“อ๋า?”วารุณียังไม่ได้สติคืนมาเล็กน้อย ก้มหน้ามองตัวเอง จากนั้นหน้าแดงทันที“เอ่อ……คุณรอก่อนนะคะ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!”

พูดจบ เธอปิดประตูดังปัง ประตูเกือบจะชนใส่จมูกของนัทธี

นัทธีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองของตกแต่งบนประตูที่ยังสั่นอยู่หน่อยๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ

วารุณีที่เลิ่กลั่กแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น

ผ่านไปหลายนาที ประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง

วารุณีกลับไปแต่งตัวทันสมัยสวยงามเหมือนเดิม แล้วทำท่าเชื้อเชิญนัทธี“ประธานนัทธี เชิญเข้ามาค่ะ!”

นัทธีพยักหน้ายกเท้าเข้าไป

วารุณีเทน้ำแก้วหนึ่งให้เขา“ประธานนัทธี คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ถอดเสื้อผ้าออก!”นัทธีเอาถุงที่มือวางลงที่โต๊ะน้ำชาแล้วพูด

วารุณีเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ใบหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ประธานนัทธี คุณกำลังพูดอะไร?”

ให้เธอถอดเสื้อผ้า?

นัทธีจึงได้สติคืนมาว่าคำพูดของตัวเองทำให้คนเข้าใจผิดเล็กน้อย กำมือเม้มปากไอเบาๆ เปลี่ยนเป็นพูดว่า“ผมมาทายาให้คุณ ตอนนั้นคุณล้มจนบาดเจ็บนี่?”

หลังจากเขาส่งนวิยากลับไปที่ห้องคนไข้ ก็ไปจุดที่พวกเธอหกล้มตอนนั้น พบว่ามีคราบเลือดอยู่

ในเมื่อนวิยาไม่ได้รับบาดเจ็บ งั้นคราบเลือดนั้นของใครล่ะ ไม่ต้องบอกก็รู้

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง!”วารุณีเก็ลบรอยยิ้มที่ตกใจนั้นไป จากนั้นก็ลูบแขนที่บาดเจ็บนั้น“ไม่ต้องหรอกค่ะ ประธานนัทธี ที่จริงก็ไม่สาหัสมาก”

“ไม่สาหัส?”สายตาที่ลึกซึ้งของนัทธีหรี่ลง จู่ๆ ก็ดึงข้อมือของเธอ ท่ามกลางเสียงตกใจของเธอ ก็ถกแขนเสื้อของเธอขึ้น

มองแขนขาวๆ ของเธอ แผลที่เป็นเลือดใหญ่ๆ นั้น สีหน้านัทธีก็หม่นลง ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงมากขึ้น“นี่เรียกว่าไม่สาหัสเหรอ ถลอกหมดแล้ว คุณไม่กลัวเป็นแผลเป็นเหรอ?”

“ฉัน……”วารุณีพูดไม่ออกทันที

ในฐานะคนรักสวยรักงาม จะไม่กลัวเป็นแผลเป็นได้ไงล่ะ และแค่มีแผลเป็น เสื้อผ้าหลายๆ ตัวก็ไม่อาจใส่ได้แล้ว

แต่ว่า ทำไมเขาต้องโกรธขนาดนี้?

วารุณีมองนัทธีอย่างไม่เข้าใจ

นัทธีปล่อยข้อมือของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ให้ใครแทรกพูดได้“นั่งลง”

“อ้อ”วารุณีนั่งลงที่โซฟาอย่างเชื่อฟัง

นัทธีถือถุงบนโต๊ะน้ำชาแล้วนั่งข้างเธอ จากนั้นเปิดถุงออก เอาสิ่งของด้านในออกมา เป็นเบตาดีนที่ฆ่าเชื้อ และยังมียาฆ่าเชื้อแก้อักเสบ รวมถึงสำลีผ้าพันแผลอะไรพวกนั้น

หลังจากนัทธีเอาของพวกนี้วางตามลำดับการใช้เสร็จ เงยมองวารุณี“ถกแขนเสื้อตัวเองขึ้น”

“โอเค”วารุณีพยักหน้าถกแขนเสื้อขึ้นมา

นัทธีเปิดเบตาดีน เริ่มฆ่าเชื้อและทายาให้เธอ

การกระทำของเขาอ่อนโยนมาก เหมือนกลัวจะทำเธอเจ็บ แทบจะไม่ได้ใช้แรงเลย

วารุณีมองใบหน้าด้านข้างที่จริงจังของเขา ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหอมหวาน ดวงตาพร่ามัว แม้แต่บรรยากาศภายในห้อง ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาทันที

แต่ความอบอุ่นนี้แป๊บเดียวก็ถูกเสียงเปิดประตูทำลาย วรยาถือถุงเล็กถุงใหญ่เข้ามา มองเห็นวารุณีกับนัทธีนั่งหัวชนกันอยู่บนโซฟา รอยยิ้มที่ใบหน้าแข็งทื่อทันที“พวกคุณทำอะไรกันอยู่น่ะ?”

“แม่ แม่กลับมาแล้วเหรอ”วารุณีเงยหน้าขึ้น ทักทายวรยา

วรยาตอบอือไปด้วยใบหน้าราบเรียบ

วารุณีมองออกว่าเธอไม่ค่อยพอใจ ตระหนักอะไรได้ จึงรีบพูดว่า“แม่ ประธานนัทธีมาช่วยฉันทายา”

“ทายา?”วรยาแสดงออกอย่างตื่นตระหนก รีบเดินเข้ามา“ลูกรักเป็นอะไรไป?”

“ไม่เป็นไร ตอนที่ออกไปหกล้มนิดหน่อย”วารุณีบุ้ยปากไปทางแขนของตัวเอง พูดอย่างไม่สนใจ

นัทธีหยิบผ้าพันแผลมา พันไปที่แขนของเธอหลายๆ รอบ แล้วก็ทำปมไว้“เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”วารุณีปล่อยแขนเสื้อลง

สีหน้าวรยาดีขึ้นเยอะ ยิ้มให้นัทธี“นัทธี ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”นัทธีเอาสำลีที่ใช้แล้วใส่ถังขยะ จากนั้นยืนขึ้นมา“คุณป้า ขอคุยกับคุณป้าเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ?”

“คุยอะไร?”วรยามองเขาอย่างสงสัย

นัทธีเม้มปากตอบว่า“สองสามเดือนก่อนที่คุณปู่ผมจะเสีย อยู่ใกล้ชิดกับคุณป้ามาก ผมอยากรู้เรื่องบางอย่างระหว่างคุณป้ากับปู่ผม”

ตั้งแต่เมื่อวานที่รู้การตายของพ่อแม่ ว่าเกี่ยวข้องกับคุณปู่ เขาจึงพบว่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเข้าใจคุณปู่เลย

บางทีแม่ของวารุณี อาจทำให้เขารู้ความลับเกี่ยวกับคุณปู่ได้

“เอ่อ……”วรยาขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ

วารุณีดึงแขนเสื้อของเธอ“แม่!”

วรยาจ้องวารุณีเขม็งอย่างเซ็งๆ พูดเสียงทุ้มต่ำ“ลูกเข้าข้างเขา!”

วารุณีแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน

วรยาจับจมูกของเธออย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นพูดกับนัทธี“โอเค งั้นคุณก็ตามฉันมาที่ห้องทำงาน”

พูดไป วรยาก็เดินไปที่ห้องทำงาน

นัทธีไม่ได้ตามไปทันที แต่พูดขอบคุณวารุณี

เขารู้ว่า ถ้าไม่ใช่เธอ แม่เธอก็ไม่รับปากง่ายๆ แบบนี้หรอก

น่าจะผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ นัทธีกับวรยาทั้งสองคนจึงเดินออกมาจากห้องทำงาน

สีหน้านัทธีดูกังวล“คุณป้า ผมลาก่อนนะครับ”

“โอเค”วรยาพยักหน้า

นัทธีมองวารุณีอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไป

วารุณีปิดประตู“แม่ แม่ไปพูดอะไรกับเขา?”

วรยานั่งบนโซฟา หยิบรีฌมตมาเปิดทีวี“ก็พูดเรื่องที่ผ่านมาของปู่เขาเล็กน้อย”

“งั้นทำไมประธานนัทธีไม่ค่อยพอใจล่ะ?”วารุณีชี้ไปทางที่นัทธีออกไปอย่างไม่เข้าใจ

วรยาเปลี่ยนช่องอย่างนิ่งๆ “แม่จะไปรู้ได้ไง ลูกต่างหาก ถามมากขนาดนี้ทำไม?”

“ฉันก็แค่แปลกใจไหม”วารุณีหลบสายตาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

วรยามองไปที่เธอ“แปลกใจหรือว่าเป็นห่วงเขาล่ะ?”

“แม่!”วารุณีลากเสียงเรียกเธอยาวๆ

สีหน้าวรยายังไม่เปลี่ยน“ถึงงอนก็หลอกไม่ได้นะ เมื่อวานคุยกับลูกว่าไง ให้ลูกควบคุมความรู้สึกของลูก ดูลูกสิ วันนี้กลับเรียกเขามาบ้าน แล้วยังให้เขาทายาให้อีก ลูกกลัวรักเขาไม่มากพอหรือไง?”

“ไม่ใช่เลย เขามาเองต่างหาก”วารุณีไปเอาหนังสือออกแบบกับดินสอมา“เอาน่าแม่ ฉันไม่พูดกับแม่แล้ว ฉันยังต้องไปรับลูกๆ อีก”

“เดี๋ยวก่อน!”วรยาเรียกเธอไว้

มือวารุณีที่วางอยู่บนลูกบิดประตูห้องนอนก็ชะงักลง หันหน้าไปมองวรยา“ทำไมเหรอคะแม่?”

“พูดถึงเด็กๆ จู่ๆ แม่ก็พบว่าอารัณหน้าตาเหมือนกับนัทธีมาก!”วรยาลูบคางพลางคิดไป

วารุณีหลังยืดตรง“แปลกตรงไหนล่ะ บนโลกนี้คนหน้าตาเหมือนกันเยอะแยะจะตาย”

“แต่เหมือนกันแบบนี้ แม่ยังไม่เคยได้ยิน”วรยาหรี่ตา จ้องมองไปที่แผ่นหลังของเธอ “ลูกรัก ลูกบอกแม่มาตรงๆ นัทธีใช่พ่อของเด็กสองคนนี้หรือเปล่า?”

“จะเป็นไปได้ไงคะ เมื่อก่อนฉันกับประธานนัทธีไม่รู้จักกันเลย เขาจะเป็นพ่อของเด็กๆ ได้ไงล่ะ แม่ แม่อย่าเดามั่วๆ เลย พ่อของลูกเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ พวกเขาคือลูกของฉัน เป็นหลานชายหลานสาวของแม่ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”วารุณีพูดโน้มน้าวด้วยสายตาเป็นประกาย

วรยาถอนหายใจ“ก็ใช่ เอาเถอะ แม่ไม่ถามแล้ว แม่ไปรับเด็กๆ กับลูกเอง”

“โอเค”วารุณีพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ตรงที่เธอมองไม่เห็น

ตกดึก วารุณีพาวรยากับลูกทั้งสองคนไปร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง

พงศกรมองพวกเธอ ยกมือขึ้นมาแล้วโบกมือ“คุณป้า วารุณี ทางนี้!”

วารุณียิ้มให้ แล้วคนหนึ่งก็จูงมือเด็กคนหนึ่งเดินเข้าไปกับวรยา

“ขอโทษนะพงศกร ให้คุณรอนานเลยใช่ไหมคะ?”วารุณีพูดอย่างรู้สึกผิด