บทที่ 5: ฉันหวังเต็ง ฝึกฝนหนัก!

23.00 น.

หวังเต็งออกจากสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินอย่างไม่เต็มใจ ศิษย์คนอื่นๆฝึกฝนมาทั้งคืน แต่เขากลับเล่นแผลงๆตลอดทั้งวัน

เล่นแผลงๆ?

โธ่… ไม่ มันไม่ใช่การเล่นแผลงๆ แต่มันเป็นวิธีการฝึกฝนของเขาต่างหาก

ศิษย์นักสู้ออกไปเป็นกลุ่มๆ และหวังเต็งก็ออกไปเป็นกลุ่มสุดท้าย

มันไม่ใช่เพราะเขาฝึกหนักมาก แต่มันเป็นเพราะเขาแค่ไม่อยากพลาดฟองสบู่ค่าคุณสมบัติที่ดรอปออกมา อืม… พูดตามตรงนี่ก็นับเป็นงานที่หนักได้เหมือนกัน

หวังเต็งขับรถไปบนถนนที่ว่างเปล่า

ความรู้แจ้ง: 19.3

ร่างกาย: 47

ความแข็งแกร่ง:135

ความเร็ว: 86

เทคนิคการต่อสู้: ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน (ขั้นพื้นฐาน), ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน (ขั้นพื้นฐาน)

เมื่อมองดูที่หน้าต่างค่าคุณสมบัติ หวังเต็งก็รู้สึกพึงพอใจ จากตัวเลขหลักเดียวตอนนี้มันก็เป็นสองหลักและสามหลักแล้วในปัจจุบัน นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในทางกลับกัน ความรู้แจ้งและร่างกายของเขาก็ยังอยู่ในระดับต่ำ

สังเกตได้ไม่ยากว่าแต่ละค่าคุณสมบัตินั้นมีโอกาสดรอปที่แตกต่างกัน

ความประหลาดใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันนี้คือ ทักษะหมัดขั้นพื้นฐานและฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน หากนักสู้มีร่างกายที่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาก็สามารถชดเชยส่วนนั้นได้ด้วยเทคนิคการต่อสู้

“ พรุ่งนี้ฉันจะไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้อีกครั้งเพื่อทดสอบว่าฉันจะไปได้ไกลสักแค่ไหน” หวังเต็งคิดกับตัวเอง

เมื่อเขากลับบ้าน หลี่ซิ่วเหม่ยก็ได้เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว

หวังเฉินกั๋วกำลังกินอยู่ เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ มันดึกแล้ว ลูกไปไหนมา”

“ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน” หวังเต็งตอบอย่างสบายๆ

จากนั้นเขาก็พูดกับหลี่ซิ่วเหม่ยว่า “ แม่ นี่แม่ทำบะหมี่ไข่ใช่ไหม? แม่ใส่อะไรลงไปบ้างหรอ? วันนี้ผมหิวสุดๆไปเลย”

“ แน่นอน แม่ใส่ของที่ลูกอบเอาไว้ด้วย”

หลี่ซิ่วเหม่ยรู้สึกยินดีที่ลูกชายของเธอชอบทำอาหารของเธอ

ซวบบบ~

หวังเต็งหยิบชามและนั่งลงข้างๆหวังเฉินกั๋ว จากนั้นเขาก็ซัดบะหมี่เข้าไปคำโต มันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ

หวังเฉินกั๋วไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างกายของหวังเต็ง ดังนั้นคิ้วของเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาถามด้วยความประหลาดใจ “ ทำไมลูกถึงไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ล่ะ?”

“ เพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้” หวังเต็งตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น

“ ฝึกศิลปะการต่อสู้!”

“ ฝึกศิลปะการต่อสู้!”

หวังเฉินกั๋วและหลี่ซิ่วเหม่ยต่างก็ตกตะลึง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะหันไปมองที่หวังเต็งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

พวกเขาเคยพยายามเกลี้ยกล่อมหวังเต็งในอดีต แต่เขาก็เอาแต่ใจมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องได้เรียนรู้มัน

แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาก็กลับสมัครใจไปฝึกศิลปะการต่อสู้เอง?

“ ลูกแม่ ลูกฝึกศิลปะการต่อสู้จริงๆหรอ?” หลี่ซิ่วเหม่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ ถูกต้อง” หวังเต็งพยักหน้า

“ ลูกแม่ นี่ลูกแอบไปเดทมารึเปล่า?” หลี่ซิ่วเหม่ยถามมาด้วยความสงสัย

“ ห้ะ?” หวังเต็งตกตะลึง

เขาไปออกเดทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังออกเดท

“ เมื่อก่อนลูกเกลียดการฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่หรอ?” หวังเฉินกี๋วถาม

“ มันแปลกยังไงกัน? ผมเอวได้แล้ว ดังนั้นผมจึงอยากที่จะเริ่มฝึก” หวังเต็งกล่าวอย่างผ่อนคลายในขณะที่เขาตอบ

มันง่ายอย่างงั้นเลยหรอ?

หวังเฉินกั๋วและหลี่ซิ่วเหม่ยมองหน้ากันอีกครั้ง

“ เอาล่ะ ในเมื่อลูกต้องการเรียนศิลปะการต่อสู้ งั้นพ่อก็จะจ้างครูที่ดีที่สุดมาสอนลูก” หวังเฉินกั๋วสัมผัสได้ว่าหวังเต็งไม่ได้พูดเล่น ดังนั้นเขาจึงปรบมืออย่างมีความสุข

“ พ่อไม่ต้องทำอย่างนั้น ศิลปะการต่อสู้ต้องใช้พรสวรรค์ ผมต้องการฝึกฝนด้วยตัวเองและลองดู”

หวังเต็งปฏิเสธพ่อของเขาโดยตรง ครูสามารถเปรียบเทียบกับแมลงของเขาได้อย่างไร?

พ่อของเขาสามารถจ้างศิษย์ชั้นสูงมาเป็นครูของเขาได้เท่านั้น และตามภูมิหลังครอบครัวของเขา พวกเขาก็ไม่สามารถจ้างนักสู้จริงๆได้

เขาค่อนข้างจะใช้เวลารวบรวมคุณลักษณมากกว่าการเรียนรู้จากศิษย์ขั้นสูง

มันจะเป็นการเสียเงินและทรัพยากร

นี่คือยุคแห่งศิลปะการต่อสู้ แม้แต่การจ้างศิษย์นักสู้ขั้นสูงก็ไม่ใช่ถูกๆ

หวังเฉินกั๋วไม่ได้บังคับลูกชายของเขา เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ โอเค มีอาจารย์ในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ด้วยนี่เนอะ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนำของจีน ผู้สอนของพวกเขาก็นับได้ว่าไม่เลว”

“ ฝึกฝนอย่างถูกต้อง พ่อไม่หวังว่าลูกจะสามารถเป็นนักสู้ได้ แต่หากลูกสามารถเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูงได้ ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายก็จะดีขึ้นอย่างมาก และอายุขัยของลูกก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”

“ สุขภาพคือความมั่งคั่ง ด้วยร่างกายที่ดี ลูกก็จะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว”

อันที่จริงเขากลัวว่าความปรารถนาของหวังเต็งจะคงอยู่ได้ไม่นาน และหวังเต็งก็อาจจะยอมแพ้หลังจากทนทุกข์ได้สองสามวัน ดังนั้นจึงมันเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาฝึกฝนด้วยตัวเองเป็นระยะเวลาหนึ่ง ถ้าเขาอดทนได้ พวกเขาจึงจะสามารถวางแผนเพิ่มเติมได้ในภายหลัง

“ ผมเข้าใจแล้ว” หวังเต็งยิ้มอย่างลับๆ พ่อของเขาชอบที่จะให้บทเรียนแก่เขา แต่ในอดีตเขาก็ไม่เคยคิดจะฟังพ่อของเขา

แต่…

ศิษย์นักสู้ขั้นสูง?

เขามีบั้กนี้อยู่ ดังนั้นสิ่งที่เขาสามารถเป็นได้นั้นจึงจะต้องไปได้ไกลกว่าการเป็นแค่นักสู้ธรรมดาๆทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดที่จะบอกเรื่องนี้กับพ่อของเขา

ในอีกด้านหนึ่ง หวังเฉินกั๋วก็กำลังรู้สึกพึงพอใจอยู่ภายในใจ

“ ลูกชายเราอายุ 17 ปีแล้ว หากลูกของเรากำลังออกเดทจริงๆ เราก็จะไม่คัดค้าน ว่าแต่ ลูกมีเงินในกระเป๋าพอไหม?”

หวังเต็งงงงวย

ทำไมพวกเขาถึงหยุดพูดถึงหัวข้อนี้ไม่ได้กันนะ

“ พ่อ แม่ ผมไม่ได้ไปเดทจริงๆ ถ้าผมมีแฟน ผมก็จะบอกเองนั่นแหละ” หวังเต็งพูดไม่ออก

“ น่าเสียดายจัง” หลี่ซิ่วเหม่ยรู้สึกผิดหวัง

หวังเฉินกั๋วพยักหน้าเห็นด้วย

หวังเต็งพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ แม่ ผมเพิ่งอายุแค่ 17 ปีเอง แม่จะถอนหายใจทำไม”

“ ลูกไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว กฎหมายเขาอนุญาตให้คนเราสามารถจดทะเบียนสมรสได้เมื่ออายุ 18 ปี ดังนั้นหากลูกเริ่มออกเดทตอนนี้ ลูกก็จะมีเวลาหนึ่งปีในการทำความรู้จักกับหญิงสาวที่ลูกชอบจากนั้นก็จะได้แต่งงานและเริ่มสร้างครอบครัว” หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าว

“ แต่งงานตอนอายุ 18 ปี?” หวังเต็งรู้สึกอยากจะบ้า

นี่มันยุคบ้าอะไรกันวะเนี่ย

“ แม่ครับ ผมกินเสร็จแล้ว ผมจะอาบน้ำนอนแล้ว”

เขาวิ่งขึ้นไปชั้นบนราวกับว่าเขากำลังวิ่งหนีจากพ่อแม่ของเขา เขากลัวว่าถ้าได้คุยกับแม่ต่ออีกสักพัก เธอก็อาจจะเริ่มพูดถึงลูกในอนาคตของเขา

แม่ของเขาก็เป็นแบบนี้

“ เด็กคนนี้นี่! ที่รักว่าไง ฉันรู้สึกว่าลูกสาวของตระกูลถังเองก็ไม่เลวนะ เราลองไปเยี่ยมพวกเขาดูหน่อยไหม?”

หลี่ซิ่วเหม่ยยังคงคุยกับหวังเฉินกั๋วที่ชั้นหนึ่ง

โชคดีที่หวังเต็งไม่ได้ยินพวกเขา ถ้าเขาได้ยินที่พ่อแม่ของเขาคุยกันแล้วละก็ เขาก็อาจจะฉี่ราดกางเกงเพราะตกใจ คุณหนูของตระกูลถังนั้นมีน้ำหนักอย่างน้อยก็ปาเข้าไปร้อยโลแล้ว!

วันถัดไป

หวังเฉินกั๋วกำลังรับประทานอาหารเช้าที่สดใสในตอนเช้า ซาลาเปา แป้งทอด นมถั่วเหลือง… ทั้งหมดนี้เป็นอาหารง่ายๆแต่เป็นเมนูโปรดของคนจีน

หวังเต็งลงมาชั้นล่าง

วันนี้เป็นวันเสาร์ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องไปโรงเรียน

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หวังเต็งก็บอกลาพ่อแม่ของเขาและรีบวิ่งออกจากประตูบ้านไป

หวังเฉินกั๋วรู้สึกโล่งใจอีกครั้ง เขาพูดกับหลี่ซิ่วเหม่ยว่า “ ไปซื้อเนื้อสัตว์อสูรดารามาดีกว่า หวังเต็งกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นการกินเนื้อสัตว์อสูรดาราก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายของเขาดีขึ้นได้”

ณ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

หวังเต็งมาเร็วจริงๆ มันมีศิษย์เพียงไม่กี่คนในล็อบบี้ฝึกอบรมในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ฝึกหนักอย่างน่าทึ่ง

เมื่อมาแต่เช้า เขาก็เห็นแต่คนหน้าใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม ความขยันหมั่นเพียรของหวังเต็งก็ได้รับการตอบรับเมื่อศิษย์พยักหน้าให้เขาอย่างสุภาพ พวกเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนแบบเดียวกับพวกเขา

หวังเต็งพบว่าตัวเองก็ฝึกหนักมากเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยมีคนมาฝึกซ้อมเร็วนัก ดังนั้นตอนนี้จึงมีฟองสบู่ให้เก็บเพียงไม่กี่ฟองเท่านั้น

เขาเข้าไปทักทายศิษย์คนอื่นๆและเก็บฟองสบู่ไประหว่างทาง

ใช่ เขาทำแบบนี้เพราะฟองสบู่เหล่านั้นมันอยู่ระหว่างทางต่างหาก

หวังเต็งเป็นคนสุภาพ ดังนั้นจุดประสงค์หลักของเขาจึงเป็น… การทักทายพวกเขา

ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*6

ความแข็งแกร่ง*4

ความเร็ว*3

ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน*4

ว้าว ตอนนี้ฉันก็ได้อีกหนึ่งเทคนิคการต่อสู้มาแล้ว!

ตามที่คาดไว้ นกที่ตื่นเช้าจะได้กินหนอนก่อน

ศิษย์เหล่านี้ล้วนมีพรสวรรค์ และพวกเขาก็สุภาพมาก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังดรอปฟองสบู่ออกมาอย่างมากมายให้กับหวังเต็ง

ซึ่งมันก็ทำให้หวังเต็งรู้สึกชอบพวกเขา… มากๆ