“เลี่ยนเอ๋อร์ สองสามวันนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ทำไมข้าง่วงนอนได้ทั้งวัน เหมือนนอนอย่างไรก็ไม่อิ่ม” เฟิ่งรั่วเอ๋อร์มองสะใภ้พลางถามอาการตั้งครรภ์นาง
“ข้ายังดี เพียงแต่มีปวดเอวบ้างบางครั้ง ท่านแม่น่าจะเพราะพักก่อนนั่งรถม้ามาเหน็ดเหนื่อย จิ้งจือบอกว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นอาการปกติของการตั้งครรภ์ระยะแรก ไม่ต้องเป็นกังวล” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มปลอบใจนางที่พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็แอบกังวล
“จริงหรือ? อย่างนั้นก็ดี เฮ้อ…มักรู้สึกว่าอายุสี่สิบยังมาเป็นสตรีมีครรภ์ได้ คิดแล้วก็หมดแรงเหมือนกัน”
“อะไรกัน! ท่านแม่ยังไม่แก่ นับประสาอันใดกับการที่จิ้งจือก็บอกแล้วว่า แม้ว่าคลอดลูกอาจเหนื่อยหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน” ด้วยคำพูดหยางจิ้งจือ สตรีมีครรภ์อายุสี่สิบในยุคนางมีมากมายก่ายกอง
“อย่างนั้นก็ดี” เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ได้ยินก็คลายกังวล “มีจิ้งจืออยู่ ข้าด็ไม่กังวลละ อ้อ ลี่เองก็จะให้ข้าอยู่รอคลอดที่นี่ เพียงแต่ต้องส่งหมอหลวงกับนางเร่งคลอดมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาไม่วางใจ” ปากบ่นไปแต่สีหน้ายิ้มแย้มเผยให้รู้ว่านางเบิกบานใจ
“ก็เพราะท่านพ่อใส่ใจท่าน” อย่างไรเมืองเล็กๆ นี่หมอตำแยกับนางเร่งคลอด ไม่เหมือนคณะหมอหลวงที่คัดเลือกมาอย่างดีในวังหลวง
“เขาใส่ใจท้องข้าน่ะสิ ”เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ยิ้ม ในใจถูกวาจาเปิดเผยความในใจเซวี่ยลี่วันนั้นทำเอาซาบซึ้งกินใจหลั่งน้ำตาไปหมดแล้ว
“นั่นก็เป็นวิธีการใส่ใจท่านแม่ของท่านอย่างไรเล่า” เหมือนอาเย่าของนาง ปากไม่ค่อยพูดจาหวานๆ อะไร แน่นอนยกเว้นยามค่ำคืนที่เขาทาบทับอยู่บนกายนาง แต่เขาก็รู้จักใส่ใจโดยไม่พูดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“คุณหนู ฮูหยิน ข่าวมาแจ้งล่วงหน้าว่าท่านอ๋องถึงเมืองฝานฮัวแล้ว ตอนนี้กำลังมาทางนี้” เซียงหลันเลิกม่านขึ้นรายงานเข้ามาด้านใน
“ท่านอ๋อง? พี่ใหญ่หรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็เลิกคิ้วแปลกใจ ทำไมเขามาตอนนี้ ไม่ใช่ว่าอีกไม่กี่วันก็วันไหว้พระจันทร์แล้วหรือ ไม่อยู่จวนอ๋องเป็นเพื่อนท่านพ่อท่านแม่ วิ่งมาเมืองฝานฮัวทำไม จะว่าไปเมื่อวานนางเพิ่งให้อาเย่านำจดหมายนางไปฝากหอกว่างชื่อโหลวส่งไปเมืองหลวง ไม่มีเหตุผลที่จะรู้ข่าวนางก็ตั้งครรภ์เร็วเพียงนี้กระมัง
……
“พี่ใหญ่?” เซียงหลันประคองซูสุ่ยเลี่ยนค่อยๆ เดินมาที่ประตู ก็พบกับเหลียงเอินไจ่ที่ก้าวเข้ามาในลานบ้านพอดี
“อืม ไม่เจอกันครึ่งปี เหมือนอ้วนท้วนขึ้นนะ” เหลียงเอินไจ่หรี่ตามองน้องสาวตรงหน้าอย่างสังเกตรอบหนึ่ง กำลังจะถามคำถามออกไป ก็ระงับวาจาลงท้องไปก่อน
“พี่ใหญ่!” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเขาหน้าตาแทบอยากจะร้องไห้ เห็นสีหน้ารังเกียจว่านางอ้วนของเขา ไม่ว่าสตรีคนใดก็ย่อมไม่พึงใจกระมัง
“แค่ก…ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนี้ น้องเขยล่ะ ไม่อยู่บ้าน?” เหลียงเอินไจ่กำหมัดมาปิดบังที่จมูกแสร้งกระแอมไอ จากนั้นก็เปลี่ยนบทสนทนา
“เขาอยู่เรือนสวนไผ่” ซูสุ่ยเลี่ยนตอบอย่างเป็นเด็กดี เพียงแต่มองเหลียงเอินไจ่อย่างนึกแปลกใจ “พี่ใหญ่ มาหาอาเย่า?” มิน่าเสื้อผ้าจึงได้เปื้อนฝุ่นไปหมด คิดว่าคงมีเรื่องด่วน
“ใช่…และไม่ใช่” เหลียงเอินไจ่หันมาเก้อๆ สั่งการให้บ่าวชายด้านหลังที่ตามเขามาอย่างกระหืดกระหอบ “ยังไม่รีบไปเตรียมน้ำร้อนมาอีก” ม้าเร็วเร่งแส้มาวันครึ่งสำหรับเส้นทางที่ปกติใช้เวลาสามวัน ตอนนี้เขาคิดแค่อยากอาบน้ำดีๆ สักหน่อย
“พี่ใหญ่ น้ำร้อนอาหารร้อนเตรียมเสร็จแล้ว เรือนสวนไผ่มีแขก พักเรือนสวนไผ่ดีไหม” รูปแบบเรือนสวนไผ่ดีที่สุด สี่ห้องล้วนเป็นห้องที่วางอ่างอาบน้ำได้ ยังเหลือว่างอีกห้อง
“ได้” เหลียงเอินไจ่พยักหน้า ตามสาวใช้นำทางไปยังเรือนสวนไผ่ข้างๆ
“ใช่แล้ว ท่านพ่อท่านแม่คิดถึงเจ้ามาก มีเวลาว่างก็เขียนจดหมายถึงพวกเขาหน่อย” เหลียงเอินไจ่ทิ้งท้ายก่อนไป
ก็แปลว่าเขายังไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์ ดูท่าครั้งนี้เขาไม่ได้มาหานาง เช่นนั้น…มาเรื่องอะไร ทำให้เขาเร่งม้ามาเช่นนี้ มาอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์?
เหลียงเอินไจ่ในความทรงจำนางไม่ว่าตอนไหนก็วางท่าทางสูงศักดิ์ ไม่เคยเห็นสภาพเขาดูไม่ได้เช่นตอนนี้เลย
ซูสุ่ยเลี่ยนถอนสายตากลับคืน ยิ้มเล็กน้อย “ไปกันเถอะ เซียงหลัน ข้ามีเรื่องพูดกับเจ้าพอดี”
อีกสามวันก็วันไหว้พระจันทร์แล้ว ผ่านวันที่สิบหก เซวี่ยลี่ก็จะพาเจี้ยนเหิงกลับเซวี่ยหมิง สำหรับเจี้ยนเยว่ ก็จะอยู่อารักขาเฟิ่งรั่วเอ๋อร์ที่นี่ ดังนั้นสองสามวันนี้เซวี่ยลี่ให้นางหาเวลาคุยกับเซียงหลันดู ขอเพียงมีความเป็นไปได้เล็กน้อย เขาก็จะพยายามเร่งจับคู่เจี้ยนเหิงกับเซียงหลัน
แต่ว่าซูสุ่ยเลี่ยนเงยหน้ากวาดสายตามองเซียงหลันที่ยืนสงบนิ่งข้างๆ การได้อยู่ด้วยกันมาระยะนี้ ทำให้นางรู้สึกว่าเซียงหลันก็เป็นแม่นางดีที่หาได้ยาก นิสัยสุขุม มือไม้คล่องแคล่ว แม้ไม่เอ่ยปาก นางก็จะคิดได้ว่านางต้องการอะไร ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เซียงหลันชอบงานสาวใช้มากกว่าคนปกติ เหมือนว่า…นางเห็นสาวใช้เป็นงานที่นางชอบในชีวิตนี้
“เซียงหลัน เจ้ารับงานจากไป๋เหอมาได้ระยะหนึ่งแล้ว คิดอย่างไร” ตั้งแต่พวกเซียงหลันจากเมืองหลวงมาที่นี่ ผ่านการอบรมจากเหลียงหมัวมัวได้สองสามวันก็แบ่งงานกันไปรับผิดชอบ
เซียงหลันรับงานต่อจากไป๋เหอ คอยดูแลข้างกายนาง โดยเฉพาะหลังจากหยางจิ้งจือตรวจพบว่านางตั้งครรภ์ ก็ยิ่งตามประกบไม่ห่าง ไป๋เหอย้ายไปห้องปีกตะวันตกแล้ว ไปอยู่ดูแลทารกแฝดร่วมกับเหลียงหมัวมัวสองแม่นมก็ขอเลิกสัญญาทำงานกลับบ้านไปหลังทารกแฝดหย่านมแล้ว
เดิมนางยังคิดว่าให้ไป๋เหอช่วยเหลียงหมัวมัวดูแลทารกแฝด นางอยู่ที่นี่ไม่ต้องการสาวใช้มาดูแลตลอดเวลา แต่ชุนหลันไม่วางใจ พอบอกจวนอ๋องจิ้งไปว่าหลังปรับปรุงเป็นจวนพักตากอากาศ กำลังคนก็ขาดแคลน พระชายาเฒ่ารู้เข้าก็รีบคัดเลือกสาวใช้กับคนงานชายสามคู่ส่งมาทำงานที่จวนพักตากอากาศทันที
ดังนั้นเซียงหลันที่ค่อนข้างสุขุมจึงถูกชุนหลันส่งมาดูแลนางที่นี่ หากไม่ใช่ว่าเซวี่ยลี่มาขอคนของนาง นางไม่รู้ว่าเซียงหลันที่ดูอย่างไรก็เหมือนสิบสี่นั้นตอนนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว ได้เวลาคิดเรื่องออกเรือนแล้วจริงๆ
“เซียงหลันปรับตัวได้ดีมาก คุณหนูกับท่านเขยดูแลเซียงหลันดีมาก งานพวกนี้ไม่ลำบากสักนิด” เซียงหลันตอบอย่างจริงจัง ไม่เพียงไม่ลำบาก นางยังรู้สึกว่าสบายมาก หรืออาจเพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ทำให้ในใจนางรู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม
“อืม เซียงหลันเคยคิดถึงอนาคตตนเองไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนแอบลองถาม
“คุณหนูหมายถึง…?” เซียงหลันเงยหน้ามองซูสุ่ยเลี่ยนอย่างแปลกใจ ก่อนจะรีบก้มหน้าลง ในใจแอบเต้นโครมคราม นางคงไม่ได้ทำผิดอะไรใช่ไหม นี่คือคุณหนูจะไล่นางออกจากจวนหรือ หรือว่าวันที่หนึ่งวันนั้น ต้อนรับท่านพ่อท่านแม่ของท่านเขย วาจานางล่วงเกินเข้าแล้ว? แต่ว่าคุณหนูจะลงโทษนาง ก็ไม่ควรเว้นห่างมาสิบกว่าวันนี่
“อย่าคิดมาก ข้าเพียงแต่ถามดู” เห็นเซียงหลันสีหน้าซีดเผือด ซูสุ่ยเลี่ยนก็รู้ว่านางคิดไปคนละทางแล้ว “ข้าหมายถึง…เซียงหลันมีชายในดวงใจไหม หากไม่มี ข้ามีคนดีแนะนำ แน่นอนว่า ข้าต้องถามความเห็นเจ้าก่อนด้วย” ซูสุ่ยเลี่ยนกลืนน้ำลายเอื๊อก ไม่รู้ควรเริ่มจากตรงไหนดี ก็เลยพูดออกมาตรงๆ ว่าบิดาสามีนางให้นางมาลองถามนางดู
“คุณหนู!” พอเอ่ยออกมา เซียงหลันก็หน้าตาเซ่อซ่าไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่า คุณหนูแสนเรียบร้อยจะถึงกับมาเป็นแม่สื่อให้นาง หวนคิดถึงชุนหลัน ไม่ใช่ว่าตอนที่รับใช้คุณหนูหรือ ที่ถูกดูออกว่ามีใจตรงกันกับองครักษ์เซียว ได้แต่งงานเป็นภรรยาเขา เช่นนี้แปลว่าคุณหนูชำนาญงานแม่สื่อแล้ว? โอย…ผุยๆๆ…นางทำไมวิจารณ์คุณหนูเช่นนี้
ซูสุ่ยเลี่ยนถูกสายตาแปลกใจของเซียงหลันมองเอาตนรู้สึกเขิน “ข้าเพียงแค่ถามดู ไม่ได้คิดบีบเจ้าสักนิด สามีต้องอยู่ร่วมกันไปทั้งชีวิต เจ้าต้องคิดให้ดีๆ อย่าได้รีบร้อนตอบข้า”
“เฮ้อ…คุณหนู ขออภัยที่บ่าวเสียมารยาท เพราะว่าก่อนหน้านี้เซียงหลันไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อน…เซียงหลัน…ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน ตอนนี้เช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“แต่ว่าเซียงหลัน ตอนนี้เจ้าถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่จริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบตัดสินใจเรื่องทั้งชีวิตในเวลาอันสั้น”
อย่างไรแต่งงานมีลูก ก็คือเรื่องใหญ่ที่สตรีต่างวาดหวังกระมัง นอกจากเคยได้รับความกระทบกระเทือนใจจากความรักเช่นเจี้ยนเยว่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ใช่ว่าไม่เคยลองแล้วก็จะตัดขาดความเป็นเป็นได้ที่อาจจะมีความสุขกระมัง ก็เหมือนเจียงอิ้งอวิ๋น ตอนนี้ก็ยังไม่เคยละทิ้งความคิดจะแต่งงาน พักนี้นางรู้สึกดีกับซือเล่ามาก ไม่กี่วันก็จะมาที่เมืองฝานฮัวที ก็เพื่อคุยกับซือเล่า น่าเสียดายแค่น้องสาวมีใจ แต่พี่ชายไร้ใจ ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง นางกับอาเย่าก็ทำอะไรไม่ได้
“คุณหนู…” ในใจเซียงหลันรู้สึกซาบซึ้งซูสุ่ยเลี่ยนมาก ก่อนหน้าที่นางมาที่จวนอ๋องจิ้งก็เคยทำงานเป็นสาวใช้ตระกูลใหญ่มาสามแห่ง เห็นภาพภรรยาหลวงกับภรรยาน้อยแย่งชิงกันจนชินชา จึงไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความคาดหวังใด
“แท้จริงแล้ว คนที่ข้าคิดไว้ก็คือเจี้ยนเหิง เจ้าควรเคยพบกันสองสามครั้ง นิสัยเขาไม่ค่อยพูดจาสักหน่อย ตอนนี้อายุยี่สิบหกแล้ว ไม่เคยใกล้ชิดสตรีใด คิดว่าน่าจะไม่ใช่คนเจ้าชู้ ลองกลับไปคิดดีๆ…เซียงหลัน ข้าอยากให้พวกเจ้าข้างกายข้าล้วนมีคู่ครองที่ดี” ซูสุ่ยเลี่ยนกำชับเสร็จ ก็อ้างว่าอยากนอนพัก ให้เซียงหลันกลับห้องตนเองไป
เจี้ยนเหิง? เฮ้อ สวรรค์ เขาอายุมากกว่านางสิบปีเลยนะ แม้ว่าโบราณจะว่าชายหนุ่มอายุมากมีภรรยาสาวจะรักภรรยามาก แต่พอคิดถึงหน้าตาไร้อารมณ์ ท่าทางทึ่มทื่อของเขาแล้ว นางก็ไม่อาจคิดโยงไปถึงคำว่ารักภรรยาต่อได้อีก
“โอ๊ะ…ใครอยู่ตรงนั้น…ช่วยข้าเอาของพวกนี้ไปห้องทางฝั่งซ้ายเรือนสวนไผ่หน่อย หากมีเวลาก็มาช่วยพันแผลให้คนมือเจ็บนี่หน่อย ข้ายังมีงานต่อ ต้องรีบไปๆ!” เพิ่งเข้ามาที่ห้องโถงกลางก็ถูกเซวี่ยลี่เรียกไปยกกะละมังน้ำสะอาดมา เอาผ้าพันแผลกับยาออกมาพันแผล เซียงหลันงุนงง แต่ก็ใจดีเดินไปยังห้องทางซ้ายเรือนสวนไผ่อย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินเสียงเซวี่ยลี่ก็ออกจากห้องนอนมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องโถง มองไปเห็นเซียงหลันยกของรีบเข้าไปประตูทางเรือนตะวันตกก็แทบอยากจะร้องไห้ กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านทำแบบนี้เปิดเผยไปไหม ข้าเพิ่งเรียกนางมาคุย ท่านก็ให้นางอยู่ลำพังกับเจี้ยนเหิง หาก…นางจะตำหนิพวกเรา”
“เอาน่า! ทุกอย่างข้ารับผิดชอบเอง” เซวี่ยลี่โบกมือ “ได้ยินว่าพี่ใหญ่เจ้ามา?”
“เจ้าค่ะ ตอนนี้พักอยู่เรือนสวนไผ่ น่าจะได้เจอกับอาเย่าแล้ว”
“เจ้าหมอนี่ ข่าวไวไม่เลว!” เซวี่ยลี่แอบหัวเราะ
“ข่าวอะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนไม่เข้าใจ
“แหะๆ ไม่มีอะไร อย่างนั้นข้าไปร่วมวงสนทนากับพวกเขาดีกว่า” เซวี่ยลี่ไม่พูดไม่จาก็หันเดินไปทางเรือนสวนไผ่ ทิ้งให้ซูสุ่ยเลี่ยนยืนงง คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ