บทที่ 6: ฉันไม่ได้ไร้ความสามารถ

หวังเต็งเก็บฟองสบู่เสร็จในไม่ช้า เขารู้ว่านักเรียนคนอื่นๆจะไม่ดรอปฟองสบู่อีกสักพัก ดังนั้นเขาจึงหันไปทำอย่างอื่นแทน

มันมีอุปกรณ์ตรวจสอบสองสามตัววางอยู่: อุปกรณ์ตรวจสอบความแข็งแกร่ง อุปกรณ์วัดความเร็ว และอุปกรณ์ตรวจสอบร่างกาย

นี่คืออุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในการทดสอบสภาพร่างกายศิษย์นักสู้ มันแม่นยำมากและมีข้อผิดพลาดน้อยมาก

หวังเต็งหยุดที่หน้าเครื่องตรวจสอบความแข็งแกร่งก่อน

เขาได้เรียนรู้ทักษะหมัดขั้นพื้นฐานมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีการออกแรงอย่างถูกต้องและเหมาะสม

คนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการเรียนรู้สิ่งนี้ และแม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องใช้เวลาถึงสิบวัน อย่างไรก็ตาม หวังเต็งกลับใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว

สำหรับเขาแล้ว นี่มันก็เป็นเพียงฟองสบู่เพียงไม่กี่ฟองเท่านั้น!

นี่เป็นเวลาที่สั้นที่สุดในการเรียนรู้ทักษะในโลก มันสั้นมากจนคนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ

หวังเต็งค่อยๆตั้งท่าและหายใจเข้าลึกๆจากนั้นเขาก็หลับตาพักผ่อนร่างกายของเขา

ทันทีที่เขาลืมตากว้าง เขาก็ได้จ้องไปที่ด้านหน้าของเขาราวกับว่าเขากำลังมองเหยื่อของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มขยับ เขาเหยียบพื้นอย่างมั่นคงและขยับเอวเล็กน้อย กระดูกสันหลังของเขาขึงแน่นเหมือนคันธนูขณะที่เขาปล่อยการโจมตีด้วยหมัดออกไป

“ ปัง!”

หมัดของหวังเต็งกระแทกอุปกรณ์ตรวจสอบความแข็งแกร่ง จากนั้นตัวเลขที่แสดงอยู่ก็เริ่มกระโดดขึ้นอย่างแรงก่อนที่จะหยุดลง มันคือ 143 กก.!

เมื่อวานนี้ ในตอนที่เขากลับบ้านไปในตอนกลางคืน ค่าความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงอยู่ที่ 135 คะแนนเท่านั้น และตอนนี้เมื่อเขาได้เก็บมันมาเพิ่มอีก 8 คะแนน มันก็ทำให้ปัจจุบันนี้เขามีคะแนนรวม 143 คะแนน และผลที่ได้ก็ออกมาเป็นเหมือนกับที่ในเครื่องตรวจสอบบอก

ความแข็งแกร่งของเขาเกินขีดจำกัดของคนปกติแล้ว

ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง มนุษย์ก็จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของเขาได้อย่างไรก็ตาม มนุษย์เราก็ไม่สามารถทำแบบนั้นในสถานการณ์ปกติได้

เมื่อนึกย้อนกลับไป ความแข็งแกร่งเริ่มต้นของเขาก็อยู่ที่ 50 ซึ่งเป็นค่าความแข็งแกร่งของคนปกติ

โชคดีที่ฉันไม่ได้ไร้ความสามารถ!

หวังเต็งปลอบใจตัวเอง จากนั้นเขาก็ไปที่ตัววัดความเร็วและยืนอยู่บนนั้น

อุปกรณ์วัดความเร็วดูเหมือนเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่ เมื่อมีคนวิ่งไป ล้อด้านล่างก็จะเริ่มหมุนตามและจะเริ่มคำนวณความเร็วของบุคคลคนนั้น

หวังเต็งเริ่มต้นด้วยการเขย่าขาเบาๆ จากนั้นเขาก็เพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด

อุปกรณ์วัดความเร็วจะแสดงความเร็วที่เร็วที่สุดของนักวิ่ง

หวังเต็งรู้สึกว่าเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นเขาจึงค่อยๆช้าลงและก้าวลงจากอุปกรณ์

เขาดูตัวเลขบนตัวบ่งชี้: 12.7m/s!

เห็นได้ชัดว่าความเร็วและคะแนนคุ่ณสมบัติไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่ากัน หวังเต็งไม่สนใจว่าทั้งสองประเด็นนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร

มันเป็นเพียงสูตรที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ยังคงประหลาดใจกับความเร็วของตัวเองในตอนนี้

นี่คือความเร็วของแชมป์วิ่งร้อยเมตรโอลิมปิกถูกไหม? ถ้าร่างของศิษย์นักสู้ยังโหดขนาดนี้ แอย่างงั้นแล้วนักสู้จะโหดขนาดไหนกัน?

“ มาดูร่างกายของฉันกันบ้างดีกว่า”

อุปกรณ์ตรวสอบร่างกายดูเหมือนห้องจำศีลในภาพยนตร์แฟนตาซี มันตั้งตระหง่านอยู่ในมุมๆหนึ่ง

หวังเต็งเดินเข้ามาและกดปุ่มสตาร์ท ออร่าแสงสแกนร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าสองสามครั้ง

การตรวจร่างกายประกอบด้วยการตรวจเลือด กล้ามเนื้อ กระดูก และองค์ประกอบอื่นๆ มันซับซ้อนมาก และต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

“ ติ้ง! การสแกนสิ้นสุดลงแล้ว ศิษย์หวังเต็ง ค่าร่างกาย 47”

เสียงผู้หญิงที่ไพเราะดังก้องจากเครื่องตรวจร่างกาย

“ รวดเร็วจริงๆ”

หวังเต็งรู้สึกทึ่งกับคุณภาพของอุปกรณ์วัดความเร็วและอุปกรณ์ตรวจสอบร่างกาย

เขาสงสัยกับตัวเองว่าคะแนนร่างกายของเขาคือ 47 เหมือนกับคะแนนคุณสมบัติของเขา ดูเหมือนว่ามันจะมีเพียงค่าความเร็วเท่านั้นที่แตกต่างออกไป

เขาเหลือบมองไปที่ ‘ระดับของแผนภูมิศิษย์นักสู้‘ ที่แขวนอยู่บนผนังด้านข้าง

ความแข็งแกร่งมาตรฐานของศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นคือ 100 กก. ถึง 300 กก. ความเร็วอยู่ที่ 9 ถึง 7 วินาทีสำหรับหนึ่งร้อยเมตร นั่นหมายถึง 11.11 เมตร/วินาที ถึง 14.28 เมตร/วินาที ส่วนสุดท้าย ค่าร่างกายอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50

เห็นได้ชัดว่า หวังเต็งเป็นศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้น

เขาพอใจกับผลลัพธ์นี้

ทำไมเขาถึงไม่ควรพอใจกัน? คิดว่าเขาหวังว่าเขาจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ภายในวันเดียวรึยังไง?

เพียงแค่นี้เขาก็สามารถประหยัดเวลาออกไปได้มากแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ต้องเรียนรู้ที่จะพอใจ…

“ วันนี้ฉันจะตั้งเป้าไปที่การเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง!” หวังเต็งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาตัดสินใจที่จะอยู่ในล็อบบี้ฝึกอบรมตลอดทั้งวัน เขาไม่ได้ออกไปไหน

นักเรียนคนอื่นๆล้วนฝึกซ้อมด้วยตัวเองโดยมุ่งเน้นที่การฝึกฝน พวกเขาไม่ได้สังเกตผลการทดสอบของหวังเต็งเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน และมันก็เป็นเรื่องไม่สุภาพที่จะไปมองดูความสามารถของผู้อื่น

ในขณะที่หวังเต็งกำลังทำการทดสอบอยู่ ฟองสบู่อีกสองสามฟองก็ได้ดรอปออกมา

ดวงตาของหวังเต็งเป็นประกาย เขาแสร้งทำเป็นเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจและเก็บฟองสบู่เหล่านั้นขึ้นมา

ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน*3

ความแข็งแกร่ง*5

ความรู้แจ้ง*0.6

ความเร็ว*2

“ ไม่เลวไม่เลว ฉันสามารถเก็บความรู้แจ้งได้ด้วยในครั้งนี้ และฉันก็เกือบจะสำเร็จทักษะดาบขั้นพื้นฐานของฉันแล้ว!” หวังเต็งแอบกระโดดอย่างมีความสุข

เนื่องจากมีคนน้อยมากในตอนนี้ หวังเต็งจึงไม่ต้องการที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคน เขาเดินเข้าไปในห้องอาวุธและมองไปรอบๆ

มันมีอาวุธมากมายบนชั้นวาง รวมทั้งดาบ ,มีด ,หอก ,ง้าว ,กระบอง ,ค้อน และอื่นๆอีกมากมาย

อาวุธแต่ละชิ้นมีหมวดหมู่ย่อยด้วย ตัวอย่างเช่น สำหรับดาบ มันก็มีทั้งดาบยาว ดาบสั้น ดาบอ่อน ดาบคู่ และอื่นๆ

มันมีอาวุธทุกชนิดจัดแสดงอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอาวุธของนักเรียนจะไม่เป็นที่นิยมแค่ไหน แต่พวกเขาก็จะพบมันได้ในห้องเก็บอาวุธนี้

หวังเต็งยืนอยู่หน้าหิ้งดาบและสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เขาก็เลือกดาบอ่อนสีดำจากซีรีส์ ‘เงาทมิฬ‘

เมื่อศิลปะการต่อสู้กลายเป็นกระแสหลัก อุตสาหกรรมอาวุธก็เริ่มพัฒนาขึ้นเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว อาวุธก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนักสู้

ในการดวลกัน นักสู้ที่มีอาวุธทรงพลังนั้นล้วนมีความได้เปรียบเหนือนักสู้ที่ไม่มีอาวุธใดๆ

อย่างไรก็ตาม อาวุธที่มอบให้แก่ศิษย์นักสู้นั้นก็เป็นของจำลองทั้งหมด ด้วยเหตุนั้นคุณภาพของพวกมันจึงไม่ได้เป็นที่น่าพอใจมากนัก และมันก็ไม่มีอักษรรูนใดๆสลักอยู่บนนั้น

ดาบโลหะจากซีรีส์ ‘เงาทมิฬ‘ นั้นเป็นสีดำสนิท รูปแบบและน้ำหนักของมันเหมือนกับดาบจริง แต่ไม่มีอักษรรูนอยู่บนนั้นก็เท่านั้น

หากต้องเปรียบเทียบกันจริงๆ ต้นทุนในการผลิตดาบเล่มนี้ก็มีเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญเท่านั้น ในทางกลับกัน มันต้องใช้เงินถึงหลักแสนในการสร้างดาบจริง ซึ่งความแตกต่างนั้นก็ใหญ่มาก

หวังเต็งชั่งน้ำหนักดาบโลหะสีดำในมือของเขา และความรู้สึกมันก็ใช่สำหรับเขา

ผู้ชายมีความโน้มเอียงและโหยหาอาวุธทุกชนิด

หลายคนยังคงใฝ่ฝันที่จะถือครองดาบและท้าทายโลกแห่งศิลปะการต่อสู้

ในชีวิตที่แล้ว หวังเต็งอยู่ในสังคมเทคโนโลยีที่ไม่มีศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับศิลปะการต่อสู้

ตอนนี้ เมื่อเขาดูดาบยาวในมือ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นราวกับนักล่าที่กำลังมองเหยื่อของมัน

เขาได้รวบรวมคุณสมบัติของทักษะดาบขั้นพื้นฐานเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับดาบ และเนื่องจากยังเช้าอยู่ มันจึงยังไม่ค่อยมีคนมาฝึกที่นี่ และเมื่อพิจารณาถึงฟองสบู่ที่คงจะยังไม่ดรอปมาในอีกสักพัก เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการทดสอบทักษะดาบขั้นพื้รนฐานของเขา

เขาเดินออกจากห้องเก็บอาวุธและพบที่ว่าง หลังจากตั้งสมาธิและตั้งท่าแล้ว เขาก็เริ่มฝึกทักษะดาบตามความทรงจำของเขา

“ เฉือน เฉือน เฉือน!”

เมื่อเขาโบกดาบ เขาก็ได้ยินเสียงของดาบที่ตัดผ่าอากาศ ถ้าเขาฟาดใครด้วยมัน อีกฝ่ายก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตายอย่างแน่นอน

ในบรรดาศิษย์ ชายหนุ่มที่ให้ค่าคุณสมบัติทักษะดาบขั้นพื้นฐานนั้นก็กำลังฝึกทักษะดาบของเขาเช่นเดียวกัน เขาตกตะลึงเมื่อเห็นหวังเต็งถือดาบออกมาจากห้องเก็บอาวุธ

เขาชะลอการฝึกของเขาและมองดูหวังเต็งจากระยะไกล

“ เขาเป็นแค่มือใหม่!”

เด็กหนุ่มสังเกตหวังเต็งสักครู่ก่อนที่จะส่ายหัว จากนั้นเขาก็เมินหวังเต็งไป

“ นี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ฉันต้องทำความคุ้นเคยกับมันซะก่อน”

“ ความรู้แจ้งของฉันก็มีแค่ 19.3 เช่นกัน ซึ่งมันก็ไม่ได้สูงนัก!”

หวังเต็งหยุดและตั้งคำถามกับตัวเอง

เขาไม่รู้ว่าความรู้แจ้ง 19.3 คะแนนของเขานั้นมันเกินมนุษย์ทั่วไปมานานแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่พบปัญหาในการเรียนรู้ทักษะขั้นพื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ด้วยพลังฟอร์ส มันก็จะไม่ง่ายเหมือนอย่างนั้นอย่างแน่นอน

เทคนิคการต่อสู้ด้วยพลังฟอร์สนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้พลังฟอร์สตามชื่อ มันเป็นทักษะที่ซับซ้อนและลึกซึ้งในตัวเอง และผู้ที่มีความรู้แจ้งต่ำก็จะต้องประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำความเข้าใจมัน

ดั้วยเหตุนี้เอง มันจึงสรุปได้ว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นต้องอาศัยพรสวรรค์ของตนเองอย่างแท้จริง หากคุณต้องการเป็นนักสู้ คุณก็ต้องเป็นอัจฉริยะ!