ตอนที่ 144 ฝาแฝด

ตอนที่ 144 ฝาแฝด

หลังฟังคำพูดของเสิ่นเจิ้นอวี่แล้ว ฉินมู่หลานก็อดหันไปมองเซี่ยเจ่อหลี่เสียไม่ได้ เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นหน้านายท่านเหยามาก่อนจึงเปรียบเทียบไม่ได้ ทำได้แค่นึกย้อนไป แล้วกล่าวด้วยความเสียดาย “เสียดายที่ไม่เคยพบนายท่านเหยา ฉันเลยไม่รู้ว่าพวกคุณหน้าเหมือนกันจริงหรือเปล่า”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “หน้าคล้ายกันก็เป็นเรื่องปกติ โลกนี้ออกจะกว้างใหญ่ ก็คงมีคนหน้าเหมือนกันอยู่ตลอดนั่นแหละ”

เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว บนโลกนี้มีคนหน้าเหมือนกันตั้งเยอะ ก็ไม่น่าแปลกหรอก”

ฉินมู่หลานก็พยักหน้าเหมือกัน แล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ มีคล้ายกันอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้พวกเรามีปัญหากับเหยาอี้หนิงและเริ่นม่านลี่นิดหน่อย ก็เลยลองถามเรื่องที่บ้านของพวกเขาดูเฉย ๆ ค่ะ”

นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่จริง ทั้งสองมีเรื่องกับเหยาอี้หนิงและเริ่นม่านลี่จริง หากรู้จักตัวเองและศัตรูรอบข้าง รบร้อยครั้งก็จะชนะร้อยครั้ง

ถงทิงผิงได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ดูจากนิสัยของม่านลี่แล้ว ก็ไม่แปลกที่เธอจะมีเรื่องบาดหมางกับหล่อน มู่หลาน เธอยังตั้งครรภ์อยู่ ต้องใส่ใจระวังตัวเองให้มากขึ้นนะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถงทิงผิงก็อดที่จะก้มมองท้องของฉินมู่หลานเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน ป้าจำได้ว่าเธอเพิ่งท้องได้ห้าเดือนใช่ไหม”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ใช่ค่ะ จากวันที่เริ่มตั้งท้อง ก็ห้าเดือนแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมท้องของเธอถึงใหญ่กว่าของคนอื่นเขาล่ะ ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาบ้างหรือยัง?”

“ตรวจไปครั้งล่าสุดตอนที่เพิ่งเริ่มตั้งท้องค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถงทิงผิงจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นหาเวลาไปลองตรวจดูบ้างนะ ท้องเธอใหญ่มากเลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าก็ตึงเครียดขึ้นมา

“มู่หลาน พวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยดีไหม” เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มาก่อน เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้มากนัก ตอนนี้เมื่อได้ยินถงทิงผิงเอ่ย จึงรู้สึกเป็นกังวลทันที

ถงถิงปิงก็พยักหน้าและพูดขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ทำไมไม่ลองไปตรวจที่โรงพยาบาลดูสักหน่อยล่ะ ตอนที่ป้าท้องหรูฮุ่ยกับหรูฮวน ตอนท้องได้ห้าเดือน ขนาดใส่เสื้อหลายชั้น ยังดูไม่ออกขนาดนี้เลย แต่ตอนนี้ท้องของเธอดูใหญ่กว่าสาวท้องทั่วไปอีก”

ถึงฉินมู่หลานจะเป็นหมอ แต่ก็ต้องตรวจดูว่าการตั้งครรภ์ของตัวเองเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่ เธอไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้มาก่อนเลย เมื่อได้ยินถงทิงผิงเอ่ยเช่นนั้น ก็คาดเดาเอาไว้อยู่ในใจนิดหน่อย และเมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ดูประหม่าจึงยอมพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันเถอะ”

บช

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้น จึงรีบพาคนไปที่โรงพยาบาลทหาร

หมอเลี่ยวเห็นทั้งสองมา จึงกล่าวต้อนรับด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “หมอฉิน คุณมาได้ทันเวลาพอดีเลยครับ ผมว่าจะไปหาคุณอยู่เลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่จ้องมองหมอเลี่ยว ก่อนจะรีบบอกกล่าวอย่างรวดเร็ว “หมอเลี่ยวครับ ผมขอพามู่หลานไปตรวจก่อน มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยนะครับ”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ่อหลี่ดูท่าทางกังวลมาก หมอเลี่ยวจึงคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น จึงรีบหยักหน้าแล้วพูดทันที “ครับ ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันเถอะ ว่าแต่หมอฉินเป็นอะไรเหรอครับ?”

เมื่อหมอเลี่ยวรู้ว่าท้องของฉินมู่หลานใหญ่เกินไป จึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ “ก็ไม่แย่นะครับ หกหรือเจ็ดเดือนก็ประมาณนี้ไม่ใช่เหรอ”

“หมอเลี่ยวครับ มู่หลานเพิ่งตั้งท้องได้แค่ห้าเดือนเท่านั้นเอง แต่ท้องใหญ่กว่าหญิงท้องทั่วไปอีก”

“เพิ่งห้าเดือนเหรอ”

หมอเลี่ยวไม่ทราบว่าฉินมู่หลานตั้งท้องมากี่เดือนแล้ว เมื่อได้ยินว่าแค่ห้าเดือนเท่านั้นก็ ท้องใหญ่กว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปจริง จึงรีบติดต่อแพททย์แผนกสูติอย่างรวดเร็ว

“จริงสิหมอฉิน ทางโรงพยาบาลเพิ่งซื้อเครื่องมือใหม่มาอันหนึ่ง ได้ยินว่าสามารถตรวจอวัยวะข้างในได้เลย คุณรู้จักเครื่องนี้ไหมครับ ใช้เป็นหรือเปล่า อยากลองไปดูหน่อยไหม”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ทางโรงพยาบาลมีเครื่องบีอัลตราซาวนด์เหรอคะ?”

“ใช่ ๆ เจ้านั่นแหละ แต่ยังหาคนใชไม่เป็นเลยครับ เครื่องนี้ก็เลยยังอยู่ในชั้นวาง ยังไม่ได้เอามาใช้ โรงพยาบาลว่าจะให้แพทย์จำนวนหนึ่งเข้าอบรมฝึกการใช้ก่อนครับ”

ฉินมู่หลานไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีเครื่องบีอัลตราซาวน์แล้ว ประเทศจีนใมนปี 1970 ยังเป็นยุคที่มีเพียงเครื่องบี-อัลตราซาวน์อยู่เลย จนกระทั่งถึงช่วงปี 1980 จึงได้พัฒนาเครื่องอัลตร้าซาวน์แบบสีได้สำเร็จ เครื่องมือนี้จึงจะค่อย ๆ ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ

“ฉันรู้จักเครื่องมือนี้ค่ะ ฉันใช้เป็นด้วย ถ้าอย่างนั้นขอเอามาใช้ตรวจได้ไหมคะ”

เลี่ยวเหวินหยางได้ยินว่าฉินมู่หลานจะใช้เจ้าเครื่องนี้ จึงรู้สึกไม่แปลกใจเลย “หมอฉิน ผมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ พวกเรารีบไปที่นั่นกันเถอะครับ”

ตอนแรกโรงพยาบาลไม่ยอมให้บุคคลภายนอกใช้เครื่องนี้ เพราะโรงพยาบาลมีแค่เครื่องเดียวเท่านั้น เพียงแต่เมื่อทราบว่าฉินมู่หลานต้องการใช้มัน จึงไม่มีข้อกังขาอะไร นอกจากนี้ยังให้แพทย์สูตินรีเวชทั้งสองเข้าไปดูด้วยตาตัวเองด้วยว่าฉินมู่หลานใช้เครื่องมือนี้อย่างไร

ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธ และเอ่ยพูดตามตรง “ได้ค่ะ ให้หมอเฉากับหมอจ้าวเข้ามาดูด้วยกันเถอะค่ะ”

หมอเฉากับหมอจ้าวเป็นสูตินรีแพทย์สองคนที่เรียกมา หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินตามฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่เข้ามา

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าภรรยาของตนต้องการควบคุมเครื่องเอง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอยู่ข้าง ๆ “มู่หลาน อยากให้ช่วยอะไรไหม”

ฉินมู่หลานส่ายหน้า แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ”

ขณะที่เธอพูดก็นอนลงบนเตียงไปด้วย หลังจากนั้นก็สอนวิธีการเปิดเครื่องให้กับหมอเฉากับหมอจ้าว และเริ่มตรวจอีกครั้ง

หมอเฉากับหมอจ้าวรู้สึกงุนงงในตอนแรก เพียงแค่ได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนของฉินมู่หลาน ทั้งสองก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อถึงเวลาตรวจ ฉินมู่หลานก็ลงมือตรวจด้วยตัวเอง แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะสอนหมอเฉากับกับหมอจ้าวอ่านภาพ “พวกคุณดูสิคะ นี่มัน…”

พูดไปเพียงครึ่งประโยค ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ เธอจ้องมองที่ภาพ สายตาจับจ้องอยู่ตรงหน้าจอโดยไม่กระพริบ ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้แล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นของจริง เธอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย

หมอเฉาหยุดพูดเมื่อเห็นฉินมู่หลาน ก่อนจะรีบถาม “หมอฉิน เป็นยังไงบ้างคะ?”

หมอจ้าวเดาได้ จึงรีบดึงเสื้อของเพื่อนร่วมงานแล้วพูดขึ้น “น่าจะเป็นอย่างที่ฉันคาดเดาเอาไว้ตอนแรก หมอฉินกำลังตั้งท้องลูกแฝดไง”

ตอนนี้สีหน้าของหมอเฉาก็ตื่นเต้นมาเช่นกัน หล่อนรีบหันไปพูดกับฉินมู่หลานโดยเร็ว “หมอฉินคะ ยินดีด้วยนะคะ”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง เธอยกยิ้มแล้วเอ่ยตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ กำลังตกอยู่ในความมึนงงไม่สามารถประมวลผลได้ เขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่าภรรยาของตนตั้งท้องลูกแฝด เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไปแล้ว สุดท้ายฉินมู่หลานก็เรียกเขา จากนั้นเขาก็มีฏิกิริยาโต้ตอบ แต่ไม่นานนักเขาก็รู้สึกประหม่า “มู่หลาน ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง พวกเรารีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีไหม”

ถึงแม้ว่าหมอเฉากับหมอจ้าวจะอยากฟังฉินมู่หลานอธิบายเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือนี้ แต่พวกหล่อนก็เขินอายเกินกว่าจะให้หญิงตั้งครรภ์บอกเรื่องพวกนี้ จึงรีบพูดจากอีกด้านหนึ่ง “ใช่ค่ะ หมอฉินคุณรีบกลับไปเถอะ”

แต่ฉินมู่หลานไม่ได้รีบร้อนอะไร เธอยังคงลงมือตรวจต่อ ขณะเดียวกันก็พูดอธิบายขึ้นมา

หมอเฉากับหมอจ้าวได้ยินเสียงของฉินมู่หลาน จึงตั้งใจฟังขึ้นมาอีกครั้ง

ฉินมู่หลานให้การสาธิตด้วยการตรวจตัวเองให้ดู ก่อนจะพบว่าทารกทั้งสองแข็งแรงดี เธอจบการสอนพร้อมทั้งรอยยิ้มบนใบหน้า และกลับไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังรู้สึกประหม่า

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โชคดีมากเลยที่ได้แฝดสองและยังร่างกายแข็งแรง เพราะถ้าร่างกายไม่แข็งแรงจะไม่อยากให้มีแฝดเพราะมันอันตรายตอนคลอด

ไหหม่า(海馬)