ดวงตาของอันหรันเบิกกว้าง โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ความรู้สึกเหมือนอยากจะเขมือบยี่เฉียวถงเข้าไปทั้งตัว
“ยี่เฉียวถง เธอมีสิทธิอะไรไม่ให้ฉันเข้าไป!”
ยี่เฉียวถงแกล้งทำเป็นเอามือมาจับดึงที่หู ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูด และก็พูดออกมาว่า “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่ค่อยชัด”
อันหรันไม่ได้พูดอะไร เขาสูดหายใจลึกๆ และเดินถอยหลังออกมาสองสามก้าวพร้อมกับตอบกลับไปว่า “หูหนวกเลยไม่ได้ยิน มองไม่เห็นเพราะตาบอด คนไร้น้ำยาอย่างคุณ อีกไม่น่าก็คงโดนอันหงไชทิ้งเป็นแน่”
จู่ๆท่าทางของอันหรันก็เปลี่ยนไป นั้นไม่ได้เป็นเพราะเขาทำอะไรกับยี่เฉียวถงไม่ได้
แต่เป็นเพราะว่า ทะเลาะกันแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ที่ยี่เฉียวถงพูดแบบนี้ ก็เพียงเพื่อต้องการกวนประสาทเธอ
ถ้าหากเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยอารมณ์ตามคำพูดของยี่เฉียวถง ก็ยิ่งทำให้ยี่เฉียวถงสะใจไปเท่านั้น
สิ่งที่ยี่เฉียวถงกลัว และกังวลมากที่สุด ก็คือการที่อันหงไชถีบเธอไปออกจากชีวิตของเธอ
เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ริ้วรอยบนใบหน้าก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ยากที่จะปกปิด
สุขภาพร่างกายก็ถดถอย ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้อันหงไชหลงใหลเหมือนกับตอนที่เธอยังสาวๆ
เดิมก็คาดหวังว่าลูกสาวจะมาช่วยต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แต่ที่ไหนได้ ลูกสาวถูกเลี้ยงจนเสียนิสัย จะเรียกว่าเนรคุณก็ได้ แต่งงานมาตั้งนานก็ไม่เห็นท้องสักที นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีลูกสักคน
ถูกอันหรันตอบกลับมาแบบนี้ เธอก็โกรธขึ้นมาทั้งทีพร้อมด่ากลับไปว่า “แก อีนางสารเลว เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? หรือว่าตอนเด็กพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอน แม่แกเป็นอย่างไงแกก็เลวเหมือนแม่แกนั้นแหละ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของยี่เฉียวถง ใบหน้าของอันหรันก็แดงก่ำ ทนไม่ได้ที่มีคนมาด่าแม่ที่มีผู้พระคุณของตัวเอง
“ไหนคุณลองพูดออกมาอีกครั้งซิ?”
อันหรันกำมือแน่น นี่เป็นสิ่งที่เธอเคารพ ใครก็ไม่อาจจะมาด่าว่าแบบนี้ได้
ยี่เฉียวถงเป็นคนฉลาดและโหดเหี้ยม แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางของอันหรัน ในใจของเขาก็รู้สึกหวั่นๆเล็กน้อย
แต่ว่าเขาก็ทำหน้าเหมือนไม่ได้แคร์และพูดออกมาว่า “พูดอีกแล้วจะทำไม ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ อันหรัน ถ้าเธอไม่สามารถหาเงินห้าพันล้านมาไม่ได้หละก็ เตรียมรอฟังข่าวการตายของอันเฮาได้เลย!”
อันหรันหายใจเข้าลึก ๆ เธออยากจะพุ่งไปข้างหน้าและตบใบหน้าอันเย่อหยิ่งของยี่เฉียวถง
แต่เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เนื่องจากมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างๆ และถ้าเขาทำให้ยี่เฉียวถงได้รับบาดเจ็บ
ยี่เฉียวถงร้องไห้งอแงกลับบ้าน ไปบอกครอบครัวฮัวว่าถูกหลานสาวของตัวเองทำร้ายมา
เพื่อความสบายใจของหัวหมู่ เขาเลือกที่จะยุติเหตุการณ์นี้
อันหรันยิ้มด้วยความเย็นชา แล้วหันหลังกลับไปที่รถ เพื่อขับรถออกจากสุสาน
ทะเลาะกับหมา แล้วเราจะแตกต่างกับหมาอย่างไง?
ตอนนี้เธอขับรถมาที่ภูเขาข้างกับสุสาน ซึ่งถ้ามองจากภูเขาลูกนี้ลงไป จะสามารถมองเห็นหลุมฝังศพของพ่อแม่ของเธอได้
“คุณพ่อ คุณแม่ หนูขอโทษ ถ้าพ่อกับแม่อยู่ที่นี่ หนูก็ขอให้มีความสุขมากๆ ถ้ามีโอกาสก็ไปเข้าฝันอันหงไชและยี่เฉียวถง ว่าอย่าให้พวกเขาไปทำร้ายหัวเสี่ยวน่านะคะ ”
อันหรันนั่งบนก้อนหิน พึมพำในใจเหมือนอยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่ของเธอ
นี่ไม่ใช่ถนนสายหลัก โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่วันหยุด ก็จะไม่มีรถผ่าน
เมื่อกี้ยี่เฉียวถงเพิ่มจำนวนเงินขึ้นเป็นห้าพันล้าน
จากหนึ่งพันล้าน ไปเป็นสองพันล้าน ตอนนี้เพิ่มเป็นห้าพันล้าน
ดูเหมือนว่าเงินจำนวนนี้ เป็นเพียงตัวเลขในความคิดของเธอ
ทำเหมือนกับว่าแค่คิดตัวเลข แล้วเงินก็จะออกมาเอง
ตอนนี้เธอมีเงินอยู่ในโทรศัพท์สองพันล้าน แต่ก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเอาออกมาใช้ดีมั๊ย? ตอนนี้กลายมาเป็นห้าพันล้านเธอจะทำยังไง
ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางสิ้นสุด ครั้งต่อไป อาจจะเป็นหมื่นล้าน สองหมื่นล้าน!
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนชอบฝัน งั้นก็ให้เขาฝันต่อไปเถอะ!
เงินสักหยวนก็จะไม่ได้จากเธอ ถ้าหากครอบครัวอันต้องการที่จะทำร้ายคนที่เขารักล่ะก็ เขาจะสู้ให้ถึงที่สุด
เมื่ออันหรันสบายใจขึ้น เขาก็ขับรถกลับมายังบ้านพักของเธอ
พอเข้ามาในบ้าน ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของหัวเสี่ยวน่า ดูเหมือนจะคุยโวยวายบางอย่างกับหัวหมู่
มันตรงกับตอนที่อันหรันเดินเข้ามา และพวกเขาก็ไม่ทันได้สังเกต
ก่อนที่ อันหรัน เดินเข้าไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินว่าเธอกับลังคุยเกี่ยวกับเรื่องเลวๆของเกาฮั่น
เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจ ว่าที่หัวเสี่ยวน่าไม่ถูกใจกับสิ่งที่เกาฮั่นทำ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงสองสามวัน
“แม่ แม่ไม่รู้จักเกาฮั่น เขามักจะออกไปเที่ยวเตร่ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่น หนูถามเขาว่าไปทำอะไรมาเข้าก็ไม่ตอบ ”
“ปกติเขาจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง และเขาก็ไม่เคยง้อหนู เวลาที่หนูโกรธ!”
“ลูกยังไม่รู้ พ่อของเขายิ่งกว่านี้อีก เหมือนกับแม่ของเขา ปกติการพูดเรื่องส่วนตัวมันน่าเกียจ บอกว่าฉันคลอดลูกไม่ได้ เหมือนแม่ไก่แก่ที่ออกไข่ไม่ได้ … ”
หลี่รูยาสังเกตเห็นเมื่ออันหรันเดินเข้ามา
ตอนนี้หัวหมู่กำลังปลอบใจลูกสาวเขาอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่สะดวกที่จะทักทายอันหรัน
ตอนแรกเธอตั้งใจที่จะรับฟังปัญหาของลูกสาวตัวเองจนจบ แต่ดูท่าหัวเสี่ยวน่าพูดต่อไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
เธอสูดหายใจเข้าลุกๆ พร้อมกับเอามือมาลูบเบาๆที่มือของหัวเสี่ยวน่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ‘การไปเป็นลูกสะใภ้ของบ้านอื่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตอนที่แม่มาที่บ้านของครอบครัวเราใหม่ๆ ก่อนจะสนิทกับย่าของลูกก็นานเอาพอสมควร จะทำอะไรก็ต้องระวัง ไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาด หลายครั้งที่พ่อของลูกทำให้แม่ต้องเจ็บ ย่าของลูกก็คอยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองให้ กว่าจะเข้าใจกันได้วันเวลาก็ผ่านไปนานเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็เข้าใจกัน ช่วงเวลาที่คบกันเป็นช่วงเวลาที่พวกเราศึกษซึ่งกันและกัน แต่ว่าการใช้ชีวิตคู่ก็เป็นกระบวนการที่ทำให้เรารู้จักกันยิ่งขึ้น… ’
หัวเสี่ยวน่าขมวดคิ้วแน่น คำพูดเหล่านี้ เธอได้ยินมาเป็นสิบๆครั้งแล้ว
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจ แต่มีบางสิ่งที่เธอไม่สามารถผ่านพ้นไปได้
ก็เหมือนกับตอนที่เธอจะกลับบ้าน เธอมักจะคิดต่อต้านมัน แต่ว่าเมื่อกลับมาถึงบ้าน ทุกวินาทีเขาก็ใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข
หัวเสี่ยวน่าคิดเรื่องราวทั้งหมดจะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเขาไม่รู้จักกับเกาฮั่น
หัวเสี่ยวน่าอ้าปากคิดที่จะเถียง แต่หลี่รูยาก็เข้ามาขัดจังหวะ และพูดว่า “ยังอยากจะพูดอะไรอีก ยังเล่าเรื่องตลกให้พี่สะใภ้ของเธอฟังไม่พอหรอ? เธอควรจะเรียนรู้จากพี่สะใภ้ของเธอ เห็นไหมว่าเขาเข้ากับฉันได้ดีขนาดไหน!”
หัวเสี่ยวน่าตกใจ หันหน้ามาเห็น พี่สะใภ้สองยืนอยู่
เธอพูดด้วยความงุนงง: “พี่สะใภ้คุณมาที่นี่เมื่อไหร่?”
อันหรันยิ้มแล้วยิ้มอีก ได้ยินตั้งแต่หัวเสี่ยวน่าเริ่มบ่นจนปลอกแอปเปิ้ลเสร็จและส่งแอปเปิ้ลให้เธอหนึ่งชิ้นแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งจะมาถึง ไม่ได้ยินอะไรเลย!”
หน้าของหัวเสี่ยวน่าแดง พร้อมทำท่าทางเขินอายและตอบกลับไปว่า “พี่สะใภ้ พี่แกล้งฉัน!”
เนื่องจากเมื่อกี้เธอพูดมาเป็นเวลานาน เธอจึงนำแอปเปิ้ลชิ้นนั้นเข้าปากโดยไม่รู้ตัว
“ใช่ที่ไหนหละ ที่จริงแล้วพี่คิดว่าเกาฮั่นดีกับเธอจะตาย เธอดูสิ เธออยากทำอะไร เขาก็ตามใจเธอ เวลาทะเลาะกันเขาก็ไม่เคยเถียงเลยสักคำ ได้แต่ฟัง คนที่โอหังอวดดีแบบนี้ แต่กลับดีกับเธอขนาดนี้ เธอลองคิดให้ดีๆนะ ว่าควรจะทำอย่างไง!”
อันหรันพูดสิ่งเหล่านี้ ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งเศร้า
สามีแบบนี้ ไม่ใช่สามีที่เธอเคยอยากได้หรอ
ในความฝันช่างดีอะไรขนาดนี้ แต่ความจริงมันตรงกันข้าม
ฮั่วเทียนหลันไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนแบบที่เธอจินตนาการไว้ได้ ก็เหมือนกับในชีวิตของเธอก็ไม่สามารถเข้าใจฮั่วเทียนหลันได้เหมือนกัน