่งคนยืนอยู่ด้วย
เมื่อเธอเห็นอันหรันและหมิหยาฮุ่ยเดินออกมาด้วยกัน ใบหน้าของเธอก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
หวังเฉียนรีบเดินมาข้างหน้าพวกเขา ตอนนั้นเธอคิดว่าหมิหยาฮุ่ยเป็นผู้ชายหลายใจ
“หมิหยาฮุ่ย!”
หวังเฉียนตะโกนขึ้นมา มันดังเสียจนเกือบจะทำให้แก้วหูของอันหรันจะระเบิด
เสียงนี้ทำให้คนที่อยู่รอบๆมองมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หมิหยาฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
หวังเฉียนทำท่าทางงอนและพูดออกมาด้วยความโกรธ “พี่ฮุย ผู้หญิงคนนี้คือใคร? ”
ในขณะที่เธอกำลังพูด เธอมองอันหรันอย่างยั่วเย้า ปากของเขายังคงขยับพูดต่อไป “มองดูก็ไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงที่มีสมบัติผู้ดี!”