ตอนที่ 73

The simple life of the emperor

คุณพนักงานสาวนำเทียนหลางไปยังโซนอื่นของห้อง เจ้าหน้าที่ของร้านก็มาหิ้วตัวต้วนคงซือและลูกน้องออกไปหลังจากที่เดินดูสินค้าอื่นๆ อยู่สักพักเทียนหลางก็ได้ซื้อของมาอีกสองสามอย่างหมดเงินไปกว่าสามล้านเหรียญ

นอกเหนือจากสมุนไพรและแร่หายากที่เทียนหลางซื้อแล้วภายในร้านก็ไม่มีอะไรที่มีค่าพอจะรีดเงินออกจากกระเป๋าของเขาได้เลยสักอย่าง เทียนหลางจึงเดินออกจากร้านและเดินดูร้านค้าริมทางต่อ ในขณะที่เทียนหลางกำลังเลือกซื้อของอยู่นั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่

เทียนหลางลูบคางตัวเองเบาๆ ก่อนจะพึมพำออกมา

”มีคนคอยตามฉันมาด้วยงั้นเหรอ ? อาจจะเป็นคนของต้วนคงซือ”

หลังจากที่เทียนหลางคิดแบบนั้นเขาก็เลิกให้ความสนใจกับคนที่ตามเขามาเพราะจากสัมผัสศักสิทธิ์ของเขาบอกได้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แม้หนึ่งในนั้นจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ก็อยู่ในระดับแปรเปลี่ยนขั้น 8 เท่านั้นซึ่งไม่ได้สร้างความกดดันอะไรให้กับเทียนหลางเลยสักนิดเดียว

เทียนหลางเดินดูของตามร้านข้างทางไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเที่ยงท้องของเขาก็เริ่มที่ร้องออกมาแม้ผู้บำเพ็ญเซียนจะสามารถดูดซับพลังธรรมชาติเพื่อเติมเต็มความอยากอาหารทำให้พวกเขาสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอะไรเลยได้หลายวันแต่เทียนหลางนั้นไม่ได้ชอบใช้ชีวิตเป็นฤาษีที่ต้องทำอะไรเป็นเส้นตรง และยิ่งในตอนนี้เขากำลังอยู่ในโลกที่มีอาหารอร่อยอยู่ทั่วทุกที่มันจึงช่วยไม่ได้ที่เทียนหลางจะเมินการดูดซับพลังธรรมชาติและหันไปหาอะไรอร่อยๆ กิน
(ผู้บ่มเพาะ กับผู้บำเพ็ญเซียนนั้นไม่เหมือนกันนะ)

เทียนหลางเดินไปเจอร้านอาหารจีนร้านหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะอร่อยเพราะมีคนเยอะ เขาจึงเดินเข้าไปและหาที่นั่งก่อนจะสั่งอาหาร จากนั้นพนักงานก็มาถึงพร้อมกับยื่นเมนูให้กับเขา

”เอาหมูผัดขิง ผัดพัก ซี่โครงหมู และก็ข้าวเปล่า”

”คุณลูกค้าจะรับน้ำอะไรดีคะ ?”

”เอาน้ำเปล่าแล้วกันครับ”

”เข้าใจแล้วค่ะ”

ไม่นานหลังจากนั้นอาหารทั้งหมดก็ถูกยกมา เทียนหลางลองชิมพวกมันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

”รสชาติใช้ได้แม้จะเทียบกับร้านของฉันไม่ได้ก็เถอะ”

หลังจากนั้นเทียนหลางก็ลงมือกิน แต่ในขณะที่เทียนหลางกำลังคีบผักอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งนั่งลงตรงฝั่งข้ามของเขาเทียนหลางเงยหน้าพร้อมกับพูดขึ้น

”คุณนี่เองที่ตามผมมา”

คำพูดของเทียนหลางนั้นเหมือนจะรู้จักกับชายตรงหน้าแต่อันที่จริงแล้วเขาเพียงพึ่งได้เจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะชายตรงหน้าคือ คนที่เคยมาขอซื้อไข่มุกฟ้าครามต่อจากเทียนหลางเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เทียนหลางมองเขาเล็กน้อยก่อนจะคิดว่าเขาจะต้องมาตามขอซื้อไข่มุกฟ้าครามอย่างแน่นอนเขาจึงกล่าวปฏิเสธออกไป

”ผมไม่ขายไข่มุกสีฟ้าให้คุณหรอกนะ”

เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็หัวเราะออกมา

”คุณอย่าพึ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้มาขอซื้อไข่มุกสีฟ้าจากคุณ”

เทียนหลางได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความสงสัย

”แล้วคุณตามผมมาทำไม ?”

”ผมอยากชวนคุณมาทำงานด้วย”

เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็ยิ้ม เทียนหลางงุนงงเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า

”ผมดูเหมือนคนที่ขาดเงินงั้นเหรอ ?”

เมื่อโดนเทียนหลางปฏิเสธแบบอ้อมๆ ชายคนนั้นได้ยินก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้ง

”จริงสิ ผมลืมแนะนำไปผมชื่อไป๋ซาน พอดีผมเห็นฝีมือของคุณในตอนที่จัดการคุณชายตระกูลต้วนและบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็รู้สึกประทับใจจึงอยากชวนคุณมาทำงานด้วย”

”ไปเป็นบอดี้การ์ดของคุณงั้นเหรอ ?”

ไป๋ซานได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อย

”ทำงานกับกองทัพหน่ะ”

”กองทัพ ?”

”ถูกต้องคุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าในสมัยนี้แต่ละประเทศนั้นต่างค้นหาคนที่มีพรสวรรค์เพื่อมาเข้าร่วมกับกองทัพ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม

”ไม่ใช่ว่าทางกองทัพก็ฝึกคนของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ? ทำไมต้องมาหาคนจากภายนอกให้เปลืองเวลาด้วยหล่ะ”

”ก็จริงถึงแม้ว่าทางกองทัพจะฝึกฝนคนของพวกเขาแล้วก็ตาม แต่การเฟ้นหาเหล่าผู้มีพรสวรรค์เฉพาะทางก็ยังคงจำเป็นอย่างเช่นทักษะทางการแพทย์ หรือทักษะการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญคนเหล่านั้นหาได้ยากในกองทัพ”

พอได้ยินที่ไป๋ซานบอกเทียนหลางก็พอจะเข้าใจบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าทำไมต้องมาเชิญเขาด้วยเขาเพียงแค่หักแขนเจ้าโง่คนหนึ่งกับจัดการบอดี้การ์ดอีกสองสามคนเท่านั้น เรื่องแบบนี้นักสู้ฝีมือดีในกองทัพก็น่าจะทำได้ง่ายๆ แล้วทำไมถึงต้องมาเชิญเขาด้วยเขาจึงถามเรื่องนี้กับไป๋ซานซึ่งไป๋ซานก็ตอบกลับมาว่า

”คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดของต้วนคงซือนั้นก็เคยเป็นทหารด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่คุณล้มเขาได้อย่างง่ายดายนั้นแปลว่าคุณแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างมาก และผมยังสนใจการเคลื่อนไหวของคุณอีกด้วย แถมคุณยังมีสายตาที่เฉียบแหลมในการเลือกซื้อสมุนไพรและแร่หายากอีกดังนั้นคุณจึงมีคุณสมบัติเพียงพอให้ผมสนใจ”

”อ๋อ ~”

เทียนหลางร้องอ๋อออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”คุณจะชวนผมเข้ากองทัพเพื่อรับใช้ประเทศงั้นสินะ”

”ถูกต้อง”

ไป๋ซานพยักหน้าพร้อมกับพูดออกมา เทียนหลางยิ้มก่อนจะเอ่ยถามหาสิ่งหนึ่งที่เขาต้องการ

”คุณก็รู้ใช่ไหมคุณชายไป๋ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาฟรีๆ ฉะนั้นผมอยากจะรู้ว่าทางประเทศจะให้อะไรกับผมได้บ้าง”

”หากคุณอยู่ในกองทัพคุณก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะยกเว้นภาษี บ้าน เงินหรือแม้แต่ทรัพยากรจำนวนมาก”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ถึงคิ้วขมวดขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งที่ได้รับนั้นมันดูจะมากเกินไปหน่อย

”ดูเหมือนสิทธิพิเศษนั่นจะดีเกินไปสำหรับทหารธรรมดาๆ นะคุณชายไป๋”

”ถูกแล้ว ผมไม่ได้เชิญคุณเข้าร่วมกองทัพแบบธรรมดาๆ ผมอยากจะชวนคุณเข้าร่วมกับกองกำลังพิเศษของรัฐบาล”

”กองกำลังพิเศษ ?”

เทียนหลางงุนงงเข้าไปใหญ่มีทั้งกองทัพ มีทั้งกองกำลังพิเศษสรุปชายคนนี้อยากจะให้เขาทำงานอะไรกันแน่ แต่ไม่นานไป๋ซานก็คลายความสงสัยของเทียนหลาง

”กองกำลังพิเศษนั้นแตกต่างจาก กองทัพทั่วไปโดยที่กองกำลังพิเศษนั้นจะขึ้นตรงกับทางรัฐบาลเท่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางทหาร หน้าที่ของกองกำลังพิเศษนั้นคือการทำภาระกิจลับเฉพาะที่ได้รับมองหมายมา อย่างเช่นชิงสิ่งของ หรือเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันที่ตกอยู่ในกลางวงล้อมศัตรู”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

”คุณกำลังจะบอกให้ผมไปทำงานสกปรกให้กับรัฐบาลของคุณของสินะ คุณชายไป๋”

เมื่อไป๋ซานได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

”มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็ทำเพียงแค่กำจัดศัตรูที่เป็นอันตรายที่บุกรุกเข้ามาในประเทศเท่านั้น”

”เข้าใจแล้ว ขอเวลาคิดแป๊บนึงนะ”

เทียนหลางขบคิดอยู่สักพพักว่าการทำงานให้กับรัฐบาลนั้นจะสร้างความยากลำบากอะไรให้กับเขาบ้าง ดังนั้นเทียนหลางจึงถามคำถามอีกนิดหน่อยกับไป๋ซานเพื่อให้ได้ข้อมูลในการตัดสินใจซึ่งเทียนหลางก็ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจอยู่บ้าง แม้เขาจะติดปัญหาที่อาจจะต้องไปทำภาระกิจที่ต่างประเทศบ้างเพราะในตอนนี้เขายังเป็นนักศึกษามหาลัยอยู่แต่ไป๋ซานบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้ ดังนั้นเรื่องมหาลัยเทียนหลางสามารถวางใจได้

แม้เทียนหลางอาจจะติดขัดในข้อผูกมัดบางข้อแต่เขาก็สามารถมองข้ามมันได้เพราะในอนาคตหากเทียนหลางต้องการจะลาออกต่อให้ประธานาธิบดีของจีนมาห้ามเขาก็ไม่สามารถจะทำได้ และยังมีสิ่งที่เทียนหลางจะได้ตอบแทนอีกซึ่งเขาจะตกลงกับหัวหน้าหน่วยกองกำลังพิเศษทีหลัง และที่สำคัญที่สุดคือเทียนหลางจะมีเส้นสายในรัฐบาลมากขึ้นเพราะในอนาคตการทำงานของศาลาสวรรค์นั้นจะพึ่งแต่ตำรวจที่ติดสินบนอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ ซึ่งหลังจากคิดไปคิดมาแล้วเทียนหลางก็เห็นว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสียเขาจึงตอบตกลงไป

หลังจากที่เทียนหลางตอบตกลงไป๋ซานก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

”เช่นนั้นคุณจะไปเยี่ยมหน่วยของเราสักหน่อยไหมหล่ะ ?”

”ได้สิ ถึงยังไงวันนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว”

ไป๋ซานพยักหน้าก่อนจะสั่งให้พนักงานคิดเงินค่าอาหารซึ่งเขาเป็นคนขอเลี้ยงเองซึ่งเทียนหลางก็ไม่ปฏิเสธ ก่อนจะพาเขาไปที่รถ Rolls royce สีดำที่จอดไว้ด้านหน้าร้าน

”รถคุณสวยดีนะ”

”เป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษที่ได้หลังจากการเข้าร่วมหน่วยหน่ะครับ”

”รัฐบาลสักใจกว้างจริงๆ”

เทียนหลางยิ้มก่อนจะเดินขึ้นรถของไป๋ซานไป