ตอนที่ 72

The simple life of the emperor

เทียนหลางหันกลับไปมองตามเสียงที่พูดขึ้นก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 20-22 ปีหน้าตาหล่อเหลาแต่สายตาของเขาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองอันเหลือล้น เทียนหลางเดาว่าความคิดแบบนั้นคงมาจากที่เขามีตระกูลใหญ่โตหนุนหลังซึ่งดูได้จากเสื้อผ้าแบรนแนมทั้งตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดเกือบครึ่งโหลที่ล้อมรอบตัวของเขาอยู่

เทียนหลางหาได้สนใจคำพูดของชายคนนั้นเขาหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าและรูดมันเข้ากับเครื่องรูดการ์ดเพื่อเป็นการชำระเงิน

‘อา~ เทคโนโลยีมันช่างสะดวกยิ่งนัก’

ในขณะที่เทียนหลางกำลังชื่นชมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่นั้นก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังเขาอีกครั้ง

”แกไม่ได้ยินหรือไง ?”

เทียนหลางหันไปพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

”นายพูดกับฉัน ?”

”ก็ใช่นะสิ ฉันบอกว่าฉันจะเป็นคนซื้อโสมเลือดนี้เองนายไม่ได้ยินหรือไง ?!”

ท่าทางดันแข็งกร้าวของเขาเริ่มแสดงออกมาทำเอาพนักงานและคนในร้านต่างหันมามอง เทียนหลางก็ได้แต่มองหน้าเขาเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”นายเป็นใคร ?”

เมื่อได้ยินคำถามชายหนุ่มก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทีภูมิใจ

”ฉันคือ ต้วนคงซือ นายน้อยแห่งตระกูลต้วน”

”อ้อเหรอ ~”

เทียนหลางตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเขานึกแล้วไม่มีผิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเขานั้นเป็นไอ้โง่ตัวจริงที่ดีแต่อ้างตระกูลของตัวเองไปวันๆ เมื่อรู้ดังนั้นเขาก็หมดความสนใจในตัวของต้วนคงซือไปในทันทีและหันกลับไปคุยกับพนักงานหญิง

”ในร้านยังมีสินค้าพิเศษที่มีอายุมากหรือหายากอีกไหมครับ ?”

”มีแน่นอนค่ะ คุณชายสนใจจะรับชมพวกมันทั้งหมดเลยไหมคะ ?”

”แน่นอนครับ”

เทียนหลางตอบพร้อมกับรอยยิ้มดังนั้นพนักงานจึงนำทางเขาไป

”เช่นนั้นตามดิฉันมาได้เลยค่ะ”

เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินพนักงานไป แต่ก็ถูกหยุดเอาไว้โดยมือของใครสักคนหนึ่งที่มาแตะไหล่เขาเมื่อเทียนหลางหันไปก็พบว่าเป็นบอดี้การ์ดของต้วนคงซือที่กำลังจับไหล่เขาอยู่ บอดี้การ์ดคนนั้นมองหน้าเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม

”นายจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าจะคุยกับนายน้อยของฉันเสร็จ”

เทียนหลางมองไปที่มือของบอดี้การ์ดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็น

”เอามือของนายออกไปจากตัวของฉันเดียวนี้”

คำพูดของเทียนหลางแฝงไปด้วยจิตสังหารบางๆ ทำให้บอดี้การ์ดถึงกับชะงักเล็กน้อยแต่เพราะคำสั่งของต้วนคงซือทำให้เขาไม่อาจที่จะปล่อยเทียนหลางไปได้ เขายังคงจับไหล่เทียนหลางเอาไว้อย่างงั้น เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดคนนี้ไม่ได้สนใจคำเตือนของเขาๆ ก็ถอนหายใจออกมาเขารู้ว่าตอนนี้บอดี้การ์ดคนนี้เกิดความลังเลที่จะหยุดเขาเอาไว้แต่เพราะเขาไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายได้ ทำให้เขานั้นต้องจำใจจับไหล่ของเทียนหลางเอาไว้อย่างนั้น

เมื่อได้เห็นความลำบากใจของบอดี้การ์ดคนนี้ผ่านแว่นกันแดดสีดำแล้วเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”ก็ได้ เจ้านายของนายมีอะไรจะพูดกันหล่ะ ?”

ทันทีที่ต้วนคงซือเห็นว่าเทียนหลางยอมคุยด้วยแล้วความหยิ่งพยองของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะเขาคิดว่าเทียนหลางนั้นกลัวบอดี้การ์ดของเขา เขาจึงพูดออกมาด้วยความหยิ่งยโส

”ฉันอยากให้นายยกโสมเลือดนั่นให้กับฉัน”

เขาพูดออกมาโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่เล็กน้อย ทำให้คนทั้งห้องต้องถึงกับขมวดคิ้วไม่เว้นแม้แต่เทียนหลางเองก็ตามที เขาใช้ชีวิตมานานแม้จะเคยพบเห็นกันปล้นกันอย่างโจ้งแจ้งแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม แต่ไม่เคยเจอโจรที่จะหน้าด้านขนาดนี้มาก่อนที่จะมาขอปล้นคนโดยที่มีพยานล้อมเกือบร้อยคนแบบนี้

เทียนหลางได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

”ถ้าฉันไม่ให้หล่ะ ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางต้วนคงซือก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น

”ถ้างั้นฉันก็จะให้บอดี้การ์ดของฉันหักแขนของนาย และหยิบโสมนั่นมาจากมือของนายทีหลัง”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าช้าๆ

”ก็ดูเป็นวิธีที่ดีนะ แต่ถ้าหากฉันยังไม่ให้อีกหล่ะ ?”

”ฉันก็จะหักขาของนายซะ”

”โอ้ ~ ถ้าหากฉันไม่ให้อีกนายก็จะฆ่าฉันงั้นเหรอ ?”

เมื่อได้ยินคำถามต้วนคงซือก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

”แน่นอน”

”นายจะฆ่าฉันโดยที่มีพยานนับร้อยอยู่ในห้องงั้นเหรอ ?”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลาง ต้วนคงซือก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบ

”เปล่า… ฉันจะให้บอดี้การ์ดของฉันลากนายออกไปฆ่าข้างนอก”

เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนคงซือเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาการหัวเราะของเขานั้นทำให้คนทั้งห้องถึงกับงุนงงไปพักนึงเพราะไม่คิดว่าขนาดโดนขู่ฆ่าแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ยังหัวเราะออกมาได้อีก ต้วนคงซือมองเทียนหลางที่ได้กำลังหัวเราะอยู่ก่อนจะถามออกมา

”แกหัวเราะอะไร ?”

”ฉันหัวเราะเพราะไม่คิดว่าจะมีคนโง่ๆ แบบแกด้วย”

”งะ.. โง่งั้นเหรอ ?!”

”ถูกต้องฉันจะบอกอะไรให้นะ”

หลังจากพูดจบสายตาของเทียนหลางก็เปลี่ยนก่อนจะเดินเข้าไปหาต้วนคงซืออย่างช้าๆ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแสนเย็นชา

”มีคนอยู่ 2 ประเภทที่กล้าป่าวประกาศเรื่องฆ่าคนอื่นได้อย่างโจ้งแจ้ง แกรู้ไหมว่าเป็นคนแบบไหน ?”

ต้วนคงซือได้ยินคำถามของเทียนหลางก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปและค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ โดยที่ตัวเองไม่ทันรู้ตัว เมื่อเทียนหลางเห็นว่าต้วนคงซือไม่ได้ตอบคำถามของเขาๆ ก็พูดขึ้น

”หากแกไม่รู้… ฉันจะบอกให้”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมา

”หนึ่ง… คือคนที่มีอำนาจล้นฟ้าจนไม่มีใครกล้าแตะต้อง”

เทียนหลางพูดพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปหาต้วนคงซือก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นมา

”สอง… คือคนที่มีความแข็งแกร่งหาใครเทียบ มีเพียงคนสองประเภทนี้เท่านั้นที่จะสามารถฆ่าใครก็ได้โดยไม่ต้องสนกฏเกณฑ์ใดๆ พวกเขามีเพียงกฏเดียวในใจ”

เมื่อเทียนหลางพูดจบร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของต้วนคงซือและมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้สองนิ้วจ่อที่คอของเขา

”แกรู้ไหมว่าคือกฏอะไร ?”

เทียนหลางถามออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นเหยียบจนทำให้ต้วนคงซือถึงกับหวาดกลัวขาสั่นพับๆ เป็นลูกนกแม้เขาจะไม่อยากตอบคำถามของเทียนหลางแต่หากเขาไม่ตอบเขารู้ว่าตัวเองจะต้องโดนฆ่าแน่

”กะ…กฏอะไร ?”

ต้วนคงซือถามออกไปด้วยความน้ำเสียงสั่นเพราะหวาดกลัว เทียนหลางยิ้มพร้อมกับกระซิบที่ค้างหูของต้วนคงซือเบาๆ

”มีเพียงกฏเดียวที่เหนือล้ำกว่ากฏใดๆ บนโลก… นั่นคือกฏแห่งป่ายังไงหล่ะผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สิทธิทำทุกอย่างผู้อ่อนแอก็เป็นได้เพียงหินรองเท้าเท่านั้นจำไว้ด้วยหล่ะไอ้หนู”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะตบไหล่ต้วนคงซือเบาๆ

”จากที่ฉันดูแล้ว แกหน่ะไม่มีสิทธิได้ใช้กฏนั้นหรอกนะ… ดังนั้นฉันจะมอบบทเรียนให้กับแกเองที่บังอาจใช้มันโดยประเมินตัวเองไว้สูงเกินไป”

ทันทีที่เทียนหลางพูดจบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งห้อง

กร๊อบ !! อ๊ากกกกกกกกกกก !!

เสียงกระดูกแตกหักที่มาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวชของต้วนคงซือดังไปทั่วห้องพร้อมกับจ้องมองไปยังต้วนคงซือที่ยังคงดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น เทียนหลางมองต้วนคงซือเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”น่าอดสูยิ่งนัก”

หลังจากพูดจบเทียนหลางก็หันหลังกลับไปหาพนักงานเพื่อที่จะได้ไปหาซื้อสมุนไพรต่อ แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมาเทียนหลางก็เห็นบอดี้การ์ดของต้วนคงซือพุ่งเข้ามาหาเขา เทียนหลางมองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะหลบหมัดแรกที่เข้ามาพร้อมกับต่อยสวนกลับไปที่อกของบอดี้การ์ดคนนั้นจนกระเด็นไปติดอยู่ที่กำแพงด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองโดนต่อยกระเด็นไปอย่างง่ายๆ พวกเขาก็ถึงกับหยุดชะงักและไม่กล้าที่จะเข้ามาต่อสู้กับเทียนหลางอีก

เมื่อเทียนหลางเห็นว่าพวกบอดี้การ์ดไม่กล้าเข้ามาเขาก็ทำได้เพียงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันไปหาต้วนคงซือที่ยังนอนดิ้นอยู่ตรงพื้น

”ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายของมันเจ้าหนู”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ลงมือหักแขนอีกข้างของต้วนคงซือทันทีก่อนจะเดินไปหาพนักงานหญิงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

”เอาหล่ะ จัดการเรื่องยุ่งยากเสร็จแล้วคุณพนักงานรบกวนช่วยนำผมไปเลือกซื้อสินค้าด้วยครับ”