ตอนที่ 33

Dungeon Defence

มยิ้มเจื่อนๆออกมา

หลังจากเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนแล้ว ผมก็มั่นใจว่า สำหรับเด็กสาวคนนี้ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย ตราบใดที่มันสามารถสนองงานอดิเรกเธอได้หรือไม่ต่างหาก จึงสามารถเรียกความสนใจจากเธอได้น่ะ

นั่นก็พอรับได้นะ

บุคคลที่มีนิสัยแบบนี้จะไม่ทรยศคุณอย่างไม่คาดฝันเด็ดขาด สัญญามีความแน่นอนตราบเท่าที่หลักการให้และการรับถูกรักษาคงไว้อยู่เสมอ

หลังจาก 10 นาทีนับตั้งแต่ที่ตลาดทาสได้กลายเป็นขุมนรก

ลาพิส ลาซูรี่ก็ได้เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับบรรดาทหารที่ถูกว่าจ้าง 6 นายข้างกายเธอ แม้พื้นที่โดยรอบเธอจะเป็นทะเลแห่งเปลวเพลิงก็ตาม แต่ใบหน้าของลาล่าก็ยังคงเย็นชาอยู่ ผมได้ต้อนรับเธออย่างมีความสุข

“โอ้ ลาล่า ที่รักจ๋า ดำเนินการไปถึงไหนแล้วเอ่ย? ”

“พวกเราเผาจุดเฝ้ายามและจัดการ’เหยื่อ’ 36 คนที่วิ่งออกมาจากประตูหลักค่ะ ไม่มีศัตรูใดที่หลบหนีได้เป็นผลสำเร็จค่ะ ”

“ดีมาก แม้จะมีความเป็นไปได้น้อยนิด เราก็ไม่สามารถเหลือพยานไว้ได้หรอกนะ ”

ขณะที่พวกแม่มดกำลังฆ่าล้างผลาญตลาดทาสจากเบื้องบน ลาพิส ลาซูรี่ได้นำทหารรับจ้างโจมตีจุดเฝ้ายาม คุณสามารถเรียกมันว่าปฏิบัติการหลอกซ้ายจู่โจมขวาขนาดย่อมก็ได้นะ แต่ยังไงก็ตาม เราก็สามารถกวาดล้างตลาดทาสเป็นผลสำเร็จจนได้อยู่ดี

“ระหว่างการปราบปราม กองกำลังพันธมิตรสามนายได้ตายในสนามรบ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ฝ่าบาทค่ะ โปรดแนะนำผู้หญิงที่อยู่ข้างฝ่าบาทต่อเราผู้นี้หน่อยจะได้มั้ยค่ะ ”

“เออ จริงสิ นี่คือนางลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ที่ข้าเคยบอกเธอก่อนหน้านี้ จากนี้ไป เธอจะช่วยเรื่องงานบริหารภายใน ขณะที่นางฟาร์เนเซ่จะช่วยเรื่องการทูตข้า ข้าหวังว่าเธอทั้งสองคนจะสามารถร่วมมือกันได้ดั่งรถม้าเทียมคู่นะ ”

“เราผู้นี้เข้าใจแล้วค่ะ”

ลาพิส ลาซูรี่ก้มศีรษะลงโดยอัตโนมัติ

“เราผู้นี้ชื่อลาพิส ลาซูรี่ ถือกำเนิดโดยซัสคิวบัสฮัมบาบากับมนุษย์นิรนาม เราผู้นี้เป็นพวกเลือดผสม ในฐานะที่เป็นเลขาธิการราชกิจของฝ่าบาทดันทาเลี่ยน เราผู้นี้ยังถือตำแหน่งข้ารับใช้คนสนิทและหัวหน้าบรรดาข้ารับใช้อีกด้วยค่ะ เราผู้นี้ขอฝากตัวด้วยค่ะ ”

“เออ หญิงสาวผู้นี้ชื่อลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ค่ะ เราอาจจะสมองเพี้ยนไปบ้างเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นบางสิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่ยังไงก็ช่วยดูแลเราด้วยเช่นกันค่ะ ”

สาวน้อยฟาร์เนเซ่ได้เดินเข้าหาลาพิสและยื่นมือขวาออกมา

ลาพิส ลาซูรี่ค่อยๆขมวดคิ้วและกล่าวว่า

“เราผู้นี้ขออภัยด้วยค่ะ แต่เราผู้นี้เป็นสามัญชนเลือดผสมนะคะ”

พวกจัณฑาลไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสกับผู้อื่นน่ะ

มันเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งถูกใช้โดยทั้งฝ่ายมนุษย์และปีศาจ

ถึงจะเป็นเช่นนั้น สาวน้อยฟาร์เนเซ่ก็ได้เอียงศีรษะเธอไปมา

“หืม? อ้า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่สำคัญหรอก หญิงสาวผู้นี้เองยังเป็นลูกนอกสมรสที่เป็นทาสแล้วเลยค่ะ เราคือบุตรสาวที่เกิดตอนที่พ่อของเรา ซึ่งก็คือดยุค ได้ข่มขืนแม่ของเราที่เป็นทาส ถ้าคุณจะพูดถกเถียงเกี่ยวกับสถานะทางสังคมของหญิงสาวผู้นี้งั้นมันก็ไม่ใช้สายเลือดที่คุณสามารถอวดไปทั่วได้หรอกนะคะ ดังนั้นได้โปรดอย่าปฏิเสธอีกเลยค่ะ”

“……”

ทุกคนต่างนิ่งเงียบโดยเรื่องที่น่าตกใจอย่างฉับพลัน

นางคือเด็กที่เกิดจากทาสซึ่งถูกข่มขืนงั้นเองหรือ? นี่เธอกำลังบอกผมว่าเธอไม่ได้เป็นลูกนอกสมรสจากคนรับใช้ทั่วไปสินะ? ระหว่างที่พวกเราได้มองไปยังเธอด้วยสายตาที่ตกตะลึง สาวน้อยฟาร์เนเซ่ก็อุทานดัง ‘อ้า’ และกล่าวว่า

“อ้าจริงสิ สิ่งที่หญิงสาวผู้นี้เพิ่งกล่าวออกมาเป็นเรื่องลับเฉพาะค่ะ หญิงสาวผู้นี้รู้จักกันในฐานะบุตรสาวของคนรับใช้ทั่วไปเพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของตระกูลค่ะ แม่ผู้ให้กำเนิดหญิงสาวผู้นี้ถูกวางยาพิษตั้งแต่วันที่เธอคลอดออกมา จากนั้นเป็นต้นมาพี่เลี้ยงเด็กก็ได้ดูแลหญิงสาวผู้นี้แทนค่ะ ซึ่งคนๆนั้นคือหนึ่งเดียวที่สาธารณะชนรู้จักกันดีในฐานะแม่ของหญิงสาวผู้นี้ค่ะ”

“นั่นคือข้อมูลที่ไม่ได้เขียนไว้ในรายงานนี่หว่า…… ”

ผมได้กล่าวอย่างขมขื่น

แม้แต่ในเกม Dungeon Attack ความลับจำพวกนั้นก็ยังไม่ถูกเปิดเผยเลยนะ

ขณะที่พวกเรากำลังขยะแขยงกับความคิดที่ว่าพวกขุนนางเลวและมืดมนถึงเพียงไร สาวน้อยฟาร์เนเซ่ก็กุมมือทั้งสองข้างของลาล่าและเขย่าอย่างร่าเริง

“ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้อายุน้อยกว่า ก็ช่วยชี้แนะหญิงสาวผู้นี้ในหลายๆเรื่องด้วยนะคะ จะเป็นไรมั้ยหากเรียกคุณว่าพี่ลาซูรี่ตั้งแต่นี้ไปน่ะค่ะ? ”

“……มันไม่เป็นไรหรอกค่ะที่จะเอ่ยถึงเราผู้นี้แบบใดก็ได้น่ะ”

“อื้ม งั้นเราจะเรียกคุณว่าพี่นะคะ พี่ลาซูรี่ ”

โอ้

ลาพิส ลาซูรี่ได้ขมวดคิ้วเธอราวกับว่าเธอกำลังงุนงง

เป็นครั้งแรกของผมเลยนะที่เห็นลาล่าโดนป่วนโดยคนอื่นนอกจากตัวผมเอง มันดูแล้วน่าตลกดีแฮะ

หืม? ลาพิส ลาซูรี่ได้เหลือบมองมาทางผม เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาหรอกนะ แต่ขยับริมฝีปากเธอเพื่อให้มีแต่ผมเท่านั้นที่เข้าใจน่ะ

‘ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะรับเด็กสาวที่เหมือนกับฝ่าบาทไม่มีผิดเลยนะคะ’

‘ไม่จริงเลย ข้าไม่ปฏิเสธไปซะทั้งหมดหรอกนะ แต่ข้าไม่ถึงกับหัวรั้นเหมือนหล่อนนะเฟ้ย ข้าว่าง่ายมากกว่าน้า’

ถ้าคุณได้สนิทจนถึงระดับลาล่าและผมแล้ว การสื่อสารโดยอาศัยแค่ริมฝีปากเท่านั้นก็เป็นไปได้แล้วแหละ

‘นี่เราผู้นี้ตีความหมายของคำว่า ว่าง่าย ผิดไปหรือไงค่ะ? หรือว่าฝ่าบาทมีรูลูกธนูพุ่งทะลุผ่านหัวของฝ่าบาทต่างหาก?’

อะไรกันฟะ

‘เราผู้นี้ถึงขีดจำกัดของเธอในการดูแลฝ่าบาทตัวคนเดียว แต่สำหรับการที่มีบุคคลคล้ายกับฝ่าบาทคงอยู่ในโลกอีกงั้นเหรอ? ฝันร้ายก็มีลิมิตของมันนะคะ ฉะนั้นนับจากนี้ไป โปรดดูแลนางฟาร์เนเซ่ด้วยตัวเองนะคะ ฝ่าบาท’

‘……’

แปลกแฮะ มันรู้สึกราวกับว่าแนวทางที่เธอปฏิบัติต่อข้าเริ่มจะค่อยๆแย่ขึ้นทุกทีแล้ว……

นี่ผมสมควรโดนด่าแบบนี้จากข้ารับใช้เพียงเพราะผมใช้เวลานอน 12 ชั่วโมง เจียดเวลามีเซ็กซ์ 4 ชั่วโมง และทำงาน 8 ชั่วโมงทุกๆวันหรือไงห๊า? ไม่ว่าคุณมองมันยังไง นี่ก็คือตารางเวลาที่บากบั่นมั๊กๆ ลาพิส ลาซูรี่จู้จี้ขี้บ่นเกิ๊น ยัยซัสคิวบัสผู้อยู่ใน-ช่วงเวลานั้น-ของเดือนตลอดกาลนี่

เอาเถอะ ตัวแผนเองก็จบลงโดยไร้อุปสรรคแล้ว เราควรเริ่มเตรียมตัวกลับกันเลยดีกว่า ผมประสบความสำเร็จในการนำลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่มาอยู่ใต้การบัญชาของผมและได้กำจัดพยานทั้งหมดไป มันจบลงอย่างมีความสุขแล้วแหละ

“ฝ่าบาท โปรดรอสักครู่ค่ะ ”

“หืม?”

มันคือตอนก่อนที่ผมจะขึ้นไปนั่งตอนหลังของไม้กวาดแม่มด

ลาพิส ลาซูรี่ได้เรียกผมและชี้ไปทางหนึ่ง ขณะสงสัยว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกัน ผมก็มองไปบริเวณที่เธอชี้และเห็นเกียโคโม เปตรากและกลุ่มทหารยามน่ารักกำลังนอนอยู่ตรงนั้น

“ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่นี่คะ ได้โปรดจัดการพวกเขาด้วยค่ะ ”

“อ้า ไอ้มนุษย์พวกนั้นไม่เป็นไรหรอก ข้าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตโดยเจตนาน่ะ ”

“โดย……..เจตนา?”

ลาพิส ลาซูรี่เอียงศีรษะเธอด้วยใบหน้าที่คล้ายกับว่าเธอไม่เข้าใจ

“เราผู้นี้ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่เราผู้นี้ไม่สามารถเข้าใจว่าท่านประสงค์อะไรกันแน่ค่ะ หรือว่ามีผลประโยชน์อื่นอีกที่ฝ่าบาทได้รับจากการปล่อยผู้รอดชีวิตคะ? ”

“ไม่มีผลประโยชน์หรอก ข้าแค่ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่เพราะข้าต้องการเองน่ะ”

ผมยิ้มออกมา

“ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่ตรงนั้นคือเกียโคโม เปตราก เขาเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างไร้เดียงสาซึ่งดันถูกหย่อนลงในกลียุคนี้อ่ะนะ มนุษย์จำพวกนั้นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะพวกเขาทิ้งความหวังให้โลกใบนี้ที่เป็นดั่งแผ่นกระดาษเปล่าๆ ”

“……”

ในตอนนั้นเอง บางสิ่งซึ่งแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้น

ตรงกันข้ามกับความเข้าใจอันตัวผมหวังให้เธอได้บรรลุ กลับเป็นความข้องใจบนใบหน้าของลาพิส ลาซูรี่ที่ได้เพิ่มมากขึ้นแทน

“………ถ้างั้นมนุษย์คนอื่นๆล่ะคะ?”

“มันดูน่าสลดใจเกินไปที่จะเฝ้าดูไอ้พวกโง่เหล่านั้นต่อ ดังนั้นข้าจึงประทานความการุญย์แก่พวกมัน พวกมันค่อนข้างเป็นมนุษย์ที่โชคดีนะ หากพวกมันทำตัวน่ารังเกียจมากขึ้นกว่านี้งั้นหัวของพวกมันก็จะบินขึ้นชัวร์ ”

ผมแสยะยิ้ม

ลาพิส ลาซูรี่ได้จ้องมองที่ผม

ในดวงตาคู่นั้นของเธออันมืดมิดราวกับก้นบึ้งมหาสมุทร ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่เศษเสี้ยวเพียงน้อยนิดของอารมณ์ได้เลย

ไม่นานหลังจากนั้น ลาล่าก็ได้พยักหน้า

“……งั้นเองหรอกคะ เราผู้นี้เข้าใจแล้วค่ะ คุณฮัมบาบา กรุณานำคุณฟาร์เนเซ่และทหารรับจ้างไปยังประตูทางเข้าด้านหลังของตลาดทาสและคอยอยู่ตรงนั้นด้วยค่ะ ”

“ฮะ?”

เป็นเพราะลาพิส ลาซูรี่ได้มอบคำสั่งแก่เหล่าแม่มดอย่างปุ๊บปั๊บ หัวหน้าแม่มดจึงถามกลับว่า

“ล่วงหน้าไปยังทางเข้าด้านหลังก่อนเลยเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ มีบางอย่างที่ฝ่าบาทและเราผู้นี้ต้องปรึกษากันเป็นการส่วนตัว ในเมื่อคนอื่นไม่อนุญาตให้รับฟัง ดังนั้นกรุณารับหน้าที่นี้และนำทุกคนไปด้วยนะคะ คุณฮัมบาบา ”

“เอ๊ะ แต่หน้าที่พวกเราที่ต้องคุ้มครองฝ่าบาท…… ”

“ไม่ต้องกังวลค่ะ มันใช้เวลาไม่นานนักหรอกค่ะ”

หัวหน้าแม่มดได้หันหันมามองที่ผม ดวงตาเธอดูคล้ายกับพวกมันกำลังถามผมว่า “เราควรทำตามที่ซัสคิวบัสสั่งมั้ยคะ?” ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คราวนี้ผมเข้าข้างลาล่าก็แล้วกัน

“ทำตามที่เลขาธิการสั่งซะ”

การแสดงให้เห็นถึงอำนาจของข้ารับใช้ต่อหน้าบรรดาลูกน้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีใครหรอกที่อยากติดตามราชาซึ่งไม่ให้ความเคารพเหล่าข้ารับใช้ของเขา

แม่มดทั้งหลายได้ทยานขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีและบินจากไป

พวกเดียวที่เหลืออยู่ในซากปรักหักพังของตลาดทาสเวลานี้มีแค่ลาซูรี่และตัวผม

ผมเอียงศีรษะและกล่าวว่า

“จู่ๆเกิดปัญหาอะไรอีกล่ะ? เธอไม่แม้แต่คิดจะเตี้ยมกันกับข้าล่วงหน้าเลยนะ ”

“……”

ลาพิส ลาซูรี่ไม่ตอบ

มันอาจเป็นการคิดไปเองของผม แต่เค้าหน้าของเธอดูเหมือนว่ามันจะเย็นชามากขึ้นแฮะ

ยิ่งการนิ่งเงียบของเธอยาวนานขึ้น ความกังวลในอกผมก็เริ่มแผ่ขยายมากขึ้นด้วยเช่นกัน มันแทบจะรู้สึกราวกับว่ามีหนอนผีเสื้อค่อยๆคลืบคลานไปทั่วพื้นผิวของหัวใจผมยังไงยังงั้น

ผมเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

“ลาล่า?”

ก็ยังเงียบอีกเช่นเคย

แทนที่จะตอบรับ ลาพิส ลาซูรี่กลับเริ่มเดิน มันไม่ไช่ย่างก้าวที่เร็วหรอกนะ ด้วยความเชื่องช้า แต่เน้นย้ำชัดในย่างก้าว เธอเดินเข้าหาเกียโคโม เปตรากและบรรดาทหารยาม

เช้งงงงง

ลาพิส ลาซูรี่ได้ชักดาบของทหารยามคนหนึ่ง

“เฮ้ยเดี๋ยว ลาล่า เธอทำอะ……”

โดยไม่ให้โอกาสผมที่จะหยุดเธอได้

ลาพิส ลาซูรี่ก็ได้ขยับดาบและแทงเข้าที่คอของทหารยาม

“อะไรกัน……?”

ใบดาบได้ทิ่มอย่างเฉียบขาดเข้าไปในเนื้อมนุษย์

ลาพิส ลาซูรี่ไม่ได้หยุดแต่เพียงแค่นั้น หลังจากที่บิดดาบให้หลุดออกมา เธอก็แทงทหารยามคนอื่นทันที จากที่หมดสติอยู่ เหล่าทหารยามต่างก็ดิ่งลงสู่นิทราชั่วนิรันดร์โดยพลัน ในตอนที่ผมเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าผม ลาพิส ลาซูรี่ก็ได้ทำการฆ่าครั้งที่สามของเธอแล้ว

“เธอทำบ้าอะไรน่ะ ลาซูรี่!?”

“ทำในสิ่งที่ควรทำค่ะ”

“สิ่งที่ควรทำ…… ?”

แม้แต่ผมเอง ผู้ซึ่งปกติไม่เคยตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเลย ก็ไม่สามารถฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์แบบนี้

“นั่นหมายความว่าไง? อธิบายมาเพื่อข้าจะได้เข้าใจสักที! ”

แม้เป็นที่แน่ชัดว่าเธอได้ยินเสียงตะโกนผม ลาพิส ลาซูรี่ก็ไม่ยั้งดาบของเธอ ส่วนคมของดาบได้ปาดคอทหารยามคนที่สี่ เลือดได้พุ่งพรวดออกมาราวกับน้ำพุและห่อหุ้มผิวพรรณขาวๆของลาล่าด้วยเลือดโสโครก

“เธอ……หยุดเดี๋ยวนี้เลย!”

“เราผู้นี้ขออภัยด้วยค่ะ แต่เราผู้นี้ไม่สามารถทำตามคำสั่งนั้นได้ค่ะ”

“ลาพิส ลาซูรี่ ข้าขอเตือนเธอนะ หากเธอขยับแม้แต่เส้นผมเพียงเส้นเดียว หากเธอยังเมินคำสั่งข้าอีกล่ะก็ ข้าขอสาบานต่อหน้าเทพซุสเลยว่า! ข้าจะฉีกกระชากเนื้อเธอด้วยตัวข้าเองเลย! ”

ฉัวะ

หลังจากฆ่าทหารยามคนสุดท้าย

ลาพิส ลาซูรี่ก็หันมามองผมอย่างนิ่งเงียบ

กลิ่นคาวเลือดได้ค่อยๆส่งกลิ่นตลบอบอวลรอบตัวเรา

เนื่องจากไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไร ริมฝีปากของผมจึงได้สั่นเครือ ผมไม่สามารถเข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

……แผนการได้สำเร็จโดยไร้อุปสรรค เราได้รับผลสำเร็จที่น่าพอใจ หลังจากปกปิดเหตุการณ์ในตลาดทาสนี้ให้เป็นสิ่งที่พวกอื่นทำ เราก็จะจากไปได้อย่างสบายใจเฉิบ ต่อจากนั้นก็เดินทางข้ามทวีปและกลับไปยังปราสาทจอมปีศาจของผม นั่นคือตอนที่การเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น และทุกอย่างหลังจากนั้นก็จะดำเนินลุล่วงไปอย่างหมดจด

แต่ว่าทำไม

“…… ทำไมเธอถึงขัดคำสั่งข้า? ปฏิบัติการได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผน นี่เธอไม่พอใจอะไรกันแน่? เหตุใดเธอถึงทำการฆ่าอันไร้ความหมายนี้ล่ะ? ”

เสียงผมสั่นเครือเพราะความรู้สึกของการถูกทรยศ

เหตุผลที่ผมได้ไว้ชีวิตทหารยามเหล่านี้ ผู้ซึ่งเดิมทีผมกะที่จะฆ่าทิ้ง ก็เพราะผมได้คำนึงถึงลาพิส ลาซูรี่ เธอไม่ชอบการฆ่าที่ไร้ความหมาย นั่นคือเหตุผลที่ผมได้ฝืนความชอบของผมเองเพื่อดึงความเมตตาออกมาอย่างจวนเจียน

แต่แล้ว เพราะเหตุใดกัน?

ลาพิส ลาซูรี่ได้เปิดปากของเธอ

“ฝ่าบาท ได้โปรดเลิกเล่นเถอะค่ะ ”

“เธอพูดอะไรน่ะ?”

“การฆ่าที่ไร้ความหมายเหรอคะ? งั้นกรุณาอธิบายเราผู้นี้ว่ามีความตายเหล่านี้ที่ไร้ความหมายบ้างมั้ยค่ะ ”

ลาพิส ลาซูรี่ได้ชี้ไปรอบๆตัวเธอ

ทุกหัวระแหงได้ลุกเป็นไฟ สิ่งเดียวที่ยังตั้งได้อยู่ก็คือโครงเหล็กของกรง นอกนั้นคือซากศพต่างๆและเศษเนื้อที่กำลังลุกไหม้ในเปลวเพลิงนรก

“ฝ่าบาทได้สั่งให้พวกเราฆ่าทหารยาม พลเรือน และแม้กระทั่งทาสโดยไม่เลือกปฏิบัติ เหตุผลก็เป็นที่ชัดเจนว่า เพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานว่าฝ่าบาทเคยมาที่นี่ ”

ลาพิส ลาซูรี่ได้เขม่นมองผม

“เพียงเพราะเหตุผลนั้น มนุษย์ 150 คนและปีศาจ 50 ตนจึงได้ตายในค่ำคืนนี้ เรื่องได้ดำเนินมาถึงขั้นนี้และตอนนี้กลับต้องการไว้ชีวิตคน 6 คนงั้นเหรอคะ? เราผู้นี้ไม่สามารถเข้าใจได้ไม่ว่าเราผู้นี้จะพยายามอย่างหนักขนาดไหนก็ตามค่ะ ดังนั้นได้โปรดเถอะค่ะ ฝ่าบาท ช่วยอธิบายต่อคนโง่เขลาผู้นี้ที”

“……”

“มีการตายที่ไร้ความหมายณ ตรงนี้หรือเปล่าคะ?”

คำถามที่เรียบง่าย

และในขณะเดียวกัน ก็เป็นความเย็นชาอันไร้ที่สิ้นสุด

“ท่านดันทาเลี่ยนที่เราผู้นี้ได้สาบานจงรักภักดีเป็นบุคคลที่เลือดเย็นอำมหิตและไร้ความปรานี หากมีโอกาสซึ่งหาได้ยากว่าเขาจะถูกคุกคาม ฝ่าบาทก็จะไม่จัดการแม้แต่ภัยคุกคามน้อยที่สุดอย่างสะเพร่าเลย บุคคลเช่นนั้นหายไปไหนกันคะ? เจ้านายของเราผู้นี้อันตรธานไปที่ไหนแล้ว? ”

“ไม่นะ นั่นไม่จริงเลย ข้าน่ะ……”

“หรือฝ่าบาทได้สูญเสียวิสัยทัศน์ของท่านไปแล้ว? หลังจากการระบาดของโรคความตายสีดำ การได้กลายเป็นหนึ่งในจอมปีศาจซึ่งร่ำรวยที่สุดในทวีปนี้ทำให้จิตใจของฝ่าบาทผ่อนคลายหรือไงคะ? ฝ่าบาท ความเมตตาและเอื้ออาทรคือเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ทรงอำนาจเท่านั้น พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความเมตตาหรอกนะคะ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนได้เป็นผู้ทรงอำนาจแล้วรึเปล่าคะ? ”

ลาพิส ลาซูรี่กล่าวเสียงเรียบในทุกคำพูด

พร้อมกับดวงตาอันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

เธอได้จ้องมองตรงมาที่ผม

ด้วยเหตุผลบางประการ สายตานั้นได้ทำให้หัวใจผมเย็นยะเยือก

“ลาล่า……”

“เราผู้นี้ขอไล่รายชื่อผู้คนซึ่งทรงอิทธิพลที่เธอรู้นะคะ อันดับที่ 1 จอมปีศาจบาอัลมีอำนาจมากพอที่จะเริ่มสงครามครั้งยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวเขาเอง อันดับที่ 2 จอมปีศาจอกาเรสมีอำนาจมากพอที่จะบดขยี้ทั้งกองทัพได้โดยแค่ตัวเขาเอง อันดับที่ 5 จอมปีศาจมาร์บาสผู้ควบคุมโลกแห่งการเมือง อันดับที่ 8 จอมปีศาจบาร์บาทอสมีนักรบอมตะที่จงรักภักดีต่อเธอ และอันดับที่ 9 จอมปีศาจไพมอนผู้ได้รับการสนับสนุนจากพลเมืองทุกคนในโลกปีศาจ เราผู้นี้ขอถามว่า สิ่งใดที่ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนมีคะ? ”

ผมมีทอง

ผมไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากทอง

“ฝ่าบาทได้สัญญาเราผู้นี้ว่าเธอจะสามารถเพลิดเพลินอย่างเต็มที่ต่ออำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นไม่เป็นไร แต่เราผู้นี้จะขอบอกฝ่าบาทอย่างชัดเจนเลยว่า ระดับอำนาจที่ฝ่าบาทมีในตอนนี้ยังคงอยู่ที่ระดับล่างสุดนะคะ ท่านดันทาเลี่ยน นี่ฝ่าบาทพอใจแล้วที่ได้เป็นแค่บุคคลผู้พอมีอำนาจหรอกคะ? ”

ผมไม่สามารถตอบได้

“……”

ลาพิส ลาซูรี่ได้หันหลังและยกดาบขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากฆ่าทหารยามทั้ง 5 คนแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเกียโคโม เปตราก

ชายหนุ่มที่มีจิตวิญญาณอันใสซื่อบริสุทธิ์โง่เขลา

ผมบังคับปากของผมให้ขยับ

“……ลาซูรี่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้ามุ่งหมายนะ ข้าแค่คิดว่ามันคงดีที่จะแสดงความใจกว้างนานๆครั้งบ้างน่ะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจากข้าหรือไง? ”

ลาพิส ลาซูรี่ได้หยุดชะงักไป

เธอหันหน้าของเธอเพื่อจ้องมองที่ผม

ด้วยความหวังว่าจะแก้ปัญหาความเข้าใจผิดได้ ผมจึงกล่าวว่า

“มันคือเรื่องจริงนะ ไม่ใช่ว่าเธอเองเรอะที่หยุดข้าเมื่อตอนที่ข้าพยายามฆ่าแม่เธอและลงโทษสาวใช้คนนั้นน่ะ? นั่นคือเหตุที่ข้าคาดว่าเธอคงจะไม่ชอบเรื่องพรรณนี้ ”

“ผิดแล้วค่ะ”

ลาพิส ลาซูรี่ได้ส่ายหน้าเธอ

“นั่นผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน ดูท่าฝ่าบาทยังไม่ทราบว่าเราผู้นี้เป็นคนแบบไหนกัน เราผู้นี้ผิดหวังมากค่ะ ”

“ลาล่า…… ?”

“หากฝ่าบาทคิดว่าเราผู้นี้คล้ายกับหญิงสาวชนชั้นกลางทั่วๆไป งั้นฝ่าบาทเข้าใจผิดอย่างมหันต์แล้วค่ะ เราผู้นี้จึงขอแสดงต่อฝ่าบาทให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเราผู้นี้เป็นคนแบบไหนกันนะคะ”

ลาพิส ลาซูรี่ได้ยกดาบชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

จากนั้น

[ค่าความชอบของลาพิส ลาซูรี่ได้ลดลงไป 1]

เธอก็เหวี่ยงดาบลง

ดาบได้ฟันลงบนกึ่งกลางคอของเกียโคโม เปตรากพอดิบพอดี และเป็นอีกครั้ง ที่ลาพิส ลาซูรี่ได้เหวี่ยงดาบลง หนึ่งครั้งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว ดาบก็ยังฟันลงไม่รู้จบ ถึงแม้คนผู้นั้นได้ตายโดยทันทีไปแล้ว ลาพิส ลาซูรี่ก็ยังไม่หยุด เลือดได้พวยพุ่งออกมาและชะโลมร่างกายเธอ

“……หยุดเถอะ”

[ค่าความชอบของลาพิส ลาซูรี่ได้ลดลงไป 1]

“พอได้แล้ว ลาซูรี่”

[ค่าความชอบของลาพิส ลาซูรี่ได้ลดลงไป 1]

“เลือดไม่เต็มหน้าเธอไปหมดแล้วรึ? เธอหยุดได้แล้วแหละ…… ”

[ค่าความชอบของลาพิส ลาซูรี่ได้ลดลงไป 1]

เหมือนสุนัขที่ไล่กวดเงาของมัน

เธอยังคงฟันไปที่ซากศพอยู่

ทุกครั้งที่เธอทำ มันรู้สึกเหมือนส่วนหนึ่งของจิตใจผมได้ถูกฉีกออกจากกัน

ผมสงสัยจังว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว

ลาพิส ลาซูรี่จึงได้หยุดลง

เสียงเอฟเฟ็กต์ที่ดังไปเรื่อยๆเมื่อชั่วครู่ก็ไม่สามารถได้ยินอีกต่อไปแล้ว

ชื่อ: ลาพิส ลาซูรี่

ความทรหด: ระดับ E

พละกำลัง: ระดับ D

การป้องกัน: ระดับ F

ค่าความชอบ: 0

เป็นเพราะค่าความชอบลาพิส ลาซูรี่ได้แตะเลข 0 นี่เอง

เพราะมันถึงจุดที่มันไม่สามารถลดลงไปได้อีกแล้ว มันจึงได้เงียบลง

เธอก้มลงและหยิบบางสิ่งขึ้นมา

มันคือหัวของเกียโคโม

“ช่วยดูด้วยค่ะ ฝ่าบาท”

ลาพิส ลาซูรี่กล่าว

“จดจำการแสดงออกบนใบหน้าของชายผู้นี้ให้ดีค่ะ จำสีขาวของดวงตาเค้าและปากที่เปิดออกอย่างโง่งมของเค้า มองการตายอันอัปลักษณ์ของเค้าหลังจากตายโดยน้ำมือเราผู้นี้อย่างง่ายดาย ถ้าฝ่าบาทเผลอลืมไปว่าฝ่าบาทยังคงอ่อนแออยู่ งั้นฝ่าบาทก็จะถูกบังคับให้จำได้โดยคนอื่นนะคะ ”

“……”

“สำหรับใครคนนั้นก็อาจจะลงเอยเป็นไพมอนหรือบาร์บาทอสก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้น ใบหน้าที่ฝ่าบาทแสดงออกมาก็จะไม่แตกต่างไปจากใบหน้าของชายผู้นี้แน่นอนค่ะ ”

เปลวเพลิงกำลังโหมกระพืออย่างเจิดจ้าทางด้านข้างซึ่งส่องสะท้อนตัวลาพิส ลาซูรี่

แสงได้ฉายถูกเรือนร่างเธอและทิ้งเงาดำอันมืดมิดไว้ในอีกด้านหนึ่งของเธอ

เธอคือจุดศูนย์กลาง ด้วยการที่เธอยืนอยู่ตรงกลาง แสงและเงาจึงถูกแบ่งเป็นสองส่วน

และลาพิส ลาซูรี่ก็ได้ยืนโดนเด่นอยู่ณ ใจกลาง ที่ทำเช่นนั้นเป็นเพราะว่า เธอกำลังเรียกร้องให้ผมทำแบบนั้นเช่นกันน่ะ (az – คือลาล่าอยากให้ตาดันเป็นสีเทา คิดถึงผลประโยชน์ก่อนเสมอ)

“กรุณาตราตรึงช่วงเวลานี้ลงในสมองของฝ่าบาทด้วยค่ะ”

หลังจากทนต่อความเงียบเป็นเวลานาน

ผมก็ฝืนกล่าวคำพูดออกมา

“ลาซูรี่”

“คะฝ่าบาท เชิญพูดค่ะ”

“เธอคือนังมารร้ายชัดๆ”

ราวกับว่ามันเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ลาพิส ลาซูรี่จึงได้พยักหน้า

หยดเลือดสีแดงเข้มได้ไหลลงไปตามโครงหน้าอันเรียวงามของเธอและหยดลง

“จนถึงบัดนี้ ฝ่าบาทคิดว่าเราผู้นี้เป็นคนเยี่ยงไรคะ?”