บทที่ 126 บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋น (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 126 บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋น (ปลาย)

บทที่ 126 บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋น (ปลาย)

ทันทีที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เอ่ยปาก สีหน้าของหยางอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่ง

หลังเขาเสียบุพการีไปตั้งแต่ยังเล็ก ก็แทบจะใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน ไม่เคยได้รับความรักใด ๆ ตระกูลหยางเห็นเพียงว่าเขามีฝีมือและฉกฉวยผลประโยชน์ได้ จึงพากลับมาในตระกูล

โชคดีที่ได้พบอาจารย์ในปัจจุบัน จึงได้รู้ว่าความรู้สึกของผู้ถูกรักในครอบครัวเป็นเช่นไร

สำหรับเขา สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนบ้าน เป็นสิ่งที่ไม่อาจแตะต้องได้!

แล้วคนผู้นี้คืออะไร?!

กล้ามาพูดจาสามหาวเช่นนี้ คิดจะเล่นกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์?!

หรือเขาคิดจริง ๆ ว่าตนคือมหาจักรพรรดิผู้บรรลุขั้นสู่สวรรค์?!

เมื่อหยางอวิ๋นคิดถึงตรงนี้ก็กล่าวได้ว่าโทสะสุมอยู่ในอก

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเลิศล้ำมาจากไหน แต่เท่าที่เห็น เจ้าก็มีรากฐานการบ่มเพาะเพียงขั้นเทียมเซียน หากรู้กาลเทศะ เรื่องวันนี้ก็สะสางได้ แต่หากจะเหิมเกริม วันนี้ข้าจะสอนเจ้าเองว่าผู้แข็งแกร่งโดยแท้จริงเป็นเช่นไร!”

ลู่หยวนเกือบหลุดขำ อย่าว่าแต่อื่นใด ด้วยอำนาจปัจจุบันขอเขา การจัดการกับยอดฝีมือขั้นเทียมเทพยังไม่ใช่ปัญหา

ซ้ำยังมีคนมากมายอยู่เบื้องหลัง ในหมู่คนเหล่านั้น เหิงอีเจี้ยนอยู่ในขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ และจงซื่ออยู่ในขั้นเซียนยุทธ์

หากหยางอวิ๋นกระทำการบุ่มบ่ามใด ๆ เพียงอึดใจก็ถูกกดจมพื้นแล้ว!

หยางอวิ๋นไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเหิงอีเจี้ยน เพราะถึงอย่างไรปรมาจารย์กระบี่ยักษ์ผู้นั้นก็เก็บซ่อนพลังของตนเองไว้แล้วสวมชุดดำเดินตามหลังกลุ่มคนมากมายมา

บุตรแห่งโชคชะตาสัมผัสได้เพียงว่าจงซื่ออยู่ในขั้นเซียนยุทธ์ แม้จะเอาชนะไม่ได้ แต่อาจารย์เขาก็ยังชนะได้!

หากต้องสู้กันจริง ๆ เขาก็จะเรียกอาจารย์เขามา!

“พี่หยางอวิ๋นช่วยข้าด้วย”

เสียงของหยางซือซือดังมาจากไม่ไกลนัก แทบจะเป็นการพ่นวาจาหนึ่งคำ สลับพ่นโลหิตหนึ่งคำ

เห็นเช่นนี้ ในใจหยางอวิ๋นก็รู้สึกรวดร้าว

เด็กสาวผู้นี้เป็นคนเดียวในตระกูลหยางที่เขาพอจะรู้สึกดีด้วยบ้าง เพราะถึงอย่างไร หลังถูกปฏิบัติอย่างย่ำแย่มาหลายต่อหลายปี ก็มีเพียงหยางซือซือ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่ดีกับเขาบ้าง

แม้จะเป็นการทำดีด้วยเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่ควรนับก็ตาม

แต่สำหรับหยางอวิ๋นในขณะนั้น มันเหมือนสวรรค์ประทาน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่หยางอวิ๋นยังคงส่งจดหมายติดต่อกับหยางซือซือหลังออกจากตระกูลหยางที่ตนรังเกียจ

ยามนี้เมื่อหยางซือซือถูกรังแก ในใจเขาก็ยิ่งกรุ่นโกรธ

บุตรแห่งโชคชะตาก้าวเข้ามา เผยอำนาจทวีคูณ

หยางอวิ๋นกล่าวกับคู่กรณี “คิดแล้วว่าเจ้าจะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ! งั้นกล้าลงมือกับข้าไหมเล่า หากข้าชนะ เจ้าก็ปล่อยนางเสีย!”

ลู่หยวนคิดอยู่เสมอว่าบุตรแห่งโชคชะตาเหล่านี้สติปัญญามีปัญหาหรือไร? คิดจริง ๆ หรือว่าทุกคนต้องเป็นเหมือนพวกตน พอโกรธก็สมองเลอะเลือน คิดจะใช้หัวชนดะมันทุกอย่าง

คิดอะไรง่าย ๆ ไร้กังวล เริ่มมาก็จะสู้กันอย่างเดียว ไม่สนใจที่มาอะไรทั้งสิ้น!

ไม่ว่าชายหนุ่มจะมองเช่นไร ฝ่ายเขาก็ชนะอย่างแน่นอน เขาไม่ต้องทำอะไร หยางอวิ๋นก็เข้าใกล้เขาไม่ได้เลย!

“เหอะ…”

ลู่หยวนแค่นหัวเราะ หยางอวิ๋นผู้นี้สักแต่ว่าตนเป็นบุตรแห่งโชคชะตาโดยแท้

หาไม่คงถูกฆ่าไปนานแล้ว!

เจ้าหนุ่มเผ่ามังกรควงกระบี่ยักษ์เซียวเทียนยังดีกว่า ถึงจะไม่ฉลาด แต่อย่างน้อยก็ยังคุยภาษาคนรู้เรื่อง อ่อนน้อมถ่อมตน

ชายหนุ่มกล่าวเนิบ ๆ “จงซื่อ จัดการเขา!”

สิ้นคำสั่งของลู่หยวน จงซื่อก็ก้าวออกมา พลังร้ายกาจในขั้นเซียนยุทธ์ปกคลุมทั่วทั้งเมืองหวงซีทันที

ตู้ม!

ยามผู้คนมากมายสัมผัสพลังนี้ แรงกดดันมหาศาลก็กดพวกเขาให้คุกเข่าลงกับพื้น ทั่วร่างต่างสั่นเทิ้ม

ร่างหยางอวิ๋นเองก็สั่นสะท้าน รีบรีดเค้นฐานการบ่มเพาะของตนเพื่อฝืนแรงกดดันจากนภาอย่างสุดกำลัง

ยามนี้เขาเองก็มีการฝึกฝนขั้นเทียมเซียนระดับกลาง ความแข็งแกร่งไม่เลว มีพลังพอประชันกับผู้อยู่ในขั้นเทียมเซียนระดับสูงได้

ทว่าจงซื่อเป็นเซียนยุทธ์ เขาทำได้เพียงต้องพยุงตนเองไว้ไม่ให้ขายหน้าเมื่อเผชิญอำนาจเช่นนี้

จงซื่อยื่นมือขวาฟาดเข้าใส่หยางอวิ๋น และเหนือท้องนภา หมู่เมฆก็รวมตัวกันเป็นหัตถ์ขนาดใหญ่ เคลือบด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ตบลงที่หยางอวิ๋น

บุตรแห่งโชคชะตายืนอยู่กลางอากาศ แม้จะถูกแรงกดดันโถมทับ แค่ฝืนต้านไว้ก็สุดขีดจำกัดแล้ว ไม่อาจหาทางหนีได้เลย

หัตถ์ขนาดใหญ่นั้นฟาดลงอย่างรวดเร็ว อากาศรอบข้างพลันสั่นสะท้าน เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงตรงหน้าหยางอวิ๋น

เขาเห็นหัตถ์นั้นฟาดลงมา แต่ไม่อาจหาวิธีรับมือใด ๆ ได้จึงรู้สึกร้อนรน

“ท่านอาจารย์!”

ขณะที่หยางอวิ๋นตะโกนลั่น หอกยาวเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามา เจตจำนงหอกทะลวงนภาปรากฏขึ้นกะทันหัน และหัตถ์ขนาดใหญ่ซึ่งฟาดลงก็ถูกหยุดไว้

พลังในขั้นเซียนยุทธ์ของจงซื่อก็สลายไปทันทีเช่นกัน ทั่วฟ้าดินหลงเหลือเพียงหอกยาวกวาดนภาเล่มนั้น

เมฆหมอกพลันสลาย ปรากฏสตรีชุดแดงผู้หนึ่งยืนตรงหน้าหยางอวิ๋น

นางผู้นี้ท่าทางห้าวหาญนัก ดวงเนตรเปล่งประกายความทะนงตนต่อโลกหล้า จะสีหน้าหรือแววตาก็ล้วนมีจิตสังหารซึ่งสตรีทั่วไปไม่มี

แม้ลู่หยวนจะพบสตรีมาแล้วเกินคณานับ เขาก็ยังตาพร่าไปชั่วขณะยามพบคนผู้นี้เช่นกัน

หยางอวิ๋นเห็นว่าอาจารย์ตนมาช่วยเหลือ เขาก็มองตาของหญิงสาวอย่างซาบซึ้งพลางกล่าว “ขอบคุณท่านอาจารย์!”

หญิงสาวทำเพียงรับคำเบา ๆ ในคอ ดวงตาของนางจับจ้องนิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้สักนิด

เมื่อมีผู้มาขวางตน จงซื่อก็ลงมือเคลื่อนค่ายกลกฎเกณฑ์ต่อกรกับนางทันที “นายท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะจัดการหยางอวิ๋นเอง!”

ลู่หยวนหยุดเขาไว้และกล่าวเบา ๆ “ไม่ต้องแล้ว มีบรรพชนหอกหลิงอวิ๋นอยู่ เจ้าเอาชนะไม่ได้หรอก”

เหล่าบุคคลผู้คุกเข่าอยู่เบื้องล่างจึงได้รู้ว่าสตรีผู้สง่าผ่าเผยนี้ แท้จริงคือบรรพชนหอกหลิงอวิ๋นผู้ลือลั่นทั่วโลกา!

กล่าวกันว่าตั้งแต่แรกเกิด นางได้รับมรดกจากบรรพชนผู้กำลังจะตกตาย และขึ้นสู่ขั้นจอมยุทธ์ทันที!

กาลต่อมา นางก็เลื่อนขั้นได้อย่างราบรื่นเยี่ยงกินดื่มมาตลอดทางราวกับปีศาจ ไม่อาจทราบได้ว่ามียอดฝีมือมากมายเพียงใดต้องสังเวยแก่คมหอกของนาง

ยามนี้หลิงอวิ๋นก้าวสู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว แต่พลังนั้นเข้าขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ล่วงหน้าไปก่อน และในแผ่นดินหยวนหง นางก็มีสมญานามว่าบรรพชนหอกศักดิ์สิทธิ์ จนได้รับเชิญให้ไปสอนวิชาหอกที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์โดยเจ้าสำนัก

เมื่อเห็นลู่หยวนขานนามของนาง หลิงอวิ๋นก็กล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เหตุวันนี้น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด หากหยางอวิ๋นกระทำผิดอะไร ข้าจะขอชดใช้แทนเขาเอง”

ว่าจบนางก็ประสานมือคำนับชายหนุ่มอย่างเป็นทางการ

บุตรแห่งโชคชะตาเห็นอาจารย์ลดค่าตนเองไปมากก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “ท่านอาจารย์! เขาเป็นคนชั่วนะขอรับ เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้!”

หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจศิษย์ นางเพียงลดมือลงหลังคำนับเสร็จ และกล่าวกับชายหนุ่มว่า “ไม่ทราบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สามารถปล่อยผ่านความเข้าใจผิดเมื่อครู่ได้หรือไม่?”

ลู่หยวนยกมุมปากขึ้น เขาได้ยินมานานแล้วว่าบรรพชนหอกผู้นี้มีอุปนิสัยตรงไปตรงมา

และวันนี้ยามได้พบพาน ก็จริงดังคำร่ำลือ

นางมาช่วยศิษย์อย่างไม่อ้อมค้อม และยังสามารถลดตัวมาขอโทษแทนเพียงเพื่อจะสลายความขัดแย้ง และทำให้ศิษย์ของนางมีศัตรูน้อยลงได้