ตอนที่ 145 เขาเริ่มลงมือแล้ว

โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง

หัวเสี่ยวน่ายักไหล่และพูดอย่างไม่เต็มใจ “จ้า จ้า พวกคุณพูดถูก ฉันมันเรื่องมากไปเอง…”

หลี่รูยาได้ฟังคำพูดของลูกสาวตัวเอง ก็ถอยหายใจและขมวดคิ้ว

แต่ว่าเขาไม่สนใจกับเรื่องนี้มากนัก เขามองไปทางอันหรัน เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังมีเรื่องกลุ้มใจที่อยากจะพูดแต่พูดไม่ได้

หัวเสี่ยวน่าขี้เกียจที่จะคุยเรื่องของเธอละ เธอจึงหันมามองที่แม่ละพี่สะใภ้ของเธอ และชวนพวกเขาคุยเรื่องอื่น

อันหรันกำลังคิดถึงเรื่องการออกแบบโปรแกรมใหม่ แต่จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

เพียงแค่เธอก้มลองไปเห็นชื่อที่โทรมาในโทรศัพท์ ใจของเธอก็เกิดความกังวลขึ้นทันที

เกิดเรื่องที่เมืองW มีคนกำลังสืบหาข้อมูลของลั่นลาน

เพื่อที่เก็บข้อมูลของลั่นลานเป็นความลับ อันหรันจึงปลอมข้อมูลขึ้นมา ให้ลั่นลานกลายเป็นคนในครอบครัวของบ้านป้าเฉิน

ดังนั้น ตอนนี้ป้าเฉิน จึงมีลูกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน คนแรกคือลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานหวังถิง และอีกคนก็คือลั่นลาน

แต่จุดผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดก็คือ เด็กคนนี้ ไม่ได้ใช้นามสกุล หวัง

คนที่มาสืบข้อมูล เอาข้อมูลมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทของหยุ่นมา ที่นั่นสามารถหาข้อมูลทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นเขาก็แกล้งปลอมตัวเข้ามาที่โรงเรียนอนุบาลของลั่นลาน ทำเป็นว่าพาลูกมาสมัครเรียน และเขาก็ยัดเงินให้กับคุณครูเพื่อต้องการสืบค้นข้อมูลของลั่นลาน ท้ายที่สุดเขาจึงสามารถหาข้อมูลของเด็กคนนี้จนเจอ

แต่ว่าป้าเฉินมีเพื่อนที่สนิทกันอยู่หนึ่งคน เพื่อนของเขายืนมองอยู่ข้างๆผู้ชายคนนั้นตอนมาหาข้อมูล เธอสังเกตเห็นว่าคนคนนี้ไม่สนใจข้อมูลของเด็กคนอื่นเลยแม้แต่น้อย สนใจเพียงแต่ข้อมูลของลั่นลาน เขาดูข้อมูลของลั่นลานอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็ปริ้นข้อมูลเหล่านั้นกลับไปหนึ่งชุด

ทำแบบนี้มันน่าสงสัยจริงๆ ทั้งๆที่มีข้อมูลของเด็กตั้งหลายคน แต่กลับเจาะจงไปที่ข้อมูลของเด็กคนนี้เป็นพิเศษ หลังจากที่ผู้ชายตนนั้นเดินจากไป เพื่อนของป้าเฉินก็รีบโทรมาหาแจ้งป้าเฉินทันที

เมื่อป้าเฉินรู้เรื่องนี้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก จึงรีบโทรบอกสามีของเธอหวังเทียจุนให้รีบกลับบ้านทันที

“คุณ พักนี้คุณได้ไปมีเรื่องอะไรบาดหมางกับใครไหม?” ป้าเฉินถามด้วยความวิตกกังวล

หวังเทียจุนยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงถามกลับไปว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”

“เมื่อกี้ม่านถางโทรมาบอกฉันว่า มีคนมาสืบหาข้อมูลของลั่นลาน”

ลั่นลานเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ปกติแล้วจะไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกับใครได้ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ต้องมีเหตุมาจากคนใกล้ตัวของเธอ

หวังเทียจุนขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตอบกลับไปว่า “ไม่มีนะ เธอก็รู้นิสัยของฉันดี ปกติแค่ไปดื่มชา คุยกับเพื่อนๆ ก็หมดไปเป็นวันๆละ และฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปมีเรื่องอะไรกับใคร? ”

“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้หละ?” ป้าเฉินไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากตัวของลั่นลานเอง แต่ว่ามองยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ จะไปมีเรื่องกับใครได้?

หวังเทียจุนคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องอันหรัน ดังนั้นจึงพูดออกไปว่า “ทำไมเธอไม่ลองไปถามอันหรันดูก่อนหละ?”

อันหรัน? อยู่ดีๆก็เหมือนมีสายฟ้าผ่าเข้ามาในหัวของป้าเฉิน และเธอก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และพูดออกมาว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะพอรู้อะไรบ้างแล้ว!”

หวางเทียจุนตกใจ และรีบถามไปว่า “เธอรู้ต้นเหตุของเรื่องนี้แล้วหรอ?”

ป้าเฉินรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของอันหรัน เรื่องแบบนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น

แม่ของลั่นลานเป็นคนที่มีฐานะสูงศักดิ์ และนั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ๆ แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสับสน ถึงแม่ว่าตอนแรกอันหรันจะบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ และบอกให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

“คุณไม่ต้องถามอะไรมากมาย ช่วงนี้คุณก็ไม่ต้องไปทำงานหรอกนะ มีหน้าที่แค่ดูแลลั่นลานก็พอ!”

หวังเทียจุนเคยเป็นทหารมาก่อน ถึงแม้ว่าช่วงหลังเขาจะนั่งอยู่แต่ที่ทำงาน แต่เขาก็ออกกำลังกายทุกวัน จึงทำให้ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงอยู่

เมื่อป้าเฉินพูดเสร็จ เขาก็รีบเดินออกมาข้างนอก

ที่เธอโทรมาหาอันหรัน ก็เป็นเพราะเรื่องนี้

อันหรันขออนุญาตแม่ยายของตนเพื่อจะรับโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็เดินออกมาข้างนอก

เมื่อฟังอันหรันเรื่องที่ป้าเฉินเล่า นั้นเป็นเรื่องที่เธอเคยคาดเอาไว้ อันหรันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีและถามกลับไปว่า “ป้าเฉิน จะทำยังไงดี? ต้องการให้ฉันกลับไปไหม?”

ลั่นลานเปรียบเสมือนสิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ได้

ป้าเฉินได้ยินว่าอันหรันจะมาหา จึงรีบบอกไปว่า “อันหรันคุณอย่าเพิ่งเป็นกังวล สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีอะไรแน่ชัด! ช่วงนี้ป้าให้สามีของป้าอยู่บ้านเพื่อคอยเป็นบอดี้การ์ดของลั่นลาน ไปรับไปส่งเวลาที่ลั่นลานไปเรียน”

อันหรันคิดว่ามันต้องการเรื่องร้ายๆขึ้นมาแน่ๆ แต่ว่าป้าเฉินพูดแบบนี้ เธอก็ทำได้แค่เชื่อใจป้าเฉิน

แต่ถึงตอนนี้เธอจะไปจริงๆ ก็คงไปไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีเหตุผลที่จัดเจน หรือจำเป็น เดาว่าไปยังไม่ถึงสนามบินก็คงถูกฮั่วเทียนหลันลากกลับมาแน่ๆ

แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุด อีกทางหนึ่ง ถ้าเธอออกไปแล้วถูกสะกดรอยตาม และลั่นลานถูกเจอตัวเข้าจะทำยังไง

พอนึกถึงจุดนี้ อันหรันก็ไม่กล้าที่จะจินตนาการต่อไป

หรือว่าฮั่วเทียนหลันไปรู้อะไรเข้าแล้ว?

เธอเดินกลับเขาไปนั่งที่หลังห้อง ด้วยท่าทางที่ไม่สบายใจ

หลี่รูยาพูดกับเธอต่อเรื่องการออกแบบโปรแกรมใหม่ อันหรันพยักหน้าทำเป็นว่ารู้เรื่อง ทั้งๆที่เธอไม่ได้ฟัง

ด้วยท่าทางที่แปลกไปของอันหรัน แม้แต่หัวเสี่ยวน่าก็ยังสามารถรับรู้ความรู้สึกของเธอได้

“ พี่สะใภ้คนที่สอง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หัวเสี่ยวน่าดึงเสื้อผ้าของอันหรันแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

ด้วยคำพูดของหัวเสี่ยวน่าทำให้อันหรันรู้สึกตัว เธอรีบส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร แค่ฉันยังไม่มีความคิดเห็นอะไร…”

ดูเหมือนว่าหัวเสี่ยวน่ายังอยากที่จะพูดอะไรต่อ แต่ว่าหลี่รูยาก็จับไปที่แขนของเธอแล้วค่อยๆดึง พร้อมพูดว่า “พอแล้วๆ พี่สะใภ้ของเธอกำลังมีเรื่องที่กังวลใจอยู่ ให้เขาจัดการด้วยตัวเองเถอะ เอ้ออ และเมืองZเพื่อจะเปิดนิทรรศการศิลปะ พวกเราไปดูกันหน่อยไหม? ว่าไง? ”

เมื่อหัวเสี่ยวน่าได้ยิน ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เธอชื่นชอบ ดังนั้นไม่แปลกที่เขาอยากไป

ภายในใจของอันหรันตอนนี้คิดอยู่เพียงเรื่องเดียว นั้นก็คือเรื่องความปลอดภัยของลั่นลาน

นิทรรศการศิลปะมีห้องโถงนิทรรศการและห้องจัดแสดงภาพ หลี่รูยาและหัวเสี่ยวน่าเข้าไปที่ห้องโถงนิทรรศการ

อันหรันยังคงรู้สึกไม่สบายใจ จึงขอตัวไปหาซื้ออะไรมาดื่มเพื่อชโลมใจ และเข้ามานั่งที่แกลเลอรี

ทันทีที่เธอนั่งลง ก็ถูกชายหนุ่มที่แต่งกายเหมือนนักศึกษาดึงดูดความสนใจของเธอ

ผู้ชายคนนั้นกำลังวาดภาพตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งลายเส้นของภาพเป็นธรรมชาติมาก สามารถสื่อได้ถึงอารมณ์ได้ดี

แต่อันหรันคิดว่า เธอเคยเห็นภาพที่ผู้ชายคนนี้กำลังวาด และเขารู้สึกว่าเห็นมันเป็นประจำ คุ้นชินเอาเสียเหลือเกิน

เธอจ้องไปที่ภาพนั้นเป็นเวลานาน จะกระทั่งผู้ชายคนนั้นวาดเสร็จ

อันหรันเปล่งเสียงอุทานออกมาเบาๆด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะทำให้นักเรียนที่กำลังวาดภาพอยู่ในโลกนิยายตื่นขึ้นมา

เขาหันหน้ามาทางต้นกำเนิดของเสียง พบว่าภาพที่เขากำลังจินตนาการที่จะวาดกลับมาปรากฏอยู่ที่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ มือของเขาสั่น จนเกือบจะทำให้พู่กันที่ถืออยู่หล่นลงพื้น

“พี่ พี่หรัน” เขาพูดออกมาด้วยท่าทางดูลุกลี้ลุกลน

อันหรันตกใจ คนคนนี้เรียกชื่อเธอแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้จักเธอ

แต่ว่าเด็กคนนี้ เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน

อันหรันยิ้มอย่างทื่อๆแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราน่าจะรู้จักกันมาก่อน ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ฉันจำชื่อของเธอไม่ได้?”

อันหรันพูดกับเขาไปแบบนั้น ทำให้หน้าของเขาแดงขึ้น รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยและตอบกลับมาว่า “ผม ผมชื่อหมิหยาฮุ่ย พี่ พี่หรัน เราเคยเจอกันที่งานปาร์ตี้ครั้งก่อน… ”

หมิหยาฮุ่ย? อันหรันกำลังคิดว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน แต่ก็เหมือนว่าเธอจะยังคิดไม่ออก

แต่ว่าอันหรันก็คิดขึ้นมาได้ว่าฮัวเส้าซู่เคยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างของฮั่วเทียนหลัน เขามีลูกพี่ลูกน้องที่ดีคนหนึ่งชื่อว่าหมีหงเหวิน

แต่ว่า เขาน่าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วสิ?