ตอนที่ 81 บัณฑิตหนุ่มผู้ปากไม่ตรงกับใจ
ไม่ใช่ ข้าแค่กังวลว่าจะกระหายน้ำตอนอ่านตำราจึงนำมากินเอง ! เจียงโม่หานตอบเยี่ยงคนปากร้ายใจดี
หลินเว่ยเว่ยเหมือนว่ามองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นางหัวเราะแล้วพูดหยอกล้อบัณฑิตหนุ่มดังเดิม เจ้ารออยู่ที่นี่นานเพียงใดแล้ว ? เจ้ามารอรับข้าโดยเฉพาะใช่หรือไม่ ? แล้วเหตุใดยังมาพูดอีกว่าไม่ได้เป็นห่วงข้า ?
เจียงโม่หานยังปากแข็งไม่เลิก เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ! ในป่าแห่งนี้เงียบสงบจึงเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับอ่านตำราต่างหาก…
ฮ่าฮ่า ! บัณฑิตหนุ่มผู้ปากไม่ตรงกับใจเช่นนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน ! ใครบ้างจะมาอ่านตำราไกลบ้านถึงยี่สิบ กว่าลี้ ? ยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดต้องเป็นสถานที่ที่นางผ่านตอนขากลับด้วย ?
แต่จะว่าไปแล้วหากนางพูดเช่นนี้ออกไป บัณฑิตหนุ่มคงได้อายจนกลายเป็นความโกรธและในอนาคตอาจจักไม่เป็นห่วงนางอีก เช่นนั้นคงได้มิคุ้มเสีย หลินเว่ยเว่ยจึงเม้มปากกลั้นขำเอาไว้จากนั้นก็ก้มศีรษะไปกัดผลชิงป่า ‘หวานมากเลย ! ’
หลังกินผลชิงที่บัณฑิตหนุ่มตั้งใจนำมาให้ด้วยความเป็นห่วงแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างบอกไม่ถูก นางจึงรีบลากรถเข้าไปในหมู่บ้านผ่านป่าทางด้านหลัง
ตอนนี้คนในหมู่บ้านสายตาว่องไว หากมีคนมาเห็นว่านางซื้อเสบียงกลับมามากมายเช่นนี้ ในภายภาคหน้าถ้าเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงเหมือนตอนนี้ก็คงมีคนมาขอยืมเสบียงจากบ้านนางเป็นจำนวนมาก…แล้วหากมีคนในหมู่บ้านกล้าทำขึ้นมาหนึ่งคน คนอื่นก็ต้องทำตาม เช่นนั้นนางจึงต้องป้องกันไว้ก่อน !
หลินเว่ยเว่ยเฝ้าพวกเสบียงอยู่ในป่า จากนั้นก็ให้บัณฑิตหนุ่มกลับไปก่อนและในช่วงเวลากลางดึกนางถึงได้ลากเสบียงกลับมาที่ห้องใต้ดินของบ้าน คราวนี้นางซื้อเสบียงมามากหนึ่งพันกว่าชั่ง ไหนจะรวมกับเสบียงชุดก่อนที่ซื้อเข้ามาอีก กล่าวได้ว่าบ้านของนางมีเสบียงตุนไว้กินได้เป็นเวลาสี่ห้าเดือนเลยทีเดียว
ตอนกลางคืนของวันเดียวกันนั้น ภายในลานบ้านของตระกูลเจียง นางเฝิงกำลังนั่งเย็บชุดกระโปรงสีเขียวอยู่ภายใต้แสงตะเกียง แม้ว่าวัสดุที่ใช้เย็บจะเป็นเพียงผ้าธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยทักษะการเย็บปักของนางกอปรกับการปักลวดลายที่ประณีตอ่อนช้อยจึงทำให้ชุดกระโปรงดูมีเอกลักษณ์และงามในแบบของมัน
เจียงโม่หานวางตำราแล้วเหลือบมองชุดกระโปรงในมือของมารดา ดูจากสีสันและลวดลายดอกไม้แล้วน่าจะเป็นชุดกระโปรงที่ไว้ให้เด็กผู้หญิงใส่ ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า ชุดกระโปรงของผู้ใดหรือขอรับ ? เหตุใดจึงทำให้ท่านแม่ใส่ใจได้ถึงเพียงนี้ ?
แม่เย็บให้เสี่ยวเว่ยเพราะนางก็เป็นสตรีเช่นกัน จะมาใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ของเหล่าหลินทั้งวันไม่ได้ เช่นนั้นจะไม่เหมาะสม เมื่อวานมีคนเข้าไปซื้อของในเมือง แม่จึงถือโอกาสให้เขาซื้อผ้ากลับมาให้ แม่ตั้งใจจะทำชุดกระโปรงให้นาง นางเฝิงปักลวดลายใบไม้เสร็จแล้วก็ใช้ปากกัดด้ายออก
เจียงโม่หานช่วยมารดาตัดด้ายพลางขมวดคิ้ว นางต้มยาเสน่ห์อันใดให้ท่านกินหรือไม่ เหตุใดท่านจึงใส่ใจนางเพียงนี้ขอรับ ?
นางเป็นเพียงเด็กหญิงชอบกวนประสาทผู้หนึ่ง อีกทั้งจิตใจยังซับซ้อนเป็นอย่างมาก หรือนางคิดลงมือกับมารดาของเขาก่อน ?
เจ้าลูกคนนี้ เหตุใดต้องกล่าวเช่นนี้ด้วย ? นางเฝิงมองค้อนใส่บุตรชาย เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กที่มีจิตใจดีถึงเพียงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแบกเจ้าซึ่งบาดเจ็บกลับมาจากเขตเริ่นอันหรอก ลำพังแค่นางช่วยเราสองแม่ลูกทำผลชิงอบแห้งไปขายในเมืองก็สร้างรายได้ให้เราเกินสิบตำลึงแล้ว เช่นนั้นแม่เย็บเสื้อผ้าตอบแทนนางบ้างจะเป็นไรไป ?
หากท่านอยากขอบคุณนางก็ซื้อผ้ามาให้นาง จากนั้นก็ให้ป้าหวงเย็บ ดูท่านสิ เอาใจใส่นางจนข้าคิดว่านางเป็นบุตรสาวของท่านไปแล้วขอรับ ! เจียงโม่หานรับเข็มมาแล้วช่วยสอดด้ายให้นางเฝิงเพื่อไว้ใช้ในครั้งต่อไป
นางเฝิงมองไปยังบุตรชายด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กขยันขันแข็งทั้งยังมีจิตใจที่ดี ความคิดใสซื่อบริสุทธิ์ แม่ยังอยากให้เจ้าไปเป็นลูกเขยตระกูลหลินแล้วแลกเอานางมาเป็นลูกสาวของแม่ แต่กลัวว่าครอบครัวนางจะไม่ยอม
ท่านแม่ นี่ท่านรู้จักพูดแกล้งผู้อื่นด้วยหรือขอรับ ? เจียงโม่หานได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็ยกให้เป็นความผิดของหลินเว่ยเว่ยทันที ‘ท่านแม่ต้องเลียนแบบนางมาแน่ ! อยู่ใกล้ผู้ใดมักจะติดนิสัยเช่นนั้นมาจริงด้วย’
แม่พูดจริง เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กดีมาก หานเอ๋อร์ เจ้าอย่าเอาแต่ตั้งแง่กับนางเพราะนางชอบแกล้งเจ้าเลย อย่างไรเจ้าก็ต้องนึกถึงข้อดีของนางบ้าง นางยังเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 14 ปีเท่านั้น การที่นางจะร่าเริงย่อมเป็นเรื่องปกติ ผู้ใดจะไปเหมือนเจ้าที่ชอบทำท่าทางราวกับคนแก่ตลอดเวลา ไม่เห็นน่ารักเลยสักนิด ! นางเฝิงยังคงแกล้งบุตรชายไม่เลิก
เจียงโม่หานได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าจนใจ ท่านแม่ขอรับ ข้าตั้งแง่กับนางตรงไหน ? ท่านดูสิ ขนาดเถียงก็ยังเถียงนางไม่ทัน จะให้ไปตีนางน่ะหรือ…ท่านคิดว่าข้าจะล้มนางได้หรือขอรับ ?
นางเฝิงหัวเราะแล้วกล่าวอีกว่า นางก็เป็นแค่เด็กสาวที่หายจากอาการป่วย นางไม่รู้หรอกว่าเจ้ากำลังระแวดระวังอันใดอยู่ ? คิดว่านางจะกินเจ้าได้หรือ ? บางที…เจ้าอาจกังวลว่านางชอบตนแล้ว นางจะกลายเป็นคนบงการเจ้าในภายหลังใช่หรือไม่ ?
ท่านแม่…นี่คือสิ่งที่มารดาพูดกันหรือขอรับ ? เจียงโม่หานรู้สึกว่าต้องทำให้นางเฝิงอยู่ห่างจากเด็กอ้วนบ้างแล้ว ตอนนี้มารดาหลงอีกฝ่ายหัวปักหัวปำ ไม่ว่าจะพูดอันใดก็เข้าข้างไปเสียหมด
เจ้าอายหรือ ? นางเฝิงพยายามกลั้นยิ้ม เอาล่ะ ! แม่ไม่พูดแล้ว ! เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลนักหรอก แม้ว่านางชอบแกล้งหรือชอบใช้วาจาแทะโลมเจ้า แต่นางก็อาจไม่ได้ชอบเจ้าจริง อย่าเอาแต่คอยระวังจนทำราวกับว่านางเป็นโจรเลย
สมแล้วที่นางเลี้ยงเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ไม่ว่าเขาคิดอันใดก็ล้วนหลบไม่พ้นสายตาของนางทั้งสิ้น แต่หากลองคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วการที่สาวน้อยอายุสิบกว่าปีผู้หนึ่ง ถ้าไร้ความสามารถมากพอก็คงไม่สามารถปกป้องตนเองในโลกที่แสนจะวุ่นวายได้เช่นนี้หรอก !
ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวลขอรับ ! มนุษย์ย่อมมีความระมัดระวังในตัวเอง ! เจียงโม่หานตอบอย่างจริงจัง
นางเฝิงจึงไม่แกล้งเขาอีกต่อไป นางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า เป็นเสี่ยวเว่ยนั้นไม่ง่ายเลย นางเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องแบกรับภาระดูแลคนในครอบครัวทั้งหมด นางต้องเดินอย่างลำบากไปยังเมืองที่อยู่ไกลจากบ้าน ไปกลับก็มากกว่าสองร้อยลี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางต้องลากเสบียงมาเป็นคันรถ เจ้ายังไม่เห็นว่าที่ใต้ฝ่าเท้าของนางมีแผลพุพองอีกด้วย นางใส่รองเท้าจนโดนรองเท้ากัดเข้าแล้ว ป้าหวงได้เห็นยังน้ำตาไหลด้วยความสงสารบุตรสาวจับใจ
ทันใดนั้นหัวใจของเจียงโม่หานก็เกิดความสั่นไหว ‘ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเมื่อวานนางจึงลากรถมาช้าเช่นนั้น ที่แท้เพราะว่านางเป็นแผลตรงเท้า ในแต่ละย่างก้าวของนางคงรู้สึกคล้ายมีเข็มมาทิ่มอยู่ใต้ฝ่าเท้า ต้องบอกเลยว่านางเป็นคนมีความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง’
ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ หลินเว่ยเว่ยที่รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งกายได้เข้าไปนอนเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ในมิติน้ำพุวิญญาณ นางเอาเท้าแช่น้ำ จากนั้นอาการปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่าเท้าก็หายไปทันที นางรู้สึกเย็นที่แผลและเมื่อดึงเท้าขึ้นมาก็พบว่าบาดแผลไม่น่ากลัวอีกต่อไป
นางเดินมาดูบริเวณที่มีน้ำไหลออกจากตาน้ำพุ จากนั้นก็ใช้ผ้าสะอาดจุ่มแล้วเอามาเช็ดบริเวณแผลของตน น้ำที่ผุดมาจากตาน้ำพุวิญญาณให้ผลลัพธ์ดีมาก ดูท่าว่าแผลใต้ฝ่าเท้าของนางคงใช้เวลารักษาไม่ถึงสองวัน !
ทว่านางก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันเพราะมิติน้ำพุวิญญาณสามารถบำรุงร่างกายและให้ความสดชื่นกับทุกสรรพชีวิตได้ แต่นางใช้มันได้แค่นี้…ทว่ามีย่อมดีกว่าไม่มี จะโลภเกินไปก็ไม่ได้เพราะหากท่านเทพที่พานางกลับมาเกิดที่นี่บังเกิดความโกรธขึ้นมาแล้วริบมิติน้ำพุวิญญาณคืนไป มีหวังว่านางต้องร้องไห้โฮ !
นางนอนกอดเจ้าเทาแล้วหลับไปตลอดทั้งคืน ไม่รู้เพราะอันใดจึงทำให้หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่าการนอนอยู่ในนี้สบายกว่านอนข้างนอก
ด้วยความเหนื่อยล้าจึงทำให้นางตื่นสายในเช้าวันถัดมา ! เวลานี้นางหวงทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่สาวคนโตและน้องสี่ก็ให้อาหารกระต่ายเสร็จพอดี นับวันกระต่ายที่บ้านของนางยิ่งมีมากขึ้น ลำพังแค่ลูกกระต่ายก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด ทำให้ทุกวันก่อนที่พี่สาวจะไปเรียนทอผ้าที่บ้านย่าหลิวจึงมักไปช่วยเกี่ยวหญ้ามาให้กระบุงใหญ่
หลินเว่ยเว่ยเดินออกมาจากในห้อง ขณะที่พี่สาวกำลังจะออกไปเรียนทอผ้า ทันใดนั้นนางก็หันมาบ่นหลินเว่ยเว่ย ชีวิตเจ้าช่างดีเหลือเกิน นอนจนป่านนี้เพิ่งตื่น !
หลินเว่ยเว่ยหาวใส่พี่สาวแล้วขยี้ตา ครั้งหน้าเจ้าก็ไปลากเสบียงจากอำเภอจิงหยุนกลับมาสักพันชั่งสิ เจ้าจะได้สัมผัสรสชาติชีวิตดี ๆ เช่นข้าบ้าง !
คำพูดของนางทำให้พี่สาวถึงขั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ตอนต่อไป