สือเพ่ยหลินแค่รู้สึกเหมือนว่าได้ยินคำพูดที่เหลวไหลไม่น่าเชื่อถือ เขามองไปที่หลานเสี่ยวถาง จากนั้นก็หันไปหาที่สือมูเฉิน : “ นี่มันหมายความว่าอะไรกัน ? เป็นไปได้ยังไงกัน ! ทำไมนายถึงได้แต่งงานกับเธอได้ ? !”
สือมูเฉินยื่นมือออกไปโอบที่ไหล่ของหลานเสี่ยวถางและยักคิ้วอย่างเย็นชา : “ ฉะนั้นแล้ว เพ่ยหลินนายคิดว่าภรรยาของฉันไม่ดีอย่างนั้นหรอ ?”
สือเพ่ยหลินมองไปที่หลานเสี่ยวถาง สีหน้าดูผะอืดผะอมเล็กน้อย : “ ฉันไม่ได้บอกว่าเสี่ยวถางไม่ดี แต่ทว่าคุณอา นายไม่ควรที่จะมาพูดล้อเล่นเป็นเรื่องตลกกับฉันแบบนี้นะ นี่มันไม่ตลกเลยนะ ”
“ หรือว่า ฉันควรที่จะเอาใบทะเบียนสมรสมาให้นายดู ?” ในขณะที่สือมูเฉินพูด ก็เตรียมตัวที่จะเอาสมุดเล่มสีแดงที่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและแน่นอนว่านั้นก็คือใบทะเบียนสมรส !
สือเพ่ยหลินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็เอาใบทะเบียนสมรสที่อยู่ในมือของสือมูเฉินแล้วก็เปิดดู
พอเห็นตราที่ประทับและชื่อบนนั้น แล้วก็ภาพถ่ายที่ถ่ายร่วมกัน เขาก็ถึงกับตาค้างขึ้นมาทันที ต่อจากนั้น เขาก็เห็นวันที่ในใบทะเบียนสมรสอีก
“ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณ……” เขามองไปที่ทั้งสองคนอย่างไม่เชื่อสายตา : “ นั่นเป็นวันที่สองหลังจากที่ฉันหย่ากับเสี่ยวถาง !”
จากนั้นสือมูเฉินก็เอาใบทะเบียนสมรสที่อยู่ในมือของเขามา มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย : “ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบใจนายที่ปล่อยให้เสี่ยวถางเป็นอิสระ และทำให้ฉันไม่ต้องเป็นโสดอีกต่อไป !”
“ ไม่ ฉันไม่เชื่อ !” ในขณะที่สือเพ่ยหลินพูด ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็โทรหาเพื่อนที่อยู่สำนักงานเขต : “ จางเคอจ่างหรือเปล่า นี่ฉันเอง รบกวนนายช่วยตรวจสอบอะไรบางอย่างให้ฉันหน่อยสิ……”
หลังจากที่วางสายไป สีหน้าของสือเพ่ยหลินก็นิ่งอึ้งไปทั้งหน้า
เขามองไปที่ทั้งสองคน : “ คุณอา นายหลอกใช้เสี่ยวถางใช่ไหม ? นายวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วก็ปิดบังเรื่องที่แต่งงานมาตลอด และรอวันที่ยึดสิทธิผู้ถือหุ้นของฉันไป ถึงได้ลากเสี่ยวถางมาอยู่ต่อหน้าฉัน แล้วก็อยากที่จะหักหน้าฉันกับพ่อของฉัน !”
ในขณะที่พูดนั้น แววตาของเขาดุดันขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึง : “ คุณอา นายทำไมได้หลอกใช้เสี่ยวถางเพื่อมาโจมตีพวกเรา ไม่รู้หรอว่าเธอเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้าย ? !”
สือมูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับนัยน์ตาที่ไม่พอใจ : “ ฉันกับเสี่ยวถางที่แต่งงานกัน ก็เพราะว่ารู้ว่าเธอไม่ผิด และนายกับพ่อของนายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยสักนิด ! หรืออันที่จริงแล้วก้นบึ้งหัวใจของนายคิดว่าเสี่ยวถางไม่ดี ถึงได้คิดว่าที่ฉันแต่งงานกับเธอเพื่อที่หลอกใช้เธอ !”
สือเพ่ยหลินก็ตกใจขึ้นมาทันที เขาพบว่าตัวเองถูกสือมูเฉินหลอกเข้าเต็มเปา เขาอดไม่ได้ที่จะมองหลานเสี่ยวถาง แล้วก็พูดขอโทษ : “ เสี่ยวถาง คุณอย่าไปฟังเขานะ ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้น ”
“ เพ่ยหลิน ” หลานเสี่ยวถางที่ซึ้งไม่ได้พูดมาตลอดก็เอ่ยปาก ด้วยน้ำเสียงที่อาวุโส : “ ในเมื่อฉันกับคุณอาของคุณแต่งงานกันแล้ว ถ้าอย่างนั้น ที่คุณยังเรียกชื่อฉันอยู่ตลอดคิดว่ามันเหมาะสมไหม ? ในเมื่อคุณเรียกเขาว่าคุณอา คุณก็ควรที่จะเรียกฉันว่าอาสะใภ้ไม่ใช่หรอ ?”
พอสือเพ่ยหลินได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถาง สีหน้าที่แสดงออกมาของเขาก็ถึงกับแข็งทื่อทันที
มือที่ใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงของเขาก็กำหมัดแน่น และเขาก็หยิกไปที่ต้นขาของตัวเอง ใช้ความเจ็บเพื่อให้ตัวเองไม่เสียสติ
เขาโตมาขนาดนี้ รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกของชีวิต ที่ได้ยืนอยู่ในฐานะแบบนี้ !
เขาโตมาโดยที่ถือกุญแจล้ำค่า ตามลมตามน้ำ ผู้หญิงที่อยู่รอบตัว เพียงแค่เขาอยากได้ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะไม่ได้ !
แต่ในวัยหนุ่มเขาถือได้ว่าเป็นคนที่รักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ให้ด่างพร้อย เมื่อเทียบกับคนรุ่นหลังที่ร่ำรวยบางคนที่ชอบเที่ยวไนท์คลับและหลงใหลกับเน็ตไอดอลตลอดทั้งวันแล้ว ถือได้ว่าดีกว่าอย่างมาก
เขารู้สึกว่า ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะเสียใจในชีวิตนี้ มีเพียงแค่หลานเสี่ยวถาง
วันนั้น เขาพูดสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าของพ่อตัวเอง เพื่อที่จะเล่าให้สือมูชิงฟัง แล้วก็พูดให้ตัวเองที่เลวทรามในเมื่อก่อนฟัง !
ใช่ เขาเสียใจทีหลัง แล้วก็พบว่าหลานเสี่ยวเป็นคนดี ไม่เพียงเพราะคำพูดของไต้ซือ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาอยากที่ชดใช้ให้กับหลานเสี่ยวถาง !
หรือเป็นเพราะว่า เขาค้นพบว่าเขาได้ประทับตราผู้หญิงคนนี้ไว้ในใจไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาใจลอยเมื่อเห็นเธอในงานเลี้ยง แล้วเขาก็เลยหึงสือมูเฉินและหันจื่ออี้ และทุกครั้งที่ไปสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น ก็จะนึกถึงหลานเสี่ยวถางโดยที่ไม่รู้ตัว
แต่ทว่าวันนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าสือมูเฉินจะจูงมือของหลานเสี่ยวถางมาแล้วก็มาบอกว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้ว !
และหลานเสี่ยวถางยังให้เขาเรียกเธอว่าอาสะใภ้อีกด้วย !
อาสะใภ้เหี้ยอะไรกัน ! เขาก็แค่อยากให้เธอกลับไปเป็นผู้หญิงของเขา !
ให้ฉันเรียกอาสะใภ้ ไม่มีทาง !
มือของสือเพ่ยหลินแทบจะบีบต้นขาจนช้ำ เขาพยายามควบคุมความโกรธและความหึงหวงที่แทบจะพุ่งทะลักออกมาทีละนิด เพื่อให้สติของเขากลับมา
ในเวลานี้ ทั้งสามคนก็ยืนเผชิญหน้ากันในความเงียบงัน
แต่ทว่าบรรยากาศก็กลับปั่นป่วน
จนกระทั่งสือเพ่ยหลินได้ทำลายความเงียบงันนี้——
“ เสี่ยวถาง ฉันรู้สึกว่า พวกเราจำเป็นต้องหาเวลามาคุยกันสักหน่อย ” สือเพ่ยหลินพยายามที่จะรักษาอารมณ์ที่ดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ : “ คุณทำงานหนักมาตลอด ผมกับคุณอาจะพาคุณไปรับลมเอง อยากกินอะไร ?”
หลานเสี่ยวถางก็รู้ว่าถ้าจะให้สือเพ่ยหลินเรียกเธอว่า‘อาสะใภ้’จริงๆแล้วละก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยาก อย่างไรเสียยึดตามนิสัยของสือเพ่ยหลินแล้ว ให้เขาก้มหัวยังยาก ยิ่งไปกว่านั้น เธอที่เคยถูกเขาทิ้งมาก่อนและยังต้องมาก้มหัวให้คนที่เมินใส่
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ไปก็จะมีโอกาส ! เธอเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เธอจะสามารถทำให้สือเพ่ยหลินพูดออกมาจากปากให้ได้
เพราะฉะนั้น หลานเสี่ยวถางก็เลยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ และจับไปที่แขนของสือมูเฉิน : “ พวกคุณจะพาฉันไปกินอะไรก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนจ่าย ”
สือมูเฉินพอใจกับการแสดงออกของเธอมาก ด้วยเหตุนี้จึงพูดว่า : “ เสี่ยวถาง วันนี้ถือว่าเป็นวันดี ผมเป็นเลี้ยงละกัน อีกเดี๋ยวพอถึงร้านอาหาร สั่งได้ตามสบายเลย !”
ตอนที่สือเพ่ยหลินที่ได้ยินสือมูเฉินพูดว่าวันนี้ถือว่าเป็นวันดี หลังก็ถึงกับแข็งทื่อขึ้นมาทันที
อันที่จริง มันเป็นวันที่ดีสำหรับสือมูเฉิน ที่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Times Group แต่สำหรับเขาแล้ว มันถือว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา !
เขาสูญเสียความมั่นคั่ง ผู้หญิง และยังต้องรักษาท่าทางที่สงบจิตสงบใจกับสือมูเฉินในขณะนี้ ก็เพราะว่า เขายังต้องพึ่งพาสือมูเฉินให้พาเขาไปหายา !
ห่วยแตก ! สือเพ่ยหลินด่าอยู่ในใจนับพันครั้ง
เขาเดินอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน มองไปที่สือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางที่จับมือด้วยกัน ดวงตาที่เย็นชาดุจดั่งมีดที่แหลมคม แทบจะแทงทะลุมือของทั้งสองคน
เขาพูดในใจ ตราบเท่าที่เขายังมีอยู่รอดได้ ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่เขาจะเอาทั้งความมั่งคั่งและหลานเสี่ยวถางกลับคืนมา !
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในร้านอาหารอังกฤษ สือมูเฉินสั่งอาหารไปแล้วบ้าง จากนั้นก็เอาเมนูให้หลานเสี่ยวถาง : “ เสี่ยวถาง คุณลองดูว่าอยากจะกินอะไรอีก ?”
หลานเสี่ยวถางถึงแม้ว่าแต่ก่อนจะเป็นลูกคนที่สองของตระกูลหลาน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวบุญธรรม และน้อยมากที่จะกินอาหารตะวันตกระดับไฮเอนด์ เพราะฉะนั้น เธอจึงงุนงงหลังจากที่ได้เมนูมา และเธอก็พยักหน้า : “ คุณสั่งให้ฉันก็ได้แล้ว เพราะยังไงคุณก็รู้ว่าฉันชอบกินอะไร ”
สือเพ่ยหลินที่นั่งอยู่ตรงข้างของทั้งสอง พอได้ยินประโยคนี้ มือก็อดไม่ได้ที่จะจับแก้วน้ำอย่างแน่น ในแววตาดุจดั่งพายุมรสุมที่บังเกิดขึ้น แต่น้ำเสียงก็ต้องแกล้งทำเป็นสงบ : “ เสี่ยวถาง ตั้งแต่วันนั้นที่คุณออกจากที่นั่น ก็ไปอยู่บ้านคุณอาเลยหรอ ?”
มิน่าหล่ะ เขาเห็นเธออยู่สองครั้ง เธออยู่ใกล้กับบ้านของสือมูเฉิน
ถึงแม้ว่า หลังจากงานเลี้ยงแล้วยังมีอีกครั้ง เขาเห็นเธออยู่ในรถของสือมูเฉิน แต่ว่าเขาคิดในใจว่าสือมูเฉินก็คงแค่เล่นสนุกกับเธอ
แน่นอนว่าต้องคิดไม่ถึงและก็คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาจะเป็นเรื่องจริง !
“ ใช่ ฉันกลับไปที่ตระกูลหลานไม่ได้ ฉันก็เลยทำได้แค่ไปอยู่ที่มูเฉินที่นั่น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็แต่งานกันแล้วด้วย ” ในขณะที่หลานเสี่ยวถางพูดก็ยิ้มนุ่มนวลและมองไปที่สือเพ่ยหลิน : “ พอพูดถึงเรื่องนี้ เพ่ยหลิน ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณมากๆเลยนะที่ในตอนนั้นหย่ากับฉัน !”
ในที่สุดสือเพ่ยหลินก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก็ลุกขึ้นมาทันที : “ คุณอา ที่ฉันตามมาที่ประเทศฟลอริดา เพื่อมาหายา ไม่ใช่มาดูพวกคุณแสดง ! เสี่ยวถางไร้เดียงสาเกินไป นายหลอกใช้หลอกเธอเพื่อมาทำให้ฉันรำคาญ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ ”
“ ฮึฮึ——” สือมูเฉินหัวเราะเยาะ : “ เพ่ยหลิน นายไม่เรียกชื่อเธอว่าอาสะใภ้ละ ฉันจะไม่ถือสาชั่วคราว แต่เวลาที่นายจงใจจะพูดอีกนัยหนึ่ง มันดูเหมือนว่าทำให้คนอื่นเข้าใจว่าพวกนายยังมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันอยู่ ฉันก็ไม่สามารถที่จะไม่ก้าวก่ายไม่ได้ ! เสี่ยวถางตอนนี้เป็นภรรยาของฉัน แล้วก็ยังเป็นผู้อาวุโสของของนาย เพราะฉะนั้น เวลาที่นายพูดกับเธอก็ให้เกียรติด้วย และไม่ใช่ว่าใช้น้ำเสียงที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของนายเมื่อก่อน ”
ในขณะที่สือมูเฉินพูด ก็ดื่มน้ำไปหนึ่งคำ และพูดอย่างเย็นชา : “ ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวถางยังต้องมามีส่วนร่วมในการหายาอีก ”
สือเพ่ยหลินขมวดคิ้ว : “ นี่หมายความว่าอะไร ?”
“ หากไม่มีเธอ ฉันไม่มีแรงจูงใจที่จะทำอะไร และจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมองหายา ” สือมูเฉินยักไหล่แล้วก็ชี้ไปที่ที่นั่งที่อยู่ตรงข้าม : “ อดทนรอ ”
สือเพ่ยหลินอดทนกับความอยากที่จะคว่ำโต๊ะทั้งโต๊ะ แล้วก็นั่งลง
ทั้งสามคนกินด้วยกัน และบรรยากาศก็แปลกไปโดยธรรมชาติ
แต่ดูเหมือนว่าสือมูเฉินจะไม่ได้สังเกตเห็นอะไร และกลับไม่หยุดที่จะคีบผักให้หลานเสี่ยวถาง แล้วก็ยังพูดอีกว่าก่อนหน้านี้เธอผอมเกินไปแล้ว ควรที่จะต้องบำรุงเยอะๆ
สือเพ่ยหลินฟังออกว่าสือเพ่ยหลินกำลังพูดความอีกนัยหนึ่งที่หลานเสี่ยวถางต้องทนทุกข์ทรมานจากเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาไม่อยากพูดอะไร และคีบผักอยู่เงียบๆควบคุมความโกรธของตัวเองที่แทบจะพุ่งออกมา
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ในที่สุดทั้งสามคนก็ต่างกินเสร็จสำราญใจแล้ว
สือมูเฉินกำลังที่จะเช็คบิล ในขณะนั้น มีพนักงานที่ถือไวน์มาก็สะดุดเข้ากับเท้าที่เหยียดออกมาอย่างกะทันหันของสือเพ่ยหลิน ทันใดนั้น ไวน์แดงก็หกใส่เสื้อของสือมูเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
พนักงานยังคงไม่หยุดขอโทษ สือมูเฉินก็จ้องมองไปที่สือเพ่ยหลินด้วยแววตาที่เย็นชาและแหลมคม : “ เพ่ยหลิน ทริคที่น่าเบื่อขนาดนี้ แม้ว่าฉันจะยอมนาย แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ส่งผลดีหรอกนะ ”
ในขณะนั้น เขาก็บอกหลานเสี่ยวถาง แล้วก็ไปห้องน้ำ
ดังนั้นจึงมีเพียงแค่หลานเสี่ยวถางกับสือเพ่ยหลินสองคนเท่านั้นที่อยู่ที่โต๊ะ
หลานเสี่ยวถางไม่อยากอยู่คนเดียวกับสือเพ่ยหลิน และกำลังที่จะลุกขึ้น สือเพ่ยหลินก็เรียกเธอเอาไว้ก่อน : “ เสี่ยวถาง ทำไมคุณถึงได้แต่งงานกับเขา ?”
หลานเสี่ยวถางมองไปที่ตาของสือเพ่ยหลิน : “ ปกติก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนดี เพราะฉะนั้นก็เลยแต่งงานกับเขา ”
แววตาของสือเพ่ยหลินดูเหมือนถูกลวก และเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง : “ เขาไม่ได้จริงใจกับคุณ ”
พอหลานเสี่ยวถางได้ยินประโยคนั้น ก็รู้สึกว่ามีความโกรธที่อัดแน่นเต็มอกเล็กน้อย : “ นี่คุณจะหมายความว่า เมื่อก่อนคุณจริงใจอย่างนั้นหรอ ? ตลกสิ้นดี สือเพ่ยหลิน อย่างคิดว่าคนอื่นจะเลวเหมือนคุณ !”
สือเพ่ยหลินหายใจไม่ออก กำลังจะกำเริบ หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เขาก็ใจเย็นลง แล้วก็พูดกับหลานเสี่ยวถางอย่างสงบเงียบ : “ เสี่ยวถาง คุณฟังผมพูดนะ มูลค่าตลาดของ Times Group ตั้งเท่าไหร่ คุณไม่ใช่ไม่รู้นิ แต่ทว่า คุณอาของฉันสามารถใช้เวลาสั้นๆเพียง 10 ปี ชักชวนผู้ถือหุ้นคนอื่นอย่างเงียบๆให้ย้ายข้าง และก็มีอำนาจทางการเงินในการซื้อหุ้นใน Times Group คุณคิดว่ามันยังไง ?”
หลานเสี่ยวถางขมวดคิ้ว : “ นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถด้วย !”
“ ผิดแล้วต่างหาก ” สือเพ่ยหลินมองไปที่หลานเสี่ยวถาง : “ มันสามารถแสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่เคียงข้างคุณไม่ใช่คนที่น่าเชื่อ แต่กลับเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง และยังเป็นหมาป่าที่มีความทะเยอทะยานและกลอุบายอีกด้วย !”
“ หม่าป่า ?” หลานเสี่ยวถางหัวเราะ : “ แล้วยังไง ? ฉันก็ชอบคลุกคลีอยู่กับหมาป่านั้นแหละ ใครก็ห้ามไม่ได้ !”
สีหน้าของสือเพ่ยหลินที่ถูกเธอพูดอย่างโผงผางก็ถึงกับแข็งทื่อไปเล็กน้อย : “ เสี่ยวถาง ผมหวังดีกับคุณนะ คุณต้องคิดดูดีๆ คุณอาของฉันแตกต่างจากที่คุณมองภายนอก ”