บทที่ 106 เป้าหมายที่น่าสงสัย

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“พวกเราก็ไม่เห็น เขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และยังสวมหมวกด้วย”ผู้หญิงสองคนตอบ

พงศกรพยักหน้า“ดูเหมือน ฆาตกรจะตั้งใจปิดบังใบหน้าของตัวเอง”

ตอนนี้เอง ผู้จัดการร้านอาหารก็พาตำรวจสองสามคนเข้ามาอย่างรีบร้อน

“พวกคุณใครเป็นคนแจ้งความ!”ตำรวจที่อายุมากหน่อยถาม

ผู้หญิงที่แจ้งความก็ยกมือขึ้น“ฉันเองค่ะ”

“บอกมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ตำรวจที่อายุมากเปิดสมุดบันทึกในมือออก เตรียมทำบันทึก

ผู้หญิงที่แจ้งความมองวารุณี ภายใต้การของพยักหน้าวารุณี จึงได้เอาเรื่องราวเล่าออกไป

วรยาก็ดึงมือของตำรวจอายุมาก“ตำรวจคะ ขอร้องล่ะช่วยจับฆาตกรให้ได้ด้วยนะคะ!”

“ถูกต้อง คุณลุง ขอร้องคุณลุงล่ะ”เด็กสองคนก็พูด

พงศกรไม่พูด ละสายตาลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“วางใจเถอะ นี่คือหน้าที่ของพวกเรา พวกเราจะต้องทำได้แน่”หลังจากตำรวจที่อายุมากคนนั้นปลอบวรยากับเด็กทั้งสองคนแล้ว ก็ชักมือกลับ เริ่มถามคำถามวารุณี

ถามเสร็จ ตำรวจที่อายุมากก็ขมวดคิ้วแน่น“นี่มันยากมากเลย!”

“ทำไมครับ?”ผู้จัดการร้านอาหารรีบถาม

ร้านอาหารที่เขาดูแล เกือบคร่าชีวิตคนไป เขาจะไม่ร้อนรนได้ไง

“ตามที่คุณผู้หญิงคนนี้พูดนั้น ฆาตกรปลอมตัวมาโดยเฉพาะ และที่นี่ก็เป็นห้องน้ำ ไม่มีกล้อง อย่าว่าแต่หน้าของฆาตกรเลย แม้แต่รูปร่างของฆาตกรก็ยังไม่รู้ จับยากแน่”ตำรวจอายุมากถอนหายใจ

“ไม่ ตรงทางเดินมีกล้องวงจรปิด”ผู้จัดการร้านชี้ไปที่บนหัวแล้วพูด

พงศกรเลิกคิ้ว“เหรอครับ?งั้นก็ดี กล้องตรงทางเดินจะต้องถ่ายตอนที่ฆาตกรหนีไปจากที่เกิดเหตุได้แน่ พวกเราไปดูกล้องดีไหมครับ?”

“ได้ครับ”ตำรวจที่อายุมากพยักหน้า

วรยาประคองวารุณีลงมาจากเก้าอี้ กลุ่มคนสิบกว่าคน เดินไปห้องวงจรปิด

อย่างเช่นที่พงศกรพูด กล้องวงจรปิดถ่ายภาพตอนที่ฆาตกรออกมาจากห้องน้ำหญิงได้จริงๆ แต่ที่น่าเสียใจก็คือ ยังคงไม่อาจแน่ใจตัวตนของฆาตกรได้

หมดหนทาง ตำรวจที่อายุมากได้แต่เสนอให้กลับไปทำบันทึกที่สถานีก่อน แล้วค่อยเริ่มสืบสวน

“ฮัดชิ่ว!”ก่อนออกจากร้าน วารุณีก็จามเล็กน้อย

วรยาหันกลับถามผู้จัดการร้านว่า“พวกคุณมีไดร์เป่าผมไหม?ให้ลูกสาวฉันเป่าผมให้แห้งก่อนได้ไหม ไม่งั้นเธอจะเป็นหวัดได้”

“มีๆ ๆ ครับ”ผู้จัดการร้านรีบพยักหน้า

วรยาเอาเด็กทั้งสองคนฝากไปที่พงศกร ให้พงศกรดูแลแทน ส่วนตัวเองพาวารุณีตามผู้จัดการไปเป่าผม

“เอ๋ นั่นไม่ใช่วารุณีเหรอ?”หลังหน้าต่างบานหนึ่งของห้องส่วนตัวชั้นสองในร้านอาหาร ผู้ชายหน้าเด็กคนหนึ่งมองเห็นวารุณี ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

จากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรศัพท์ออกไป“ฮัลโหล นัทธี แกทายสิว่าฉันเจอใคร”

“ไม่ทาย!”นัทธีจ้องไปที่คอมพิวเตอร์อย่างแน่วแน่ ตอบอย่างเยือกเย็นไปสองคำ

ดวงตาของพิชิตว่อกแว่กไปมา หัวเราะหึหึ“ฉันเห็นวารุณี”

นัทธีที่กดแป้นพิมพ์ก็หยุดชะงักชั่วคราว“วารุณี?”

“ใช่ไง”

“แกเจอเธอที่ไหน?”นัทธีปิดลำโพงโทรศัพท์ เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหู

พิชิตเคาะขอบหน้าต่างตอบไปว่า“ร้านอาหารดอร์เซต แต่ว่าท่าทางของเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“ทำไมเหรอ?”มือนัทธีที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมา กำแน่น ถามเสียงหม่นลง

พิชิตมองวารุณีด้านล่าง“รายละเอียดฉันไม่รู้หรอก ดูเหมือนเธอจะมีอาการตกใจ สีหน้าซีดขาวมาก ผมก็เปียก ที่ตัวก็มีเสื้อคลุมผู้ชายตัวหนึ่งคลุมไว้ ที่สำคัญก็คือ ด้านหลังเธอมีตำรวจสองคนตามมา นัทธีแกว่า……”

ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็พบว่าจู่ๆ ที่ปลายสายไม่มีการเคลื่อนไหว พอเอาโทรศัพท์มาดู โทรศัพท์ก็ถูกนัทธีตัดสายไปแล้ว

ดูท่าทางแล้ว นัทธีน่าจะได้ยินสถานการณ์ของวารุณีแล้ว เลยเตรียมตัวรีบมานี่สินะ

ด้านล่าง วารุณีได้ไดร์เป่าผมมา ภายใต้การช่วยเหลือของวรยา ก็เป่าจนผมแห้ง จากนั้นจึงตามตำรวจสองคนขึ้นรถ ออกไปจากร้านอาหาร

พอให้การเสร็จแล้วออกมาจากโรงพัก ก็สี่ทุ่มแล้ว

วารุณีและกลุ่มคนเดินอยู่ท่ามกลางความมืด บรรยากาศดิ่งลงอย่างมาก

“วารุณี อาการดีขึ้นบ้างยัง?”พงศกรมองวารุณีที่ก้มหน้าไม่พูด ถามเสียงอ่อนโยน

วารุณีตอบอือ พยายามฉีกมุมปากตอบไปว่า“ดีขึ้นแล้ว”

“หม่ามี๊……”เด็กทั้งสองคนมองไปที่เธออย่างน่าสงสาร ความกังวลในดวงตา ชัดเจนอย่างมาก

วารุณีย่อตัวลง ลูบหัวลูกทั้งสองคน“วางใจเถอะ หม่ามี๊ไม่เป็นไรแล้ว”

“หม่ามี๊ หนูกลัว”ไอริณเข้าไปในอ้อมแขนของเธอโดยตรง“หนูเกือบจะไม่มีหม่ามี๊แล้ว”

“ใช่ สรุปเป็นใครที่ใจดำขนาดนี้ จะฆ่าหม่ามี๊!”อารัณกำหมัดเล็กๆ ไว้แน่น ใบหน้าเล็กๆ นั้นพูดด้วยความโกรธ

วรยาเม้มริมฝีปาก“ตามที่ทางตำรวจพูด น่าจะเป็นคนรอบตัวพวกเรา ไม่งั้นคงไม่รู้ร่องรอยของวารุณีได้ชัดขนาดนี้แน่ แล้วยังตั้งใจซุ่มโจมตีวารุณีในห้องน้ำอีก”

“ถูกต้อง ฉันก็คิดว่าต้องเป็นคนรอบตัว”วารุณีพยักหน้า

ดวงตาของพงศกรมีประกายแวววาวแวบขึ้นมา“วารุณี คุณคิดได้ยังว่าใคร?”

ริมฝีปากวารุณีขยับ ตอนกำลังจะพูด เสียงแตรรถคันหนึ่งก็ดึงขึ้นมาไม่ไกลมากนัก

จากนั้น แสงไฟสูงสองดวงก็สาดส่องเข้ามา ส่องไปที่ตัววารุณีและกลุ่มคน ส่องจนดวงตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น

“ใครอ่ะ?”วรยาเอามือมาบังตรงหน้า

“คุณอานัทธี”เด็กทั้งสองคนกะพริบตามองเห็นร่างสูงใหญ่เดินย้อนแสงมา ทั้งคู่กระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ

“คุณอานัทธี”เด็กทั้งสองคนวิ่งไปทางนัทธี

พงศกรเห็นเด็กสองคนมีท่าทีเป็นมิตรต่อนัทธี ดวงตาหลังเลนส์ก็หรี่ลงอย่างอันตราย แต่แป๊บเดียว ก็คืนกลับมาอย่างธรรมชาติ

นัทธีย่อตัวลง อุ้มไอริณขึ้นมา มืออีกข้างดึงอารัณมาตรงหน้าวารุณี มองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

วารุณีส่ายหน้า“คุณรู้ได้ไงคะว่าฉันเกิดเรื่อง?”

“พิชิตบอก เขาก็อยู่ที่ร้านอาหาร”นัทธีตอบกลับด้วยริมฝีปากบางๆ

วารุณีเงยคางขึ้นทันที“ที่แท้ก็แบบนี้”

“จับฆาตกรได้ยังครับ?”นัทธีวางไอริณลง แล้วถามอีกว่า

“ยังค่ะ แต่ฉันรู้สึกว่า ฆาตกรนี้แค่รับจ้างมาก่อเรื่อง ฆาตกรตัวจริงยังหลบซ่อนอยู่”วรยาถอนหายใจ

วารุณีมองนัทธี ไม่ละสายตาออก

วรยามองเห็น ก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย“วารุณี ลูกมองนัทธีแบบนี้ทำไม?”

สายตาวารุณีเป็นประกายเล็กน้อย“ไม่มีอะไรค่ะ”

เธอละสายตาออกไป

นัทธีจับได้ถึงความผิดปกติในสายตาของเธอ สายตาก็หม่นลง แต่ก็ไม่ได้ถามเธอว่ากำลังคิดอะไร พูดเสนอว่า“คุณป้า ดึกมากแล้ว ผมส่งพวกคุณกลับไปก่อนดีกว่า”

“โอเค”วรยาพยักหน้า“งั้นก็ขอบคุณนัทธีด้วยล่ะ”

“คุณป้า งั้นผมก็ไม่ไปกับพวกคุณแล้วนะครับ”พงศกรยิ้มไปพูดไป

วรยากำลังอยากถามเขาว่าทำไม เขาก็พูดอีกว่า“พรุ่งนี้เช้ามีเคสผ่าตัด อยากรีบกลับไปพักผ่อนน่ะครับ”

“โอเค งั้นคุณก็เดินทางปลอดภัยนะ”วรยาพยักหน้าเห็นด้วย

วารุณีกับเด็กทั้งสองคนโบกมือ บอกลาเขา

มีแต่นัทธีที่นิ่งเฉย ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนมองไม่เห็นเขา

พงศกรก็ไม่สน กลับกันยังบอกลานัทธีอย่างใจกว้าง แล้วจึงขับรถออกไป

“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”วรยามองจนรถของพงศกรหายไปแล้วจึงละสายตากลับมา

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย ไม่โต้แย้งใดๆ

ระหว่างทางที่กลับไปอพาร์ทเม้นท์ วรยาก็มองนัทธีขับรถ ถามหยั่งเชิงไปว่า“นัทธี ยังไม่ถามคุณเลยทำไมจู่ๆ ก็มาหาพวกเราได้ล่ะ?”

“ร้านอาหารดอร์เซตมีหุ้นส่วนของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป พวกคุณเกิดเรื่องแบบนี้ ผมในฐานะเจ้านาย ไม่ทำอะไรไม่ได้เด็ดขาด”นัทธีละสายตาลง ตอบอย่างราบเรียบ

วรยาผิดหวังหน่อยๆ เธอคิดว่าเขาจะเป็นห่วงวารุณี

ดูเหมือนเธอจะคิดมากไป วารุณีมีใจให้อยู่ฝ่ายเดียวสินะ

“ประธานนัทธี ฉันถามคุณอย่างหนึ่งได้ไหม?”วารุณีกล่อมลูกทั้งสองคนหลับเสร็จ ทันใดนั้นก็ถาม