ตอนที่ 144 บทที่ 7 ปัจฉิมบท

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่ 7 ปัจฉิมบท

 

หลังจากเลิกเรียน โนโซมุและลิซ่าก็ไปเดินเล่นด้วยกันในเมืองอาร์คาซัม

 

ผ่านเขตที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ตั้งของหอพักของนักเรียนและมุ่งหน้าไปยังสวนใจกลางเมือง

 

โนโซมุและลิซ่านั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ มองดูอาคารเรียนสีขาวของสถาบันโซลมินาติ อย่างเงียบๆ

 

ความเงียบเข้ากลืนกินทั้งสองชั่วขณะ

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะเกี่ยวกับเรื่องผมของเธอ」

 

 

 

โนโซมุเป็นคนแรกที่พูด

 

เมื่อเหลือบมองผมที่สั้นลงของลิซ่า เธอก็มองมาอย่างเขินอาย

 

ผมของลิซ่าที่ยาวถึงระดับไหล่ ตอนนี้ยิ่งสั้นกว่าเดิม ทำให้เหมือนกับผู้ชาย

 

 

 

「ก็บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและมันก็สมบูรณ์เสียจนคามิลล่าตกใจเลยล่ะ」

 

 

 

ตรงกันข้ามกับสีหน้าเศร้าๆของโนโซมุ ลิซ่าโบกมือบอกปัดว่าไม่เป็นไร

 

 

 

「เอ่อ งั้นเหรอ แต่ว่าจนถึงตอนนี้เรื่องนั้นก็เป็นความผิดของผม」

 

 

 

「นั่นคือสิ่งที่โนโซมุอยากจะขอโทษงั้นเหรอ? เดิมทีมันเป็นความผิดของฉันเองต่างหากที่ไม่เชื่อใจโนโซมุน่ะ……」

 

 

 

คราวนี้สีหน้าของลิซ่าดูอมทุกข์

 

แม้ว่าจะโดนเคนหลอกก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนที่ไม่ไว้ใจโนโซมุเอง

 

และคำพูดของเธอที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้โนโซมุตกต่ำลง

 

 

 

「ขอโทษนะ ที่ฉันไม่เคยเชื่อใจโนโซมุเลย……」

 

 

 

เมื่อหันไปทางโนโซมุ ลิซ่าก็โค้งคำนับอย่างสุดใจ

 

ตัวเธอไม่คิดว่าจะได้รับการยกโทษให้ ถึงกระนั้นเธอก็อยากจะขอโทษให้ถูกต้องตามหลักการ

 

 

 

「ไม่หรอก ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายถามตอนที่ข่าวลือแพร่สะพัด เคนก็เหมือนกันผมน่าจะคุยกับเขาตั้งแต่แรก เหตุผลที่ผมไม่ทำแบบนั้นเพราะมัวแต่ผูกใจเจ็บและหนีความเป็นจริงเท่านั้นเอง」

 

 

 

โนโซมุมองเธอขณะที่เธอก้มหน้าและค่อยๆแสดงความตั้งใจที่แท้จริงของเขา

 

คำพูดเหล่านั้นต่างเต็มไปด้วยความเสียใจของเขาเอง

 

อันที่จริงโนโซมุกลัวลิซ่าที่จะปฏิเสธตัวเขา ไม่เพียงแต่ตัวเขาที่โดนเคนหลอกเท่านั้น แต่ในขณะนั้นเขาก็กังวลเกี่ยวกับความไร้พลังของตัวเองที่ไม่พัฒนาขึ้นเลย

 

ส่วนโนโซมุก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่ทำให้เกิดสถานการณ์อันซับซ้อนเช่นนี้

 

เขาหนีจากความเป็นจริงที่ว่าถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้นจะสามารถช่วยลิซ่าได้ มัวแต่คิดแบบนั้น จนไม่สนใจที่จะพูดคุยให้เข้าใจกัน นั่นเป็นความผิดของโนโซมุอย่างแน่นอน

 

 

 

「สุดท้ายแล้ว แม้ว่าเราจะบอกว่าเราทำเพื่อกันและกัน แต่เราก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย ฝันนึกถึงเรื่องราวของสองเรา ฝันถึงความฝันต่างๆที่ได้ทำร่วมกัน และเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ก็ได้แต่หันหลังให้กับมัน

 

 นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะขอโทษ」

 

 

 

เป็นอีกครั้งที่โนโซมุพูดและขอโทษลิซ่าอย่างใจจริง

 

จากนั้นทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกันและยิ้มให้กัน

 

 

 

「ฮะฮะ! พวกเรากังวลอะไรไม่เข้าเรื่องกันเลยสินะ」

 

 

 

「ฮ่าฮ่าฮ่า ! นั่นสินะ พวกเราต่างโดดเรียนในช่วงเที่ยววันและก้มศีรษะนั่งทุกข์ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากมองจากมุมมองบุคคลที่สามแล้ว ก็คงจะมองแบบว่าสองคนนี้มันมานั่งทำไรกันนี่」

 

 

 

พวกเขาต่างยิ้มและหัวเราะให้กันสักพัก

 

สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ฝังแน่นอยู่ในใจตลอดสองปีที่หายไป นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นรู้สึกมีรอยยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวเป็นเวลานานกว่าสองปี แต่ละคนต่างคิดและทำเพื่ออีกฝ่าย แม้จะพยายามเกลียดอีกฝ่าย แต่ก็ทำใจไม่ลง ในที่สุดเกียร์ที่ขึ้นสนิทก็เริ่มหมุนอีกคราแล้ว

 

 

 

「ลิซ่าจะเอายังไงต่อเหรอ?」

 

 

 

ทั้งสองคนหัวเราะต่อไปสักพัก

 

ในที่สุด เพื่อตอบคำถามของโนโซมุ ลิซ่าก็เงยหน้าขึ้นและมองไกลออกไป

 

ขณะมองดูท้องฟ้า หลับตาลงราวกับนึกถึงความในใจ

 

ในที่สุดเธอหันหน้าไปหาโนโซมุด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวและค่อยๆพูดออกมา

 

 

 

「ฉันยังไม่เข้าใจตัวเองดีเลย ฉันอยากจะเป็นนักผจญภัยเหมือนกับพ่อของฉัน แต่ฉันก็รู้ว่ายังมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับฉัน และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องการเรียนรู้ที่นี่ และ……」

 

 

 

「และ?」

 

 

 

หลังจากไม่ทันจะจบประโยคสุดท้าย ลิซ่าก็รีบเข้าหาโนโซมุอย่างรวดเร็ว

 

ดวงตาที่เปียกชื้นของเธอจ้องมองเขาจากระยะใกล้

 

โนโซมุรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นรัวเมื่อมองดูใบหน้าของเธอที่เหมือนกับจะหลั่งน้ำตา

 

 

 

「นี่ โนโซมุ….ถ้าฉันตัดสินใจลาออกจากสถาบันนี้ เธอจะตามฉันมาไหม?」

 

 

 

คำพูดของลิซ่าราวกับวิงวอนต่อโนโซมุ

 

แม้ว่ารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปขอร้องเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

 

ดวงตาที่ชื้นและปากที่สั่นเทาของเธอเหมือนกับทับทิมที่เปียกปอนกลางสายฝน มันบอกเล่าหลายๆอย่าง

 

เมื่อลิซ่าพยายามจะอ้อนวอน โนโซมุก็หลับตาลงราวกับยืนยันความรู้สึกของตัวเขาเอง

 

จากนั้นเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและเผชิญหน้ากับความปรารถนาของลิซ่า……。

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะ แต่ตอนนี้ผมมีบางอย่างที่จะต้องสะสาง」

 

 

 

เขาปฏิเสธเธอไปตรงๆ

 

 

 

「นั่นเป็นสาเหตุที่ตอนนี้ผมไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้ ขอโทษขริงๆนะ」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว งั้นเองเหรอ……。」

 

 

 

ราวกับว่าเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลิซ่าก็ถอยห่างจากเขา

 

โนโซมุกัดริมฝีปากขณะที่มองดูเธอถอยออกไปอย่างโดดเดี่ยว

 

 

 

「ขอโทษนะ ที่ผมไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้」

 

 

 

「ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย โนโซมุรักษาสัญญาที่ให้กับฉันไว้เป็นอย่างดี นายสนับสนุนฉันจนกล้าที่เผชิญหน้ากับความฝันของตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้วล่ะ

 

 โนโซมุน่ะรักษาสัญญาได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะ」

 

 

 

ผมไม่สามารถรักษาสัญญาของตัวเองได้ เมื่อโนโซมุพูดแบบนั้น ลิซ่าก็ยิ้มออกมาและปฏิเสธคำพูดของเขา

 

โนโซมุทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว

 

ต้องขอบคุณโนโซมุจริงๆที่ทำให้ลิซ่าที่หนีความจริงกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงได้อีกครั้ง

 

อาจต้องใช้เวลาพอสมควร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เคยหนีและเผชิญหน้ากับฉัน

 

ลิซ่าดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจเธอตกหลุมรักเขาที่เป็นแบบนั้น

 

ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่สำหรับลิซ่าความรู้สึกนี้ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าจากคนที่เธอรักมากกว่าสิ่งใด

 

 

 

「ฉันน่ะกลัวนะเพราะงั้นเลยชวนโนโซมุมาที่สถาบันนี้ด้วยกัน

 

 ชีวิตในฐานะนักผจญภัยนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ฉันคิดว่าฉันเชิญโนโซมุเพราะกลัวที่จะต้องแยกจากกัน……」

 

 

 

หากต้องการเป็นนักผจญภัย ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนที่สถานบันโซลมินาติ สามารถเข้าร่วมกิลด์หรือสถานที่อื่นๆใกล้บ้านเกิดได้ และเริ่มต้นการผจญภัยที่นั่น

 

เหตุผลที่เธอไม่ทำแบบนั้นเพราะเธอกังวลว่าตัวเองจะเกิดอันตราย เธอบอกกับตัวเองว่าตอนนั้นเธอคิดแค่นั้น

 

แต่ว่าหลังจากถูกทรมานด้วยความเสียใจและความกลัว

 

 

 

「นอกจากนี้ฉันยังบรรลุเป้าหมายหลายๆอย่างเลยล่ะ」

 

 

 

「งั้นเหรอ?」

 

 

 

「อืม」

 

 

 

ลิซ่ายกสะโพกขึ้นขณะยิ้มกลับให้โนโซมุที่กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

อืมมมมมมมมมม~! ใบหน้าของเธอสดใสราวกับท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆบดบัง

 

 

 

「จะกลับไปที่บ้านเกิดงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ใช่แล้วล่ะ โนโซมุก็คือโนโซมุ ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอยู่ใช่ไหมล่ะ?」

 

 

 

「อา……แต่ว่าจะดีแล้วงั้นเหรอ?」

 

 

 

「คิดว่าพวกเราคบกันมากี่ปีแล้วล่ะ? ในไม่ช้าโนโซมุต้องเข้าใจแน่นอน」

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้าเขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

 

โนโซมุยิ้มมุมปากให้ลิซ่าที่กำลังยิ้มโดยประสานมือไว้ด้านหลังเอวและค่อยๆยกสะโพกขึ้นจากม้านั่ง

 

 

 

「โอ้ว ถ้างั้นละก็」

 

 

 

「ใช่ ถึงเวลาที่จะก้าวไปข้างหน้า……」

 

 

 

โนโซมุหันหลังให้ลิซ่า โบกมือให้กันและเดินออกจากสวนสาธารณะ

 

เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา ลิซ่าก็หายใจเข้าลึกๆราวกับแสดงความรู้สึกออกมา

 

 

 

「พวกเรามาไกลกันมากเลยนะสองปีที่ผ่านมานี้……」

 

 

 

ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังที่ดูเติบใหญ่ของโนโซมุ

 

 

 

「แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง นับจากนี้ไป……」

 

 

 

ด้วยความคิดในใจ ลิซ่าจึงหันหลังให้กับโนโซมุและเริ่มเดิน

 

เส้นทางของทั้งสองแยกกัน ณ ตรงนี้

 

แต่ลิซ่าก็ไม่ได้กังวลใจอะไรอีกแล้ว ในใจ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บที่ต้องสูญเสียคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตไป

 

ด้วยความรู้สึกนั้น เธอจะเข้มแข็งขึ้นให้มากยิ่งกว่านี้เพื่อยืนเคียงข้างเขาอีกครั้ง

 

ในที่สุดหยดน้ำตาอันร้อนรุ่มก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ จากนั้นเธอจึงก้าวไปข้างหน้า

 

 

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 

 

หลังจากบอกลากับลิซ่า โนโซมุได้ไปเดินตามแผงลอยตลาดในเมือง

 

ร้านทำนายโชคชะตาที่ไม่เหมือนใครพร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องใช้ในพิธีกรรมต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก

 

ไม่ค่อยอยากจะมาที่นี่สักเท่าไรเพราะการตกแต่งอันแปลกตาหรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าตัวมีเอกลักษณ์เกินไป

 

ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ โนโซมุก็ตะโกนเข้าไปในร้าน

 

 

 

「ตาแก่ อยู่รึเปล่า?」

 

 

 

「อ้าว ก็นึกว่าสาวๆมาหาที่ไหนได้แกเองเรอะ มาทำอะไร? ร้านปิดอยู่นะ?」

 

 

 

เจ้าของร้านที่เป็นมังกรวัยชรา ผมสีขาวมีหนวดมีเคราปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

 

 

 

「กลับมาเร็วมากเลยนะ แล้วเรื่องตัดสินโทษของอาเซลเป็นยังไงบ้างล่ะ?」

 

 

 

「พวกเราบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าเขาควรจะถูกตัดสินโทษประหารชีวิต แต่ตอนนี้เธอยังถูกคุมตัวอยู่ที่หมู่บ้าน อยากให้มีการลงโทษแบบเฉพาะเจาะจงงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็โอเคแล้ว นอกจากนี้ ไม่มีธุระอะไรกับหมอดูเฮงซวยด้วย」

 

 

 

「แล้วมาถึงที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรล่ะพ่อหนุ่ม?」

 

 

 

โนโซมุเองก็ไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับการลงโทษของอาเซลในตอนนี้

 

ไม่เป็นไรตาบใดที่ไม่ถูกจับผิด นอกจากนั้นโนโซมุมีเหตุผลที่ต้องมาหาเขาไม่ใช่ในฐานะหมอดู แต่ในฐานะมังกรขาว

 

 

 

「มีเรื่องอยากจะถาม ตอนที่ผมเข้าไปใน “อาณาเขตนักล่า” ของอบิส ตาแก่บอกว่าต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวผมเองเพื่อช่วยลิซ่า นั่นหมายความว่ายังไง?」

 

 

 

「ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เจ้าไม่เพียงแต่มีพลังมหาศาลที่เอามาจากเทียแมต แต่ยังมีความสามารถอื่นๆอีกด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่รอดมาจนถึงตอนนี้ไงล่ะ」

 

 

 

ความสามารถของโนโซมุ

 

นี่คือสิ่งที่ตาแก่กลาวกับโนโซมุระหว่างเหตุการณ์ที่สู้กับเคนและอบิส

 

โนโซมุขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น

 

จริงๆแล้วซอนเน่หมายถึงอะไรกันแน่

 

 

 

 

 

「ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? พลังที่เทียแมตครอบครองนั้นช่างนอกรีตและ」

 

 

 

หากจินตนาการว่าเคนรวมเข้ากับอบิสแล้วจะสามารถเข้าใจได้งั้นเหรอ

 

ไม่คิดว่ามันจะเหมือนกันหรอกนะเทียแมตกับอบิสอยู่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่วิธีกัดกร่อนจิตใจของพวกมันกลับอยู่ในสเกลเดียวกัน

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม นี่คือวิถึชีวิตของเจ้าในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพลังเหนือธรรมชาติของดราก้อนสเลเยอร์หรือที่เรียกกันว่าลอร์ด」

 

 

 

「พลังเหนือธรรมชาติคือ?……」

 

 

 

「ก็แสดงออกมาให้เห็นแล้วนี่ โซ่ที่มองไม่เห็นซึ่งผูกมัดร่างกายของเจ้า เจ้าน่าจะรู้จักดีไม่ใช่เหรอ?」

 

 

 

ห่วงโซ่ที่มองไม่เห็น เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โนโซมุก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่แขนของเขา

 

หากมองใกล้ๆจะเห็นโซ่ที่ล่ามเข้าเอาไว้อย่างลางๆ

 

โซ่ที่ยังพันอยู่รอบๆตัวโนโซมุทำให้ร่างกายของเขามีน้ำหนักราวกับตะกั่ว

 

 

 

「มันเกี่ยวกับความสามารถในการผนึกงั้นเหรอ? อย่างไรก็ตามเจ้าสิ่งนี้……」

 

 

 

「มันไม่เกี่ยวกับความสามารถในการพันธนาการของเจ้าหรอก พูดให้ถูกว่าความสามารถในการผนึกของเจ้ามันแปรเปลี่ยนไปต่างหาก แต่ผลก็ยังคือรูปร่างเหมือนเดิม

 

 พลังในการพันธนาการมันเป็นเพียงผลพลอยได้จากพลังเหนือธรรมชาติที่เจ้าครอบครองต่างหาก」

 

 

 

「ผลพลอยได้งั้นเหรอ?」

 

 

 

ดวงตาของโนโซมุเบิกกว้างขณะที่เขาคิดว่าพลังใน

 

ชายชรามองโนโซมุด้วยดวงตาแปลกๆและขอให้เขาเข้าไปในร้าน

 

เขากระตุ้นให้โนโซมุนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆในขณะที่เขาทำสีหน้าอามรมณ์ไม่ดี เทน้ำจากเหยือกที่อยู่ด้านหลังร้านลงในแก้วและผลักแก้วให้โนโซมุ

 

โนโซมุคว้าถ้วยที่ยื่นออกมาและกลืนสิ่งที่อยู่ในถ้วยลงไปในรวดเดียว

 

น้ำอุ่นตกลงไปในลำคอของเขาและอาการหัวร้อนของเขาก็บรรเทาลง

 

หลังจากยืนยันสถานการณ์แล้ว ซอนเน่ยังคงพูดถึงพลังเหนือธรรมชาติของโนโซมุต่อไป

 

 

 

「พลังที่เจ้ามีคือพันธนาการ เป็นความสามารถในการผนึกสิ่งมีชีวิตที่เชื่องโยงกับจิตวิญญาณของเจ้าโดยไม่ต้องถามคำถามใดๆยิ่งไปกว่านั้น มันมีพลังในการพันธนาการยิ่งกว่าบาเรียผนึกมังกรของข้าเสียอีก

 

โซ่ตรวนวิญญาณที่สามารถผนึกได้แม้กระทั่งดราก้อนสเลเยอร์ มันเหมือนกับ “พันธนาการผนึกวิญญาณ”」

 

 

 

「กักขังวิญญาณ พันธนาการ……」

 

 

 

「เนื่องจากพลังนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เทียแมตจึงสูญเสียพลังไปพร้อมกับจิตวิญญาณของเจ้า และความสามารถส่วนใหญ่ของเจ้าก็ลดลงจากที่ควรจะเป็นเพราะเจ้าได้เป็นดราก้อนสเลเยอร์ซึ่งความสามารถตามธรรมชาติของเจ้าควรจะสูงกว่านี้ แต่เพราะพันธนาการวิญญาณที่ผนึกได้แม้แต่พลังของดราก้อนสเลเยอร์ด้วย」

 

 

 

เป็นอีกครั้งที่โนโซมุมองลงไปที่โซ่ที่มองไม่เห็น

 

เมื่อละสายตาจากมัน ซอนเน่ก็พูดต่อ

 

 

 

「เดิมทีตอนแรกมันก็เป็นการผนึกความสามารถทางกายของเจ้าธรรมดาและปลดปล่อยได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ความสามารถของเจ้าพัฒนาช้ามากๆ แต่แลกกับตอนที่ปลดพันธนาการเจ้าจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ตอนที่เจ้าได้พลังที่มากขึ่นทำให้มันทรงพลังมากยิ่งขึ้น เพื่อแลกกับพลังอันแสนบ้าคลั่งทำให้เจ้าผนึกได้แม้แต่พลังของดราก้อนสเลเยอร์ที่ควรจะได้รับมันมา

 

 เหตุผลที่เฝ้าดูเจ้าก็เพื่อตรวจสอบว่าเหตุใดเทียแมตถึงถูกปิดผนึกอยู่ในร่างของมนุษย์」

 

 

 

หากซอนเน่เป็นหัวหน้างาน ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ

 

แม้แต่ดราก้อนสเลเยอร์ก็สามารถควบคุมได้โดยการพันธนาการไว้อีกมิติหนึ่ง หากตระหนักได้ถึงวิธีอื่นในการผนึก ก็เป็นเรื่องปกติที่จะพยายามค้นหาวิธีนั้น

 

สาเหตุที่เผ่ามังกรไม่ติดต่อใครเลยนอกจากซอนเน่อาจเป็นเพราะโนโซมุครอบครองพลังนี้

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโนโซมุกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่ามังกร แต่ก็มีบางสิ่งที่สำคัญกว่านั้นในตอนนี้

 

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป แน่นอนว่าการที่เขาสามารถผนึกเทียแมตได้นั้นมีความสำคัญมาก

 

 

 

「……หากเชี่ยวชาญจะสามารถควบคุมพลังของเทียแมตได้ไหม?」

 

 

 

「ก็ไม่รู้เหมือนกัน เนื่องจากพันธนาการของเจ้า ทำให้ข้าเข้าไปข้องแวะกับจิตวิญญาณของเจ้าได้เลย ซึ่งมันตัดสิ่งรบกวนจากภายนอกโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมันเป็นต้นเหตุที่เป็นพลังเหนือธรรมชาติ จึงอาจจะสามารถควบคุมได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจใดๆก็ตามขึ้นอยู่กับผู้ใช้」

 

 

 

ซอนเน่เองก็ไม่ทราบรายละเอียด

 

สถานการณ์ปัจจุบันคือแม้ว่าเขาจะพยายามไปแทรกแซงมากเพียงใดในขณะที่ผนึกกำลังถูกปลดปล่อย พลังของเทียแมตที่ล้นออกมาจากร่างของโนโซมุก็ยังขวางทางได้

 

 

 

「มีเรื่องอยากจะขอร้อง ช่วยฝึกผมหน่อยได้ไหม」

 

 

 

「หืม แล้วอยากให้ฝึกอะไรล่ะ?」

 

 

 

「วิธีควบคุมพลังมังกร วิธีใช้พลังเหนือธรรมชาติ อยากจะเรียนรู้ถึงวิธีใช้มัน」

 

 

 

ซอนเน่หรี่ตาลงที่โนโซมุกำลังจ้องมองเขา

 

 

 

「ดังที่ข้ากล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลการผนึกวิญญาณทำให้ข้าไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเจ้าได้ แม้ว่าจะขอให้ข้าแสดงวิธีใช้งาน แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลย」

 

 

 

「แต่ว่า หากมีคนช่วยสอนผมในการใช้พลังมังกร คงไม่มีใครอื่นนอกจากตาแก่อีกแล้ว ผมเองก็รู้สึกแย่กับอาจารย์จิฮัด แต่ตาแก่มีคุณสมบัติมากกว่าเขา」

 

 

 

ใช่แล้ว

 

การจะเรียนรู้พลังของมังกร ก็ต้องสู้กับมังกรมันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

แต่ว่าโนโซมุเป็นมนุษย์ เนื่องจากเขาไม่ใช่สมาชิกของเผ่าพันธ์ุมังกร แม้แต่ซอนเน่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถฝึกฝนทักษะของพวกเขาได้มากเพียงใด

 

ซอนเน่ลูบเคราของเขาขณะที่ครุ่นคิดกับมองไปที่โนโซมุ

 

 

 

「เหตุผลเพราะแม่สาวคนนั้นรึ?」

 

 

 

เหตุผลที่โนโซมุสูญเสียใจในการสู้ ตัดสินใจจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ซอนเน่อยากจะยืนยันเรื่องนั้น

 

เมื่อเห็นซอนเน่จ้องมองราวกับมองทะลุจิตใจของเขา โนโซมุหายใจเข้าลึกๆแล้วหลับตาลงและพูดขึ้น

 

 

 

「ครั้งหนึ่งเคยดูถูกเทียแมตหลอกและเกือบจะทำร้ายพวกเขา

 

 ไอริสและคนอื่นๆยอมรับผมที่เป็นแบบนี้ ผมมีความสุข คนเดียวที่ทำอย่างนั้นเพื่อผมก็คืออาจารย์」

 

 

 

โนโซมุยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับยืนยัน โดยค้นหาลึกเข้าไปในใจของเขาเอง

 

ความรู้สึกจริงใจของสาวๆเหล่านี้ที่ยอมรับตัวเขา ผู้ที่ถูกปฏิเสธและมีปัญหามากมายทับถม

 

ความรู้สึกเหล่านั้นช่วยโนโซมุไว้มากแค่ไหน? มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการ

 

พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ความรู้สึกยินดีของเขาก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง

 

 

 

「บางทีผมอาจจะมองหาทางอื่นในหัวใจ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ผมมีเพื่อนแล้ว ผมเชื่อแบบนั้น แต่ที่ไหนสักแห่งที่ทำให้ผมรู้สึกได้สบายใจ ผมอยากให้สถานที่แบบนี้คงอยู่ตลอดไป」

 

 

 

สำหรับโนโซมุการได้อยู่เคียงข้างไอริสและคนอื่นๆไม่มีอะไรจะสบายใจไปกว่านี้แล้ว

 

เหตุผลที่ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกบอกว่าต่ำสุดในสถาบันและตอนนี้เป็นที่พึ่งของเหล่ารุ่นน้องก็เพราะสาวๆอย่างพวกเธอ

 

ความสบายใจนั้นทำให้โนโซมุเลิกเป็นคนขี้กังวล

 

เพราะมีเพื่อนๆอยู่ ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ความรู้สึกมั่นคงที่ไม่แน่นอนนั้นไหลซึมเข้าสู่หัวใจของโนโซมุราวกับน้ำฝน ทำให้เขารู้สึกกังวลโดยไม่รู้ตัว

 

ผลก็คือ เขามองไม่เห็นตัวเองมีแต่ความโกรธ และหันดาบใส่ไอริสและคนอื่นๆ

 

สถานการณ์นั้นเกิดจากการขาดประสบการณ์และความประมาทของโนโซมุ

 

 

 

「นี่ ตาแก่ คิดอย่างไรเกี่ยวกับพวกไอริสล่ะ?」

 

 

 

ทันใดนั้นโนโซมุก็มองไกลออกไป

 

 

 

「พวกเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก ตลอดหลายปีที่ข้ามีชีวิตมามีไม่มากที่จะเจอคนสวยเช่นนี้ แม้ไม่ดีสำหรับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว……」

 

 

 

「งั้นเหรอ งั้นเหรอออออออ

 

 แม้ว่าตัวผมที่เป็นแบบนั้นแต่ไอริสและคนอื่นๆก็ยังดีใจที่ผมมีชีวิตรอดมาได้เหตุผลนั้นพอใช้ได้ไหมล่ะ……」

 

 

 

โนโซมุยิ้มอย่างขมขื่นกับมุกตลกของซอนเน่และบังคับตัดบทมองที่แขนของเขาที่มีโซ่ที่มองไม่เห็น

 

โนโซมุและเทียแมตเชื่อมกันอยู่ด้วยวิญญาณ ไม่ว่าจะพยายามปฏิเสธมันมากแค่ไหน ดูเหมือนความสัมพันธ์ของสองเราก็ไม่สามารถแตกหักกันได้

 

 

 

「ผมไร้ซึ่งพลัง ผมจะไม่หันหลังให้กับเทียแมต ผมไม่อยากจะหนีจากเธออีกแล้ว

 

 ดังนั้นไม่สำคัญว่าการฝึกจะโหดหินสักเท่าไร ได้โปรดเถอะ ผมอยากให้คุณสอนถึงวิธีการใช้พลังนี้」

 

 

 

ในกรณีนั้น โนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากหาวิธีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเทียแมต

 

เขาอยากจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะได้ยืนเคียงข้างเหล่าเพื่อนๆ

 

เมื่อนึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น โนโซมุโค้งคำนับซอนเน่

 

ต่อหน้าโนโซมุที่ก้มอยู่ ซอนเน่ยังคงนิ่งเงียบด้วยสีหน้าจริงจังผิดปกติ

 

หนึ่งวิ สองวิ ในที่สุด หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที ซอนเน่ก็ตอบโนโซมุด้วยความหนักแน่นและทรงพลัง

 

 

 

「……การฝึกฝนเป็นเรื่องยาก เทียแมตพยายามทำลายผนึกของเจ้า เจ้าอาจจะไม่สามารถควบคุมเธอได้

 

 หากมีความลังเลในใจเพียงเล็กน้อย เจ้าก็จะเสียความเป็นเหตุผลทั้งหมดไป เช่นเดียวกับเมื่อวาน และครั้งนี้เจ้าต้องตายจริงๆ ยังอยากจะเสี่ยงอยู่ไหม?」

 

 

 

「ผมเข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่าง ถ้าผมเอาชนะด้วยการขัดเกลาจิตใจตัวเองไม่ได้ ผมก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่เคียงข้างพวกเขา ดังนั้นผมจะฝึก」

 

 

 

แม้ว่าซอนเน่จะถามวัดใจเขา แต่โนโซมุก็ตอบทันที

 

ซอนเน่สูดหายใจเข้าลึกๆและกระตุ้นให้โนโซมุเงยหน้าขึ้นมอง

 

 

 

「……เอาล่ะ จากนี้ไปเรียกข้าว่าอาจารย์ได้」

 

 

 

「นั่นไม่ดีเลยสักนิด มีเพียงคนเดียวที่จะเป็นอาจารย์ของผมได้ ดังนั้น ผมจะเรียกว่าตาแก่บ้ากาม」

 

 

 

「อืม ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ข้าจะปากเก่งไม่เบาเลยนี่」

 

 

 

「ถ้าเป็นอาจารย์ที่ผมเคารพ ผมจะใช้คำพูดสุภาพ ดังนั้นตาแก่บ้ากาม ขอบคุณมาก」

 

 

 

เมื่อมองไปด้วยรอยยิ้มอันเร่าร้อน โนโซมุก็จ้องมองกลับด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าและคว้ามือที่ยื่นออกมาอย่างมั่นคง

 

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 

ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเขตการปกครอง ชายและหญิงเผชิญหน้ากันในห้องที่มีแสงสลัว จ้องมองไปที่คริสตัลที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

ผู้หญิงคนนั้นคือเม็กเลีย สวมชุดสีม่วง ชายอีกคนหนึ่งเป็นชายที่รู้จักกันในนามอีกาซากศพและแต่งกายด้วยชุดที่ชวนให้นึกถึงอีกา

 

คริสตัลที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองเปล่งแสงจางๆจากภายใน จากนั้นแสงก็วูบวาบเหมือนหมอกควัน ค่อยๆเปลี่ยนสีและเผยให้เห็นรูปร่างของมัน

 

สิ่งที่จำลองแสงคือชายหนุ่มถือดาบและมังกรขาวที่กำลังเผชิญหน้ากัน

 

ชายหนุ่มและตาแก่สู้กันอย่างดุเดือดจนสุดท้ายชายหนุ่มก็จนมุมถูกควบคุมด้วยการรักษากับมังกรขาว

 

จากนั้น ก่อนที่ชายแก่จะโจมตีครั้งสุดท้าย หญิงสาวที่สวมเครื่องแบบของสถาบันโซลมินาติก็เข้ามาขวาง

 

 

 

「นี่คือสิ่งที่อยากจะให้จัดการเหรอ?」

 

 

 

「อ่า คิดว่าจะทำได้รึเปล่าล่ะ?」

 

 

 

「จริงๆแล้ว ไม่มีใครเหมาะกว่านี้อีกแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติจะสังเกตเห็นอุปสรรคนั่น……」

 

 

 

แม้ในขณะที่เม็กเลียและอีกาซากศพกำลังคุยกัน ภาพที่สะท้อนในคริสตัลก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

 

ตาแก่พ่ายแพ้ต่อหญิงสาวและคราวนี้ชายหนุ่มที่โดนเล่นงานก็กลับยืนหยัดขึ้นมา

 

จากนั้นชายหนุ่มและหญิงสาวก็ถือดาบและเริ่มปะทะดาบกัน

 

จากร่างกายของชายหนุ่มองค์ประกอบที่เป็นประกายจากห้าสีก็ปะทุขึ้น ครอบงำหญิงสาวผมดำที่อยู่แนวหน้าและชายหนุ่มที่ถือดาบขนาดใหญ่

 

ขณะที่มองดูเหตุการณ์ด้วยความชื่นชม อีกาซากศพก็ปรบมือด้วยสีหน้ามีความสุข

 

 

 

「หวาา หมอนั่นน่าทึ่งมาก พวกสาวๆเองก็ด้วย อะไรกันมากกว่านั้นมีพวกแบบนี้มีนักเรียนแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ? มนุษย์จริงๆเหรอเนี่ย?」

 

 

 

「คนที่เผชิญหน้าอยู่คือลูกสาวของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน และเด็กเจ้าปัญหา นอกจากนี้ยังมีเอลฟ์และพวกมนุษย์สัตว์

 

 ”เขา” คนนั้นเป็นมนุษย์ตามเอกสาร ไม่ใช่พวกอสูรจริงเหรอ เขาน่าจะเป็นคนธรรมดาจากหมู่บ้านห่างไกล」

 

 

 

น้ำเสียงอีกาเหมือนมีบางอย่างกวนใจ อย่างไรก็ตาม เม็กเลียที่ดูกำลังเผชิญหน้ากับเขา ดูเหมือนจะไม่มีความกังวลเป็นพิเศษ และตอบคำถามของอีกซากศพอย่างไม่ใส่ใจ

 

ในทางกลับกัน เมื่ออีกาซากศพได้ยินคำตอบของเม็กเลีย เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและชี้ไปที่โนโซมุที่สะท้อนอยู่ในคริสตัล ราวกับว่ามันเป็นไปไม่ได้

 

 

 

「ไม่ นั่นมันโกหกกันชัดๆ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นพลังวิญญาณไม่ใช่เหรอ อีกทั้งไม่ใช่ธรรมดาทั่วไป」

 

 

 

「ใช่ รู้อยู่แล้วหยุดพล่ามเยอะๆได้แล้ว」

 

 

 

พวกเขาทั้งสองที่ดูการต่อสู้ของไอริสและโนโซมุกำลังมาถึงช่วงสุดท้าย

 

โนโซมุพยายามบดขยี้ศรเวทย์ที่ยิงออกมาจากซีน่า และไอริสกับลิซ่าก็กดศรเวทย์ไปที่อกซ้ายของโนโซมุอย่างรุนแรงจนระเบิด

 

เมื่อถึงจุดนั้น ภาพคริสตัลก็ถูกขัดจังหวะ

 

 

 

「แน่นอนล่ะ」

 

 

 

「แล้วจะเอายังไงกับเรื่องนี้」

 

 

 

「ไว้จะมาหารืออีกที ตั้งใจจะเงียบกว่าอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็น

 

 เพราะงั้นช่วยทำงานด้วยนะโอเค?」

 

 

 

「เอ๊ะ ข้าเหรอ เพิ่งมาถึงเลยนะเห้ย เลยตัดสินใจจะไปเที่ยวเล่นสักหน่อย」

 

 

 

การจ้องมองอย่างไร้จุดหมายของเม็กเลียมุ่งเป้าไปที่อีกาซากศพที่ขาดแรงจูงใจและไม่พอใจ

 

เปลวไฟแห่งความปรารถนาวูบวาบลึกเข้าไปในดวงตาอันสงบและเยือกเย็นของเขา มีความหลงใหลในตัวเธอราวกับมีใครบางคนขัดขวางการเผชิญหน้าที่เธอโหยหามานานหลายปี

 

จะไม่ยอมปล่อยไปหรอก เมื่อเห็นสถานการณ์ของเม็กเลีย อีกาซากศพก็ยักไหล่ราวกับช่วยไม่ได้

 

 

 

「เธอเป็นหญิงสาวที่หยาบกระด้างที่ใช้อีกาอย่างทารุณ ถ้าอย่างนั้นต้องการอะไรไว้เรียกข้าละกัน~」

 

 

 

ทันทีที่เขาพลิกเสื้อคลุม อีกาก็หายไปจากที่นี่

 

สิ่งที่เหลืออยู่คือขนนกสีดำที่ร่วงหล่นลงบนพื้น

 

ในทางกลับกัน เม็กเลียไม่สนใจอีกาที่หายไปในทันที และจ้องไปที่คริสตัลที่รูปนั้นหายไปแล้วค่อยๆยื่นมือออกมาเบาๆและค่อยๆลูบผิวคริสตัล

 

ด้วยรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนแก้มของเธอ