บทที่ 7 ปัจฉิมบท
หลังจากเลิกเรียน โนโซมุและลิซ่าก็ไปเดินเล่นด้วยกันในเมืองอาร์คาซัม
ผ่านเขตที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ตั้งของหอพักของนักเรียนและมุ่งหน้าไปยังสวนใจกลางเมือง
โนโซมุและลิซ่านั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ มองดูอาคารเรียนสีขาวของสถาบันโซลมินาติ อย่างเงียบๆ
ความเงียบเข้ากลืนกินทั้งสองชั่วขณะ
「ขอโทษด้วยนะเกี่ยวกับเรื่องผมของเธอ」
โนโซมุเป็นคนแรกที่พูด
เมื่อเหลือบมองผมที่สั้นลงของลิซ่า เธอก็มองมาอย่างเขินอาย
ผมของลิซ่าที่ยาวถึงระดับไหล่ ตอนนี้ยิ่งสั้นกว่าเดิม ทำให้เหมือนกับผู้ชาย
「ก็บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและมันก็สมบูรณ์เสียจนคามิลล่าตกใจเลยล่ะ」
ตรงกันข้ามกับสีหน้าเศร้าๆของโนโซมุ ลิซ่าโบกมือบอกปัดว่าไม่เป็นไร
「เอ่อ งั้นเหรอ แต่ว่าจนถึงตอนนี้เรื่องนั้นก็เป็นความผิดของผม」
「นั่นคือสิ่งที่โนโซมุอยากจะขอโทษงั้นเหรอ? เดิมทีมันเป็นความผิดของฉันเองต่างหากที่ไม่เชื่อใจโนโซมุน่ะ……」
คราวนี้สีหน้าของลิซ่าดูอมทุกข์
แม้ว่าจะโดนเคนหลอกก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนที่ไม่ไว้ใจโนโซมุเอง
และคำพูดของเธอที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้โนโซมุตกต่ำลง
「ขอโทษนะ ที่ฉันไม่เคยเชื่อใจโนโซมุเลย……」
เมื่อหันไปทางโนโซมุ ลิซ่าก็โค้งคำนับอย่างสุดใจ
ตัวเธอไม่คิดว่าจะได้รับการยกโทษให้ ถึงกระนั้นเธอก็อยากจะขอโทษให้ถูกต้องตามหลักการ
「ไม่หรอก ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายถามตอนที่ข่าวลือแพร่สะพัด เคนก็เหมือนกันผมน่าจะคุยกับเขาตั้งแต่แรก เหตุผลที่ผมไม่ทำแบบนั้นเพราะมัวแต่ผูกใจเจ็บและหนีความเป็นจริงเท่านั้นเอง」
โนโซมุมองเธอขณะที่เธอก้มหน้าและค่อยๆแสดงความตั้งใจที่แท้จริงของเขา
คำพูดเหล่านั้นต่างเต็มไปด้วยความเสียใจของเขาเอง
อันที่จริงโนโซมุกลัวลิซ่าที่จะปฏิเสธตัวเขา ไม่เพียงแต่ตัวเขาที่โดนเคนหลอกเท่านั้น แต่ในขณะนั้นเขาก็กังวลเกี่ยวกับความไร้พลังของตัวเองที่ไม่พัฒนาขึ้นเลย
ส่วนโนโซมุก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่ทำให้เกิดสถานการณ์อันซับซ้อนเช่นนี้
เขาหนีจากความเป็นจริงที่ว่าถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้นจะสามารถช่วยลิซ่าได้ มัวแต่คิดแบบนั้น จนไม่สนใจที่จะพูดคุยให้เข้าใจกัน นั่นเป็นความผิดของโนโซมุอย่างแน่นอน
「สุดท้ายแล้ว แม้ว่าเราจะบอกว่าเราทำเพื่อกันและกัน แต่เราก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย ฝันนึกถึงเรื่องราวของสองเรา ฝันถึงความฝันต่างๆที่ได้ทำร่วมกัน และเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ก็ได้แต่หันหลังให้กับมัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะขอโทษ」
เป็นอีกครั้งที่โนโซมุพูดและขอโทษลิซ่าอย่างใจจริง
จากนั้นทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกันและยิ้มให้กัน
「ฮะฮะ! พวกเรากังวลอะไรไม่เข้าเรื่องกันเลยสินะ」
「ฮ่าฮ่าฮ่า ! นั่นสินะ พวกเราต่างโดดเรียนในช่วงเที่ยววันและก้มศีรษะนั่งทุกข์ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากมองจากมุมมองบุคคลที่สามแล้ว ก็คงจะมองแบบว่าสองคนนี้มันมานั่งทำไรกันนี่」
พวกเขาต่างยิ้มและหัวเราะให้กันสักพัก
สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ฝังแน่นอยู่ในใจตลอดสองปีที่หายไป นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นรู้สึกมีรอยยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ
ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวเป็นเวลานานกว่าสองปี แต่ละคนต่างคิดและทำเพื่ออีกฝ่าย แม้จะพยายามเกลียดอีกฝ่าย แต่ก็ทำใจไม่ลง ในที่สุดเกียร์ที่ขึ้นสนิทก็เริ่มหมุนอีกคราแล้ว
「ลิซ่าจะเอายังไงต่อเหรอ?」
ทั้งสองคนหัวเราะต่อไปสักพัก
ในที่สุด เพื่อตอบคำถามของโนโซมุ ลิซ่าก็เงยหน้าขึ้นและมองไกลออกไป
ขณะมองดูท้องฟ้า หลับตาลงราวกับนึกถึงความในใจ
ในที่สุดเธอหันหน้าไปหาโนโซมุด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวและค่อยๆพูดออกมา
「ฉันยังไม่เข้าใจตัวเองดีเลย ฉันอยากจะเป็นนักผจญภัยเหมือนกับพ่อของฉัน แต่ฉันก็รู้ว่ายังมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับฉัน และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องการเรียนรู้ที่นี่ และ……」
「และ?」
หลังจากไม่ทันจะจบประโยคสุดท้าย ลิซ่าก็รีบเข้าหาโนโซมุอย่างรวดเร็ว
ดวงตาที่เปียกชื้นของเธอจ้องมองเขาจากระยะใกล้
โนโซมุรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นรัวเมื่อมองดูใบหน้าของเธอที่เหมือนกับจะหลั่งน้ำตา
「นี่ โนโซมุ….ถ้าฉันตัดสินใจลาออกจากสถาบันนี้ เธอจะตามฉันมาไหม?」
คำพูดของลิซ่าราวกับวิงวอนต่อโนโซมุ
แม้ว่ารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปขอร้องเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
ดวงตาที่ชื้นและปากที่สั่นเทาของเธอเหมือนกับทับทิมที่เปียกปอนกลางสายฝน มันบอกเล่าหลายๆอย่าง
เมื่อลิซ่าพยายามจะอ้อนวอน โนโซมุก็หลับตาลงราวกับยืนยันความรู้สึกของตัวเขาเอง
จากนั้นเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและเผชิญหน้ากับความปรารถนาของลิซ่า……。
「ขอโทษด้วยนะ แต่ตอนนี้ผมมีบางอย่างที่จะต้องสะสาง」
เขาปฏิเสธเธอไปตรงๆ
「นั่นเป็นสาเหตุที่ตอนนี้ผมไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้ ขอโทษขริงๆนะ」
「เข้าใจแล้ว งั้นเองเหรอ……。」
ราวกับว่าเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลิซ่าก็ถอยห่างจากเขา
โนโซมุกัดริมฝีปากขณะที่มองดูเธอถอยออกไปอย่างโดดเดี่ยว
「ขอโทษนะ ที่ผมไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้」
「ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย โนโซมุรักษาสัญญาที่ให้กับฉันไว้เป็นอย่างดี นายสนับสนุนฉันจนกล้าที่เผชิญหน้ากับความฝันของตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้วล่ะ
โนโซมุน่ะรักษาสัญญาได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะ」
ผมไม่สามารถรักษาสัญญาของตัวเองได้ เมื่อโนโซมุพูดแบบนั้น ลิซ่าก็ยิ้มออกมาและปฏิเสธคำพูดของเขา
โนโซมุทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว
ต้องขอบคุณโนโซมุจริงๆที่ทำให้ลิซ่าที่หนีความจริงกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงได้อีกครั้ง
อาจต้องใช้เวลาพอสมควร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เคยหนีและเผชิญหน้ากับฉัน
ลิซ่าดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจเธอตกหลุมรักเขาที่เป็นแบบนั้น
ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่สำหรับลิซ่าความรู้สึกนี้ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าจากคนที่เธอรักมากกว่าสิ่งใด
「ฉันน่ะกลัวนะเพราะงั้นเลยชวนโนโซมุมาที่สถาบันนี้ด้วยกัน
ชีวิตในฐานะนักผจญภัยนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ฉันคิดว่าฉันเชิญโนโซมุเพราะกลัวที่จะต้องแยกจากกัน……」
หากต้องการเป็นนักผจญภัย ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนที่สถานบันโซลมินาติ สามารถเข้าร่วมกิลด์หรือสถานที่อื่นๆใกล้บ้านเกิดได้ และเริ่มต้นการผจญภัยที่นั่น
เหตุผลที่เธอไม่ทำแบบนั้นเพราะเธอกังวลว่าตัวเองจะเกิดอันตราย เธอบอกกับตัวเองว่าตอนนั้นเธอคิดแค่นั้น
แต่ว่าหลังจากถูกทรมานด้วยความเสียใจและความกลัว
「นอกจากนี้ฉันยังบรรลุเป้าหมายหลายๆอย่างเลยล่ะ」
「งั้นเหรอ?」
「อืม」
ลิซ่ายกสะโพกขึ้นขณะยิ้มกลับให้โนโซมุที่กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
อืมมมมมมมมมม~! ใบหน้าของเธอสดใสราวกับท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆบดบัง
「จะกลับไปที่บ้านเกิดงั้นเหรอ?」
「ใช่แล้วล่ะ โนโซมุก็คือโนโซมุ ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอยู่ใช่ไหมล่ะ?」
「อา……แต่ว่าจะดีแล้วงั้นเหรอ?」
「คิดว่าพวกเราคบกันมากี่ปีแล้วล่ะ? ในไม่ช้าโนโซมุต้องเข้าใจแน่นอน」
เห็นได้ชัดว่าเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้าเขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
โนโซมุยิ้มมุมปากให้ลิซ่าที่กำลังยิ้มโดยประสานมือไว้ด้านหลังเอวและค่อยๆยกสะโพกขึ้นจากม้านั่ง
「โอ้ว ถ้างั้นละก็」
「ใช่ ถึงเวลาที่จะก้าวไปข้างหน้า……」
โนโซมุหันหลังให้ลิซ่า โบกมือให้กันและเดินออกจากสวนสาธารณะ
เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา ลิซ่าก็หายใจเข้าลึกๆราวกับแสดงความรู้สึกออกมา
「พวกเรามาไกลกันมากเลยนะสองปีที่ผ่านมานี้……」
ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังที่ดูเติบใหญ่ของโนโซมุ
「แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง นับจากนี้ไป……」
ด้วยความคิดในใจ ลิซ่าจึงหันหลังให้กับโนโซมุและเริ่มเดิน
เส้นทางของทั้งสองแยกกัน ณ ตรงนี้
แต่ลิซ่าก็ไม่ได้กังวลใจอะไรอีกแล้ว ในใจ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บที่ต้องสูญเสียคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตไป
ด้วยความรู้สึกนั้น เธอจะเข้มแข็งขึ้นให้มากยิ่งกว่านี้เพื่อยืนเคียงข้างเขาอีกครั้ง
ในที่สุดหยดน้ำตาอันร้อนรุ่มก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ จากนั้นเธอจึงก้าวไปข้างหน้า
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
หลังจากบอกลากับลิซ่า โนโซมุได้ไปเดินตามแผงลอยตลาดในเมือง
ร้านทำนายโชคชะตาที่ไม่เหมือนใครพร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องใช้ในพิธีกรรมต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก
ไม่ค่อยอยากจะมาที่นี่สักเท่าไรเพราะการตกแต่งอันแปลกตาหรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าตัวมีเอกลักษณ์เกินไป
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ โนโซมุก็ตะโกนเข้าไปในร้าน
「ตาแก่ อยู่รึเปล่า?」
「อ้าว ก็นึกว่าสาวๆมาหาที่ไหนได้แกเองเรอะ มาทำอะไร? ร้านปิดอยู่นะ?」
เจ้าของร้านที่เป็นมังกรวัยชรา ผมสีขาวมีหนวดมีเคราปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
「กลับมาเร็วมากเลยนะ แล้วเรื่องตัดสินโทษของอาเซลเป็นยังไงบ้างล่ะ?」
「พวกเราบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าเขาควรจะถูกตัดสินโทษประหารชีวิต แต่ตอนนี้เธอยังถูกคุมตัวอยู่ที่หมู่บ้าน อยากให้มีการลงโทษแบบเฉพาะเจาะจงงั้นเหรอ?」
「ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็โอเคแล้ว นอกจากนี้ ไม่มีธุระอะไรกับหมอดูเฮงซวยด้วย」
「แล้วมาถึงที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรล่ะพ่อหนุ่ม?」
โนโซมุเองก็ไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับการลงโทษของอาเซลในตอนนี้
ไม่เป็นไรตาบใดที่ไม่ถูกจับผิด นอกจากนั้นโนโซมุมีเหตุผลที่ต้องมาหาเขาไม่ใช่ในฐานะหมอดู แต่ในฐานะมังกรขาว
「มีเรื่องอยากจะถาม ตอนที่ผมเข้าไปใน “อาณาเขตนักล่า” ของอบิส ตาแก่บอกว่าต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวผมเองเพื่อช่วยลิซ่า นั่นหมายความว่ายังไง?」
「ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เจ้าไม่เพียงแต่มีพลังมหาศาลที่เอามาจากเทียแมต แต่ยังมีความสามารถอื่นๆอีกด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่รอดมาจนถึงตอนนี้ไงล่ะ」
ความสามารถของโนโซมุ
นี่คือสิ่งที่ตาแก่กลาวกับโนโซมุระหว่างเหตุการณ์ที่สู้กับเคนและอบิส
โนโซมุขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น
จริงๆแล้วซอนเน่หมายถึงอะไรกันแน่
「ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? พลังที่เทียแมตครอบครองนั้นช่างนอกรีตและ」
หากจินตนาการว่าเคนรวมเข้ากับอบิสแล้วจะสามารถเข้าใจได้งั้นเหรอ
ไม่คิดว่ามันจะเหมือนกันหรอกนะเทียแมตกับอบิสอยู่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่วิธีกัดกร่อนจิตใจของพวกมันกลับอยู่ในสเกลเดียวกัน
「อย่างไรก็ตาม นี่คือวิถึชีวิตของเจ้าในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพลังเหนือธรรมชาติของดราก้อนสเลเยอร์หรือที่เรียกกันว่าลอร์ด」
「พลังเหนือธรรมชาติคือ?……」
「ก็แสดงออกมาให้เห็นแล้วนี่ โซ่ที่มองไม่เห็นซึ่งผูกมัดร่างกายของเจ้า เจ้าน่าจะรู้จักดีไม่ใช่เหรอ?」
ห่วงโซ่ที่มองไม่เห็น เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โนโซมุก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่แขนของเขา
หากมองใกล้ๆจะเห็นโซ่ที่ล่ามเข้าเอาไว้อย่างลางๆ
โซ่ที่ยังพันอยู่รอบๆตัวโนโซมุทำให้ร่างกายของเขามีน้ำหนักราวกับตะกั่ว
「มันเกี่ยวกับความสามารถในการผนึกงั้นเหรอ? อย่างไรก็ตามเจ้าสิ่งนี้……」
「มันไม่เกี่ยวกับความสามารถในการพันธนาการของเจ้าหรอก พูดให้ถูกว่าความสามารถในการผนึกของเจ้ามันแปรเปลี่ยนไปต่างหาก แต่ผลก็ยังคือรูปร่างเหมือนเดิม
พลังในการพันธนาการมันเป็นเพียงผลพลอยได้จากพลังเหนือธรรมชาติที่เจ้าครอบครองต่างหาก」
「ผลพลอยได้งั้นเหรอ?」
ดวงตาของโนโซมุเบิกกว้างขณะที่เขาคิดว่าพลังใน
ชายชรามองโนโซมุด้วยดวงตาแปลกๆและขอให้เขาเข้าไปในร้าน
เขากระตุ้นให้โนโซมุนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆในขณะที่เขาทำสีหน้าอามรมณ์ไม่ดี เทน้ำจากเหยือกที่อยู่ด้านหลังร้านลงในแก้วและผลักแก้วให้โนโซมุ
โนโซมุคว้าถ้วยที่ยื่นออกมาและกลืนสิ่งที่อยู่ในถ้วยลงไปในรวดเดียว
น้ำอุ่นตกลงไปในลำคอของเขาและอาการหัวร้อนของเขาก็บรรเทาลง
หลังจากยืนยันสถานการณ์แล้ว ซอนเน่ยังคงพูดถึงพลังเหนือธรรมชาติของโนโซมุต่อไป
「พลังที่เจ้ามีคือพันธนาการ เป็นความสามารถในการผนึกสิ่งมีชีวิตที่เชื่องโยงกับจิตวิญญาณของเจ้าโดยไม่ต้องถามคำถามใดๆยิ่งไปกว่านั้น มันมีพลังในการพันธนาการยิ่งกว่าบาเรียผนึกมังกรของข้าเสียอีก
โซ่ตรวนวิญญาณที่สามารถผนึกได้แม้กระทั่งดราก้อนสเลเยอร์ มันเหมือนกับ “พันธนาการผนึกวิญญาณ”」
「กักขังวิญญาณ พันธนาการ……」
「เนื่องจากพลังนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เทียแมตจึงสูญเสียพลังไปพร้อมกับจิตวิญญาณของเจ้า และความสามารถส่วนใหญ่ของเจ้าก็ลดลงจากที่ควรจะเป็นเพราะเจ้าได้เป็นดราก้อนสเลเยอร์ซึ่งความสามารถตามธรรมชาติของเจ้าควรจะสูงกว่านี้ แต่เพราะพันธนาการวิญญาณที่ผนึกได้แม้แต่พลังของดราก้อนสเลเยอร์ด้วย」
เป็นอีกครั้งที่โนโซมุมองลงไปที่โซ่ที่มองไม่เห็น
เมื่อละสายตาจากมัน ซอนเน่ก็พูดต่อ
「เดิมทีตอนแรกมันก็เป็นการผนึกความสามารถทางกายของเจ้าธรรมดาและปลดปล่อยได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ความสามารถของเจ้าพัฒนาช้ามากๆ แต่แลกกับตอนที่ปลดพันธนาการเจ้าจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ตอนที่เจ้าได้พลังที่มากขึ่นทำให้มันทรงพลังมากยิ่งขึ้น เพื่อแลกกับพลังอันแสนบ้าคลั่งทำให้เจ้าผนึกได้แม้แต่พลังของดราก้อนสเลเยอร์ที่ควรจะได้รับมันมา
เหตุผลที่เฝ้าดูเจ้าก็เพื่อตรวจสอบว่าเหตุใดเทียแมตถึงถูกปิดผนึกอยู่ในร่างของมนุษย์」
หากซอนเน่เป็นหัวหน้างาน ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ
แม้แต่ดราก้อนสเลเยอร์ก็สามารถควบคุมได้โดยการพันธนาการไว้อีกมิติหนึ่ง หากตระหนักได้ถึงวิธีอื่นในการผนึก ก็เป็นเรื่องปกติที่จะพยายามค้นหาวิธีนั้น
สาเหตุที่เผ่ามังกรไม่ติดต่อใครเลยนอกจากซอนเน่อาจเป็นเพราะโนโซมุครอบครองพลังนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโนโซมุกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่ามังกร แต่ก็มีบางสิ่งที่สำคัญกว่านั้นในตอนนี้
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป แน่นอนว่าการที่เขาสามารถผนึกเทียแมตได้นั้นมีความสำคัญมาก
「……หากเชี่ยวชาญจะสามารถควบคุมพลังของเทียแมตได้ไหม?」
「ก็ไม่รู้เหมือนกัน เนื่องจากพันธนาการของเจ้า ทำให้ข้าเข้าไปข้องแวะกับจิตวิญญาณของเจ้าได้เลย ซึ่งมันตัดสิ่งรบกวนจากภายนอกโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมันเป็นต้นเหตุที่เป็นพลังเหนือธรรมชาติ จึงอาจจะสามารถควบคุมได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจใดๆก็ตามขึ้นอยู่กับผู้ใช้」
ซอนเน่เองก็ไม่ทราบรายละเอียด
สถานการณ์ปัจจุบันคือแม้ว่าเขาจะพยายามไปแทรกแซงมากเพียงใดในขณะที่ผนึกกำลังถูกปลดปล่อย พลังของเทียแมตที่ล้นออกมาจากร่างของโนโซมุก็ยังขวางทางได้
「มีเรื่องอยากจะขอร้อง ช่วยฝึกผมหน่อยได้ไหม」
「หืม แล้วอยากให้ฝึกอะไรล่ะ?」
「วิธีควบคุมพลังมังกร วิธีใช้พลังเหนือธรรมชาติ อยากจะเรียนรู้ถึงวิธีใช้มัน」
ซอนเน่หรี่ตาลงที่โนโซมุกำลังจ้องมองเขา
「ดังที่ข้ากล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลการผนึกวิญญาณทำให้ข้าไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเจ้าได้ แม้ว่าจะขอให้ข้าแสดงวิธีใช้งาน แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลย」
「แต่ว่า หากมีคนช่วยสอนผมในการใช้พลังมังกร คงไม่มีใครอื่นนอกจากตาแก่อีกแล้ว ผมเองก็รู้สึกแย่กับอาจารย์จิฮัด แต่ตาแก่มีคุณสมบัติมากกว่าเขา」
ใช่แล้ว
การจะเรียนรู้พลังของมังกร ก็ต้องสู้กับมังกรมันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
แต่ว่าโนโซมุเป็นมนุษย์ เนื่องจากเขาไม่ใช่สมาชิกของเผ่าพันธ์ุมังกร แม้แต่ซอนเน่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถฝึกฝนทักษะของพวกเขาได้มากเพียงใด
ซอนเน่ลูบเคราของเขาขณะที่ครุ่นคิดกับมองไปที่โนโซมุ
「เหตุผลเพราะแม่สาวคนนั้นรึ?」
เหตุผลที่โนโซมุสูญเสียใจในการสู้ ตัดสินใจจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ซอนเน่อยากจะยืนยันเรื่องนั้น
เมื่อเห็นซอนเน่จ้องมองราวกับมองทะลุจิตใจของเขา โนโซมุหายใจเข้าลึกๆแล้วหลับตาลงและพูดขึ้น
「ครั้งหนึ่งเคยดูถูกเทียแมตหลอกและเกือบจะทำร้ายพวกเขา
ไอริสและคนอื่นๆยอมรับผมที่เป็นแบบนี้ ผมมีความสุข คนเดียวที่ทำอย่างนั้นเพื่อผมก็คืออาจารย์」
โนโซมุยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับยืนยัน โดยค้นหาลึกเข้าไปในใจของเขาเอง
ความรู้สึกจริงใจของสาวๆเหล่านี้ที่ยอมรับตัวเขา ผู้ที่ถูกปฏิเสธและมีปัญหามากมายทับถม
ความรู้สึกเหล่านั้นช่วยโนโซมุไว้มากแค่ไหน? มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการ
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ความรู้สึกยินดีของเขาก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง
「บางทีผมอาจจะมองหาทางอื่นในหัวใจ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ผมมีเพื่อนแล้ว ผมเชื่อแบบนั้น แต่ที่ไหนสักแห่งที่ทำให้ผมรู้สึกได้สบายใจ ผมอยากให้สถานที่แบบนี้คงอยู่ตลอดไป」
สำหรับโนโซมุการได้อยู่เคียงข้างไอริสและคนอื่นๆไม่มีอะไรจะสบายใจไปกว่านี้แล้ว
เหตุผลที่ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกบอกว่าต่ำสุดในสถาบันและตอนนี้เป็นที่พึ่งของเหล่ารุ่นน้องก็เพราะสาวๆอย่างพวกเธอ
ความสบายใจนั้นทำให้โนโซมุเลิกเป็นคนขี้กังวล
เพราะมีเพื่อนๆอยู่ ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ความรู้สึกมั่นคงที่ไม่แน่นอนนั้นไหลซึมเข้าสู่หัวใจของโนโซมุราวกับน้ำฝน ทำให้เขารู้สึกกังวลโดยไม่รู้ตัว
ผลก็คือ เขามองไม่เห็นตัวเองมีแต่ความโกรธ และหันดาบใส่ไอริสและคนอื่นๆ
สถานการณ์นั้นเกิดจากการขาดประสบการณ์และความประมาทของโนโซมุ
「นี่ ตาแก่ คิดอย่างไรเกี่ยวกับพวกไอริสล่ะ?」
ทันใดนั้นโนโซมุก็มองไกลออกไป
「พวกเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก ตลอดหลายปีที่ข้ามีชีวิตมามีไม่มากที่จะเจอคนสวยเช่นนี้ แม้ไม่ดีสำหรับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว……」
「งั้นเหรอ งั้นเหรอออออออ
แม้ว่าตัวผมที่เป็นแบบนั้นแต่ไอริสและคนอื่นๆก็ยังดีใจที่ผมมีชีวิตรอดมาได้เหตุผลนั้นพอใช้ได้ไหมล่ะ……」
โนโซมุยิ้มอย่างขมขื่นกับมุกตลกของซอนเน่และบังคับตัดบทมองที่แขนของเขาที่มีโซ่ที่มองไม่เห็น
โนโซมุและเทียแมตเชื่อมกันอยู่ด้วยวิญญาณ ไม่ว่าจะพยายามปฏิเสธมันมากแค่ไหน ดูเหมือนความสัมพันธ์ของสองเราก็ไม่สามารถแตกหักกันได้
「ผมไร้ซึ่งพลัง ผมจะไม่หันหลังให้กับเทียแมต ผมไม่อยากจะหนีจากเธออีกแล้ว
ดังนั้นไม่สำคัญว่าการฝึกจะโหดหินสักเท่าไร ได้โปรดเถอะ ผมอยากให้คุณสอนถึงวิธีการใช้พลังนี้」
ในกรณีนั้น โนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากหาวิธีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเทียแมต
เขาอยากจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะได้ยืนเคียงข้างเหล่าเพื่อนๆ
เมื่อนึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น โนโซมุโค้งคำนับซอนเน่
ต่อหน้าโนโซมุที่ก้มอยู่ ซอนเน่ยังคงนิ่งเงียบด้วยสีหน้าจริงจังผิดปกติ
หนึ่งวิ สองวิ ในที่สุด หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที ซอนเน่ก็ตอบโนโซมุด้วยความหนักแน่นและทรงพลัง
「……การฝึกฝนเป็นเรื่องยาก เทียแมตพยายามทำลายผนึกของเจ้า เจ้าอาจจะไม่สามารถควบคุมเธอได้
หากมีความลังเลในใจเพียงเล็กน้อย เจ้าก็จะเสียความเป็นเหตุผลทั้งหมดไป เช่นเดียวกับเมื่อวาน และครั้งนี้เจ้าต้องตายจริงๆ ยังอยากจะเสี่ยงอยู่ไหม?」
「ผมเข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่าง ถ้าผมเอาชนะด้วยการขัดเกลาจิตใจตัวเองไม่ได้ ผมก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่เคียงข้างพวกเขา ดังนั้นผมจะฝึก」
แม้ว่าซอนเน่จะถามวัดใจเขา แต่โนโซมุก็ตอบทันที
ซอนเน่สูดหายใจเข้าลึกๆและกระตุ้นให้โนโซมุเงยหน้าขึ้นมอง
「……เอาล่ะ จากนี้ไปเรียกข้าว่าอาจารย์ได้」
「นั่นไม่ดีเลยสักนิด มีเพียงคนเดียวที่จะเป็นอาจารย์ของผมได้ ดังนั้น ผมจะเรียกว่าตาแก่บ้ากาม」
「อืม ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ข้าจะปากเก่งไม่เบาเลยนี่」
「ถ้าเป็นอาจารย์ที่ผมเคารพ ผมจะใช้คำพูดสุภาพ ดังนั้นตาแก่บ้ากาม ขอบคุณมาก」
เมื่อมองไปด้วยรอยยิ้มอันเร่าร้อน โนโซมุก็จ้องมองกลับด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าและคว้ามือที่ยื่นออกมาอย่างมั่นคง
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเขตการปกครอง ชายและหญิงเผชิญหน้ากันในห้องที่มีแสงสลัว จ้องมองไปที่คริสตัลที่วางอยู่บนโต๊ะ
ผู้หญิงคนนั้นคือเม็กเลีย สวมชุดสีม่วง ชายอีกคนหนึ่งเป็นชายที่รู้จักกันในนามอีกาซากศพและแต่งกายด้วยชุดที่ชวนให้นึกถึงอีกา
คริสตัลที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองเปล่งแสงจางๆจากภายใน จากนั้นแสงก็วูบวาบเหมือนหมอกควัน ค่อยๆเปลี่ยนสีและเผยให้เห็นรูปร่างของมัน
สิ่งที่จำลองแสงคือชายหนุ่มถือดาบและมังกรขาวที่กำลังเผชิญหน้ากัน
ชายหนุ่มและตาแก่สู้กันอย่างดุเดือดจนสุดท้ายชายหนุ่มก็จนมุมถูกควบคุมด้วยการรักษากับมังกรขาว
จากนั้น ก่อนที่ชายแก่จะโจมตีครั้งสุดท้าย หญิงสาวที่สวมเครื่องแบบของสถาบันโซลมินาติก็เข้ามาขวาง
「นี่คือสิ่งที่อยากจะให้จัดการเหรอ?」
「อ่า คิดว่าจะทำได้รึเปล่าล่ะ?」
「จริงๆแล้ว ไม่มีใครเหมาะกว่านี้อีกแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติจะสังเกตเห็นอุปสรรคนั่น……」
แม้ในขณะที่เม็กเลียและอีกาซากศพกำลังคุยกัน ภาพที่สะท้อนในคริสตัลก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ตาแก่พ่ายแพ้ต่อหญิงสาวและคราวนี้ชายหนุ่มที่โดนเล่นงานก็กลับยืนหยัดขึ้นมา
จากนั้นชายหนุ่มและหญิงสาวก็ถือดาบและเริ่มปะทะดาบกัน
จากร่างกายของชายหนุ่มองค์ประกอบที่เป็นประกายจากห้าสีก็ปะทุขึ้น ครอบงำหญิงสาวผมดำที่อยู่แนวหน้าและชายหนุ่มที่ถือดาบขนาดใหญ่
ขณะที่มองดูเหตุการณ์ด้วยความชื่นชม อีกาซากศพก็ปรบมือด้วยสีหน้ามีความสุข
「หวาา หมอนั่นน่าทึ่งมาก พวกสาวๆเองก็ด้วย อะไรกันมากกว่านั้นมีพวกแบบนี้มีนักเรียนแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ? มนุษย์จริงๆเหรอเนี่ย?」
「คนที่เผชิญหน้าอยู่คือลูกสาวของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน และเด็กเจ้าปัญหา นอกจากนี้ยังมีเอลฟ์และพวกมนุษย์สัตว์
”เขา” คนนั้นเป็นมนุษย์ตามเอกสาร ไม่ใช่พวกอสูรจริงเหรอ เขาน่าจะเป็นคนธรรมดาจากหมู่บ้านห่างไกล」
น้ำเสียงอีกาเหมือนมีบางอย่างกวนใจ อย่างไรก็ตาม เม็กเลียที่ดูกำลังเผชิญหน้ากับเขา ดูเหมือนจะไม่มีความกังวลเป็นพิเศษ และตอบคำถามของอีกซากศพอย่างไม่ใส่ใจ
ในทางกลับกัน เมื่ออีกาซากศพได้ยินคำตอบของเม็กเลีย เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและชี้ไปที่โนโซมุที่สะท้อนอยู่ในคริสตัล ราวกับว่ามันเป็นไปไม่ได้
「ไม่ นั่นมันโกหกกันชัดๆ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นพลังวิญญาณไม่ใช่เหรอ อีกทั้งไม่ใช่ธรรมดาทั่วไป」
「ใช่ รู้อยู่แล้วหยุดพล่ามเยอะๆได้แล้ว」
พวกเขาทั้งสองที่ดูการต่อสู้ของไอริสและโนโซมุกำลังมาถึงช่วงสุดท้าย
โนโซมุพยายามบดขยี้ศรเวทย์ที่ยิงออกมาจากซีน่า และไอริสกับลิซ่าก็กดศรเวทย์ไปที่อกซ้ายของโนโซมุอย่างรุนแรงจนระเบิด
เมื่อถึงจุดนั้น ภาพคริสตัลก็ถูกขัดจังหวะ
「แน่นอนล่ะ」
「แล้วจะเอายังไงกับเรื่องนี้」
「ไว้จะมาหารืออีกที ตั้งใจจะเงียบกว่าอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็น
เพราะงั้นช่วยทำงานด้วยนะโอเค?」
「เอ๊ะ ข้าเหรอ เพิ่งมาถึงเลยนะเห้ย เลยตัดสินใจจะไปเที่ยวเล่นสักหน่อย」
การจ้องมองอย่างไร้จุดหมายของเม็กเลียมุ่งเป้าไปที่อีกาซากศพที่ขาดแรงจูงใจและไม่พอใจ
เปลวไฟแห่งความปรารถนาวูบวาบลึกเข้าไปในดวงตาอันสงบและเยือกเย็นของเขา มีความหลงใหลในตัวเธอราวกับมีใครบางคนขัดขวางการเผชิญหน้าที่เธอโหยหามานานหลายปี
จะไม่ยอมปล่อยไปหรอก เมื่อเห็นสถานการณ์ของเม็กเลีย อีกาซากศพก็ยักไหล่ราวกับช่วยไม่ได้
「เธอเป็นหญิงสาวที่หยาบกระด้างที่ใช้อีกาอย่างทารุณ ถ้าอย่างนั้นต้องการอะไรไว้เรียกข้าละกัน~」
ทันทีที่เขาพลิกเสื้อคลุม อีกาก็หายไปจากที่นี่
สิ่งที่เหลืออยู่คือขนนกสีดำที่ร่วงหล่นลงบนพื้น
ในทางกลับกัน เม็กเลียไม่สนใจอีกาที่หายไปในทันที และจ้องไปที่คริสตัลที่รูปนั้นหายไปแล้วค่อยๆยื่นมือออกมาเบาๆและค่อยๆลูบผิวคริสตัล
ด้วยรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนแก้มของเธอ