ตอนที่ 145 จดหมายของเจี่ยงสือเหิง
ตอนที่ 145 จดหมายของเจี่ยงสือเหิง
เซี่ยเจ๋อหลี่จับมือฉินมู่หลานอย่างระมัดระวัง ด้วยความกลัวว่าเธอจะไปชนอะไรเข้า
เมื่อฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขำ “อาหลี่ ฉันไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนะ คุณไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก ทำแบบเมื่อก่อนก็ได้”
“แต่คุณกำลังท้องลูกแฝด” โนเวลพีดีเอฟ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วเอ่ยยขึ้น “ก่อนหน้านี้ก็ท้องลูกแฝดมาตลอดไม่ใช่เหรอ แค่พวกเราไม่รู้กันเอง ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลเกินเหตุ”
“แต่หมอเฉากับหมอจ้าวต่างก็บอกว่าท้องแฝดมีโอกาสเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด แล้วก็จะรู้สึกเหนื่อยกว่าสาวท้องธรรมดาด้วย พวกเราถึงต้องใส่ใจมากขึ้น”
ฉินมู่หลานเห็นว่าแย้งเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้ จึงไม่พูดอะไรอีก
เมื่อทั้งสองกลับไปถึงบ้านพัก ฟู่ซวี่ตงกับเสิ่นหรูฮวนก็กลับมาแล้วเช่นกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ จึงรู้สึกดีใจกับทั้งคู่มาก
เสิ่นหรูฮวนได้ยินเรื่องที่ฉินมู่หลานไปโรงพยาบาลมาก่อนแล้ว เมื่อเห็นเธอกลับมา จึงถามด้วยความเป็นห่วง “มู่หลาน ได้ยินว่าเธอไปโรงพยาบาล ตรวจมาแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เป็นไร”
ในขณะนั้น ถงทิงผิงก็เอ่ยถามต่อ “มู่หลาน ท้องเธอใหญ่มาก หมอว่าอย่างไรบ้างหรือ” โนเวลพีดีเอฟ
ไม่รีรอให้ฉินมู่หลานได้พูด เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นแทน “ทุกคนไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวให้มู่หลานนั่งก่อน แล้วเราค่อยนั่งพูดคุยกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ ทุกคนก็รีบเปิดทางเพื่อให้ฉินมู่หลานนั่งลง
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าไม่มีใครขวางทางพวกเขาแล้ว จึงประคองฉินมู่หลานไปนั่ง จากนั้นก็เริ่มบอกกล่าว “มู่หลานตั้งท้องลูกแฝดครับ ท้องเลยใหญ่กว่าสาวท้องทั่วไป”
“อะไรนะ…จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลย”
ถงทิงผิงกับเสิ่นหรูฮวนได้ยินแบบนี้จึงเข้ามารุมล้อมรอบตัวฉินมู่หลานด้วยความตื่นเต้น แต่พวกหล่อนก็เป็นเหมือนเซี่ยเจ๋อหลี่ สีหน้าพลันตึงเครียดนิดหน่อย “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นต้องระวังหน่อยนะ”
“อื้ม ฉันจะระวัง”
ฉินมู่หลานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงขบขันเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าทุกคนจะกังวลขนาดนี้
ฟู่ซวี่ตงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความอิจฉาแล้วพูดขึ้น “อาหลี่ ยินดีกับนายด้วย ไม่คิดเลยว่านายจะได้เป็นพ่อลูกสองเร็วขนาดนี้”
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ดีใจมาก แต่แล้วเขาก็เริ่มกังวลใจ เพราะปกติตัวเองจะงานยุ่งมาก จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลฉินมู่หลาน ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะเขียนจดหมายถึงที่บ้าน ลองดูว่าแม่สะดวกมาหรือเปล่า
เสิ่นเจิ้นอวี่กับเสิ่นหรูฮุ่ยก็เข้ามาแสดงความยินดีกับเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย หลังจากนั้นก็เอ่ยปากพูด “นี่เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ พวกเรามาเลี้ยงฉลองกันเถอะ”
“ใช่ๆ เอาตามที่พูดนั่นแหละ”
ถงทิงผิงพยักหน้าพลางเอ่ย
หลังจากรอจนกระทั่งถึงตอนเย็น เสิ่นหรูฮุ่ยคิดจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อเฝ้าเจิ้งเต๋อข่าย ส่วนคนอื่นที่เหลือไปกินอาหารกันแล้ว
“มู่หลาน เธอมีอะไรที่อยากกินไหม ตอนนี้อยากกินอะไรต้องได้กิน ไม่อย่างนั้นจะค้างคาอยู่ในใจ”
ถงทิงผิงจับมือฉินมู่หลาน แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยประสบพบเจอมา “ตอนฉันตั้งท้องหรูฮวน มีครั้งหนึ่งอยากกินซาลาเปาเนื้อมาก แต่ตอนนั้นไม่ได้กินเลยสักลูก เลยคิดฝังใจมาตลอดจนลูกคลอด พอคลอดหรูฮวน กินอะไรก็ไม่ถูกปาก”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มแล้วพูด “ป้าเสิ่น หนูจะกินอะไรที่อยากกินแน่นอนค่ะ”
หลังจากหลายคนนั่งลง อาหารก็มาเสิร์ฟเร็วมาก ฉินมู่หลานไปโรงพยาบาล พูดคุยกับหมอทั้งสองคนนานมาก จึงรู้สึกหิวมาก่อนหน้าแล้ว ดีงนั้นเมื่อถึงเวลากินจึงกินเยอะพอสมควร
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็หิวมาก แต่เขาเอาใจใส่ฉินมู่หลานอยู่ตลอด เมื่อเห็นเธอกินได้ดี จึงวุ่นอยู่กับการคีบของโปรดลงในจานให้เธอ
ถงทิงผิงเห็นฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่เข้ากันจึงอดจะยกยิ้มไม่ได้ “ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนดีกันจังเลยนะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ขณะพูด ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูลูกสาวตัวเองกับฟู่ซวี่ตง หวังว่าต่อไปความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
ฟู่ซวี่ตงดูประหม่าเล็กน้อย เมื่ออยากจะตักอาหารให้เสิ่นหรูฮวาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกใจดังมาจากด้านข้าง “หัวหน้าเซี่ย รองฟู่ ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อได้ยิน เซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงก็หันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเหยาอี้หนิง
และในตอนนี้ เหยาอี้หนิงก็ได้สังเกตเห็นคนที่อยู่รอบตัวเซี่ยเจ๋อหลี่ได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นเสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิง ก็ดูแปลกใจนิดหน่อย “ลุงเสิ่น ทำไมก็อยู่ที่นี่ด้วยล่ะครับ?”
แม้ว่าตระกูลเหยาและตระกูลเสิ่นจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กันมากนัก แต่ทุกคนก็ล้วนมาจากปักกิ่ง ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอ จึงรู้จักโดยทั่วกันอยู่แล้ว
ด้านข้างเหยาอี้หนิงมีเริ่นม่านลี่ยืนอยู่ หลังจากเห็นว่าพ่อแม่ของเสิ่นหรูฮวนมาที่นี่ แววตาจึงต็มไปด้วยความแปลกใจ ตอนแรกหล่อนคิดว่าเสิ่นหรูฮวนมาที่นี่แค่คนเดียว ไม่คิดว่าพ่อแม่ของหล่อนจะมาด้วย
เสิ่นเจิ้นอวี่รู้จักเหยาอี้หนิงอยู่แล้ว จากนั้นก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยทักทาย “หรูฮวนแวะมาหามู่หลาน พวกลุงก็เพิ่งมาเนี่ยแหละ”
เมื่อเหยาอี้หนิงได้ฟัง ก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ
เขาได้ยินคำบอกเล่าจากภรรยามาก่อน ว่าเสิ่นหรูฮวนกับฉินมู่หลานสนิทกัน จึงอาจจะเป็นเพื่อนกัน หากเสิ่นหรูฮวนจะมาหาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เสิ่นเจิ้นอวี่กับภรรยาของเขาก็มาหาฉินมู่หลานด้วย ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไร
เริ่นม่านลี่ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่เชื่อเรื่องนี้เช่นกัน แต่เก็บสีหน้าของตัวเองไว้ไม่อยู่ จึงยังมองเห็นการแสดงออกผ่านใบหน้าหล่อนได้
ถงทิงผิงย่อมให้พวกเขารู้ในกิจธุระที่พวกเขามาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นขื่อเสียงของลูกสาวคงเสี่ยงเสียหายมากขึ้น จึงยกยิ้มแล้วเอ่ย “อันที่จริงนอกจากมาหามู่หลานแล้วก็อยากมาหาซวี่ตงด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเริ่นม่านลี่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้แต่เหยาอี้หนิงก็อดที่จะหันมองฟู่ซวี่ตงไม่ได้
ถงทิงหิงเอ่ยต่อโดยไม่ทิ้งช่องว่าง “หรูฮวนของเรากับซวี่ตงกำลังดูใจกัน พวกเราก็เลยต่องรีบมาหาว่าที่ลูกเขยอยู่แล้ว”
เสิ่นหรูฮวนไม่คิดว่าผู้เป็นแม่จะเอ่ยเข่นนั้นออกมา ใบหน้าจึงขึ้นสีแดงระเรื่อ
ฟู่ซวี่ตงยอมเปิดเผยต่อหน้าเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่อย่างไม่ปิดบัง จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองเสิ่นหรูฮวนแล้วพูดขึ้น “ที่จริงแล้วหรูฮวาพิเศษมาก ฉันแอบชอบเธอมาก แต่ไม่เคยพูดออกมา ครั้งนี้เลยรวบรวมความกล้าสารภาพออกไป โชคดีที่เธอก็คิดเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาอี้หนิงก็ขมวดคิ้วแล้วมองฟู่ซวี่ตงก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอยินดีกับนายด้วยจริง ๆ”
เพราะฟู่ซวี่ตงกับเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นเพื่อนสนิทกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเหยาอี้หนิงกับฟู่ซวี่ตงไม่ค่อยดีตามไปด้วย เขาจึงเอ่ยพูดเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก “ฉันกับหมานลี่ยังไม่ได้กินข้าว พวกเราขอตัวไปกินข้าวกันก่อน พวกนานก็ค่อย ๆ กินกันไปเถอะ”
หลังจากเหยาอี้หนิงและเริ่นม่านลี่ไป ถงทิงผิงก็รีบเอ่ยเขื้อเชิญให้ทุกคนกินข้าว”พวกเราก็กินกันเถอะ”
หลังจากทุกคนรับประทานเสร็จก็เตรียมอาหารไปให้เสิ่นหรูฮุ่ยด้วย สุดท้ายจึงกลับที่พัก
เมื่อเห็นพรรคพวกของฉินมู่หลานไปแล้ว เริ่นม่านลี่ก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจ “เสิ่นหรูฮวนเสียชื่อไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วฟู่ซวี่ตงจะชอบหล่อนได้ยังไง”
ทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบเรื่องที่เสิ่นหรูฮวนโดนลักพาตัวกันหมด เริ่นม่านลี่จึงได้ยินเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ตอนแรกหล่อนคิดว่าเสิ่นหรูฮวนจะโดนจับแต่งงาน ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับฟู่ซวี่ตง ทั้งตระกูลฟู่ยังเป็นตระกูลที่ไม่ได้ต่ำต้อยด้วย
เหยาอี้หนิงได้ยินเช่นนี้ จึงหันมองเริ่นม่านลี่แล้วพูดขึ้น “ฟู่ซวี่ตงอยากแต่งกับใครก็ได้ตามที่เขาต้องการแหละ ไม่มีใครบังคับเขาได้หรอก”
“เหอะ…ฉันว่าการที่ฟู่ซวี่ตงไม่ได้แสดงสถานะเด่นชัดก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
เหยาอี้หนิงทราบเรื่องภารกิจของเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงครั้งก่อนมานิดหน่อย “คุณว่าฟู่ซวี่ตงจะโง่เหรอ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเสิ่นหรูฮวนหรอก เขากับเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นคนนำทีมปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวกับองค์กรนั้น และภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็อยู่ที่นั่นด้วย หล่อนมีส่วนช่วยได้มาก นั่นเป็นสาเหตุที่เซี่ยเจ๋อหลี่กับภรรยาของเขาได้รับอภิสิทธิ์จากท่านผบ.เป็นอย่างมาก”
แค่เซี่ยเจ๋อหลี่เพียงคนเดียวก็ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว แต่ภรรยาของเขาที่มาจากชนบทก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น อยู่ ๆ เหยาอี้หนิงก็รู้สึกแย่ลง
“อะไรนะ…”
เริ่นม่านลี่เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก สีหน้าจึงยับยู่น่าเกลียด พบว่าหลังจากได้เจอฉินมู่หลาน ขีวิตก็ไม่ราบรื่นได้ดั่งใจอีกเลย
เหยาอี้หนิงก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจเช่นกัน เมื่อลองคำนวณเวลาดูก็คิดว่ารูปถ่ายที่ฝากคนส่งไปเมืองหลวงน่าจะไปถึงแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารูปถ่ายของเซี่ยเจ๋อหลี่จะมีประโยชน์อะไร
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับมาถึงที่พักก็พักผ่อนทันที เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ตระกูลเสิ่นก็เตรียมพาตัวเจิ้งเต๋อข่ายกลับไปที่เมืองหลวง จริง ๆ แล้วเสิ่นหรูฮวนอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน แต่เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงกังวลว่าหล่อนจะต้องกลับคนเดียว จึงให้หล่อนกลับไปพร้อมกัน
ฟู่ซวี่ตงเห็นว่าเสิ่นหรูฮวนกำลังจะกลับก็ไม่ค่อยอยากให้เป็นอย่างนั้นเท่าไหร่ แต่ทราบว่าเสิ่นหรูฮวนกลับพร้อมกับครอบครัวจะเป็นการดีกว่า จึงต้องยอมยับยั้งชั่งใจ เขาลูบผมของหล่อนแล้วเอ่ยพูดด้วย “หรูฮวน คุณกลับพร้อมกับพวกลุงเสิ่นเถอะ ไว้ผมว่าง ผมจะไปหา”
“ได้”
สุดท้ายเสิ่นหรูฮวนก็กลับไปพร้อมกับเสิ่นเจิ้นอวี่และคนอื่น
และเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงก็รีบกลับไปฝึก ฉินมู่หลานกลับไปที่อาคารครอบครัว แต่เมื่อเธอกลับไปได้ไม่นาน จดหมายของเจี่ยงสือเหิงก็มาพอดี
ขณะเดียวกันที่เมืองปักกิ่ง จดหมายจากเหยาอี้หนิงก็ไปส่งที่บ้านตระกูลเหยาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หลี่ประคบประหงมมู่หลานสุด
พ่อบุญธรรมจะเขียนตอบมาว่ายังไงบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)