บทที่ 105 ตกอยู่ในอันตรายที่ห้องน้ำ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ไม่เลย ผมก็เพิ่งถึงไม่นาน”พงศกรลุกขึ้น ดึงเก้าอี้ออกให้วรยา“เชิญคุณป้านั่งครับ”

วรยาปิดปากยิ้มด้วยความดีใจ“เด็กคนนี้นี่รู้จักคิดเป็น”

“สมควรครับ”พงศกรดันแว่น จากนั้นก็ดึงเก้าอี้ออกมาให้วารุณีกับเด็กๆ อีกสองคนด้วย สุดท้ายก็เป็นตัวเขาเอง

ทำพวกนี้เสร็จ พงศกรก็เอาเมนูให้วรยา“คุณป้าดูสิว่าอยากกินอะไร”

“งั้นป้าไม่เกรงใจแล้วนะ”วรยารับเมนูไป แล้วดูเมนูอาหารกับเด็กทั้งสองคน

พงศกรเสิร์ฟขนมจานเล็กๆ หนึ่งจานวางตรงหน้าวารุณี“ขนมหวานที่คุณชอบกิน”

“ขอบคุณค่ะ”วารุณีรับมาด้วยรอยยิ้ม

พงศกรหยิบน้ำเปล่าตรงหน้าตัวเองขึ้นมาดื่ม“ผมได้ยินนวิยาบอกว่า วันนี้คุณหกล้มกับเธอ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร แค่แขนถลอกหน่อยๆ ประธานนัทธีช่วยทายาให้ฉันแล้ว”วารุณีจิ้มขนมคำเล็กๆ มาใส่ปากแล้วตอบ

สายตาพงศกรเย็นชาเล็กน้อย“ประธานนัทธี?”

“ใช่?”วารุณีพยักหน้า

พงศกรใช้แก้วน้ำปิดบังมุมปากที่คว่ำลง“เขามาทายาให้คุณได้ไง?”

“ไม่รู้ เขามาหาฉันที่อพาร์ทเม้นท์”วารุณียักไหล่

พงศกรลูบไล้แก้วน้ำ ไม่พูดอะไร ความเย็นชาในสายตานั้น ทำให้คนเริ่มรู้สึกกลัว

ตอนนี้เอง วรยากับเด็กทั้งสองคนสั่งอาหารเสร็จ ก็ยื่นเมนูไป“พอแล้ว พวกคุณเอาแต่คุยอย่างเดียว ดูสิว่าจะกินอะไร”

“ฉันได้หมด พงศกรสั่งเถอะ”วารุณีเอาเมนูให้พงศกร

พงศกรเก็บความร้ายกาจภายในใจไป ใบหน้าก็มีรอยยิ้มอบอุ่นคืนมาอีกครั้ง พยักหน้า“โอเค”

สั่งอาหารเสร็จ พนักงานเสิร์ฟก็เอาเมนูไปเตรียมอาหารที่ครัว

วารุณีกินของหวานเสร็จ ก็หยิบทิชชูมาเช็ดปาก ยืนขึ้นมา“ฉันไปห้องน้ำก่อน”

พูดจบ หลังจากเธอถามตำแหน่งห้องน้ำกับพนักงานคนอื่นแล้ว ก็ออกไปจากร้านอาหาร

เข้าห้องน้ำเสร็จ วารุณีออกมาจากห้องส้วม เดินมาตรงหน้าอ่างล้างหน้า เตรียมเติมแป้งทาปากเพิ่ม

ตอนที่เธอก้มหน้าหาลิปสติกในกระเป๋า จู่ๆ ห้องส้วมด้านหลังเธอก็เปิดออก ชายหนุ่มที่สวมเสื้อฮู้ดก็ออกมาจากด้านใน หลังจากก้าวเท้าไปสองก้าวจนถึงหลังเธอ ก็กดที่ด้านหลังศีรษะของเธออย่างแรง

วารุณีตกใจจนหน้าเสียกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ กระเป๋าที่วางบนอ่างล้างมือ ก็ถูกมือของเธอกวาดลงไปที่พื้น ของด้านในก็ตกออกมา

“คุณเป็นใคร ปล่อยฉัน ช่วยด้วย!”วารุณีพยายามสลัดออกไป ก็ตะโกนเสียงดังด้วยความกลัวไปด้วย

ชายหนุ่มไม่ใช่แค่ไม่ได้ปล่อยเธอ แต่ยังเพิ่มแรงไปที่มือ เอาหัวของเธอกดเข้าไปที่อ่างล้างมือ จากนั้นก็เอามืออีกข้าง เปิดก๊อกน้ำ

น้ำที่เย็นเฉียบไหลลงมาจากหัว วารุณีหนาวจนตัวสั่น จากนั้นก็มีน้ำไหลเข้าไปในจมูกจากแก้มของเธอ สำลักจนเธอไอออกมา

หลังจากน้ำในอ่างล้างมือเต็มไปได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มก็กดหัวของวารุณีเข้าไปในน้ำ

“อย่าว่าผม ผมก็ทำตามคำสั่ง ใครให้คุณไม่เป็นผู้หญิงที่ดี ต้องไปแย่งผู้ชายของคนอื่นให้ได้ล่ะ”ในที่สุดชายหนุ่มก็พูด แต่เสียงจงใจกดลงให้ทุ้มต่ำอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่อยากให้คนได้ยินเสียงเดิม

ถึงแม้วารุณีจะได้ยินคำพูดของเขานี้ แต่ก็ไม่มีเวลาไปคิดว่าใครสั่งเขากันแน่

ตอนนี้หน้าเล็กๆ ของเธอแดงออกมา ความรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้เธอทรมานไปทั้งตัว แขนทั้งสองข้างก็เริ่มตะเกียกตะกายขึ้นมากลางอากาศ

“อื้ออื้ออื้อ……”หน้าของวารุณีจมอยู่ในน้ำหมด ที่หัวยังมีน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง เธอพูดออกมาไม่ได้ พอพูดออกมาก็เป็นเสียงอู้อี้ ดังนั้นจึงได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากลำคอ หวังว่าผู้ชายคนนี้จะปล่อยเธอ

แต่ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจอะไรเลย ยังกดหัวเธอไว้อยู่ตลอด แม้แต่โอกาสในการหายใจก็ไม่ให้ อยากทำให้เธอจมน้ำตายอย่างชัดเจน

ตระหนักถึงจุดนี้ได้ ในใจวารุณีก็หมดหวัง เมื่อเวลาผ่านไป แรงที่เธอขัดขืนก็ยิ่งน้อยลง สติก็เริ่มเบลอ

ตอนที่เธอคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ด้านนอกห้องน้ำก็มีเสียงผู้หญิงสองคนเข้ามา“จริงๆ เลย เข้าห้องน้ำก็ยังให้ฉันมาด้วย”

“ก็ฉันเดินไม่ไหวนี่”

“โอเค ฉันรอเธออยู่หน้าประตู เธอรีบๆ ล่ะ”

“รู้แล้วรู้แล้ว”

เสียงนี้พูดจบ เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังเข้ามาจากหน้าประตูห้องน้ำ

หลังจากชายหนุ่มสบถด่าออกไป ก็ปล่อยวารุณี แล้วรีบออกไป

เสียงผู้หญิงสองคนนั้นก็ตกใจอย่างมาก“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมห้องน้ำหญิงถึงมีผู้ชายได้?”

“เข้าไปดูก็รู้แล้วนี่?”

แป๊บเดียว ผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่สองคนก็เข้ามาจากด้านนอก มองเห็นวารุณีที่หัวซุกไปในอ่างล้างหน้า ก็ตกใจ จากนั้นก็รีบไปประคองวารุณีขึ้นมา“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

แรงทั้งตัวของวารุณีในตอนนี้ ได้แต่พิงไปที่ตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง หายใจหอบ แม้แต่ตาก็ยังลืมไม่ขึ้น“ช่วย……ช่วยฉันแจ้งความ ……”

“อ้ออ้ออ้อ โอเค ฉันจะแจ้งความให้”ผู้หญิงอีกคนที่มือว่างอยู่ก็พยักหน้าทันที หยิบโทรศัพท์มาแจ้งความ

“ขอบคุณค่ะ……”วารุณีขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

ถ้าไม่ใช่ว่าจู่ๆ พวกเขาเข้ามา เธอก็น่าจะตายตรงนี้แล้ว

“ไม่เป็นไร ฉันจะประคองคุณไปด้านนอกนะ”ผู้หญิงที่ประคองวารุณีพูด

วารุณีตอบอือ เห็นด้วย

ด้านนอกห้องน้ำมีเก้าอี้นั่งรอ หญิงสาววางเธอลงที่เก้าอี้ โทรศัพท์ของวารุณีก็ดังขึ้น

ผู้หญิงที่เพิ่งแจ้งความ ยื่นกระเป๋าของวารุณีไปให้

วารุณีขอบคุณอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า“แม่……”

ฟังความอ่อนแอในน้ำเสียงของวารุณีออก วรยาก็กังวลขึ้นมา“ลูกรักเป็นอะไรไป?”

“แม่ มีคนจะฆ่าฉัน”วารุณีกำโทรศัพท์ไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นและหวาดกลัว

วรยายืนขึ้นมาทันที“อะไรนะ?”

“แม่ ฉันอยู่ด้านนอกห้องน้ำ”

“โอเค แม่จะไปเดี๋ยวนี้!”

วางสาย วารุณีก็กอดเข่าร้องไห้ขึ้นมา

หญิงสาวสองคนเห็นเธอร้องไห้แบบนี้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ยังไงประสบกับเรื่องแบบนี้ ก็ไม่อาจพึ่งคำปลอบโยนกับตักเตือนถึงจะดีขึ้นได้

ผ่านไปไม่กี่นาที วรยากับพงศกรพาเด็กสองคนและผู้จัดการมาด้วย

เด็กทั้งสองคนเห็นวารุณีตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ก็ตกใจจนร้องไห้

“หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ไอริณจับมือของวารุณีไว้ ร้องไห้จนกระหืดกระหอบ

อารัณกำหมัดเล็กๆ ไว้ ถามอย่างโมโห“หม่ามี๊ ใครจะทำร้ายหม่ามี๊?”

“ฉันไม่รู้”วารุณีส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้าซีดขาว

พงศกรเข้ามา ถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้วารุณี“คุณป้า เอาอารัณกับไอริณออกไป ผมตรวจดูให้วารุณีก่อน”

“โอเคโอคโอเค”วรยาทำตามทันที

ถึงแม้พงศกรเป็นหมอศัลยกรรมประสาท แต่วินิจฉัยทั่วๆ ไปก็สามารถทำได้

หลังจากตรวจเสร็จ เขาก็ถอนหายใจเบาๆ ไม่รอให้วรยากับเด็กสองคนถาม เขาก็พูดไปตรงๆ ว่า“ไม่มีอาการหนักอะไร แค่ขาดอากาศหายใจสั้นๆ ชั่วคราว และได้รับการตกใจอย่างหนัก พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วครับ”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”วรยาตบหน้าอกอย่างโล่งอก จากนั้นถามว่า“ลูกรัก ลูกบอกแม่มา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

วารุณีกำเสื้อคลุมที่ตัวไว้แน่น มองประตูห้องน้ำอย่างว่างเปล่า บอกเรื่องทุกอย่างไป

ฟังจบ วรยาก็น้ำตาไหล“ไอ้ฆาตกรที่ไหน จะเอาชีวิตของลูกสาวฉัน!”

“คุณป้า อย่าตื่นเต้นนะครับ”พงศกรประคองเธอ ตากลับมองไปที่วารุณี,“วารุณีคุณเห็นหน้าของคนนั้นไหม?”

“ไม่ได้ เขาอยู่หลังฉันตลอดเวลา ฉันมองไม่เห็นเขาเลย”วารุณีส่ายหน้า ตอนที่พูดถึงชายคนนั้น เสียงก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด

พงศกรมองไปที่ผู้หญิงสองคนนั้นที่ช่วยวารุณี“พวกคุณล่ะ?”