ตอนที่ 150 หยุนเถียนเถียนโดนหางเลข
หยุนเถียนเถียนไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังนัก ส่วนหยุนเคอก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นจึงเดินไปหยิบถังไม้ที่ตกพื้นและตักน้ำขึ้นมาอีกครั้ง
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่นาน ซูเกินฮูหยินก็วิ่งเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด นางเดินไปพลางสาปแช่งไปพลาง “หยุนเถียนเถียนนังคนใจดํา เจ้ากล้ารังแกลูกสาวข้า!
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนสีหน้าของหยุนเคอนั้นยิ่งทะมึนขึ้น!
ตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว และกําลังจะเดินเข้าไปในไร่ เสียงดังเป็นสองเท่าซูเกินฮูหยินนั้นดึงดูดทุกคนให้เข้ามา!
หยุนเถียนเถียนยืนอยู่ข้างธรณีประตูและมองดูฝูงชนที่รุมล้อมโดยไม่หวั่นไหว ก่อนจะกอดอกและพูดเยาะเย้ย ” ข้าเก็บตัวอยู่ในลานบ้านทั้งวัน ไม่รู้ว่าข้าไปรังแกผู้อื่นได้อย่างไร? เห็นแต่ท่านเข้ามารังแกข้าถึงในบ้านมิใช่หรือ?”
จี๋ซื่อกลัวว่าหลานสาวตัวน้อยของนางจะตกอยู่ในสถานการณ์ลําบาก รีบฝ่าฝูงชนเข้าไป และตะโกนขึ้น “ซูเกินฮูหยิน เจ้าควรคิดให้ดีก่อนพูด! ทุกคนรู้ดีว่าหลานสาวของข้าเป็นคนเช่นไร ที่ผ่านมานางถูกหลินชวนฮวากดขี่ ดังนั้นย่อมแข็งแกร่งขึ้น! ในทุกวันนี้นางเถรตรงยิ่งกว่าเถรตรง ต่อให้มีความกล้าอีกสิบเท่า นางก็ไม่รังแกลูกสาวของเจ้าหรอก! นางจะไม่รู้เชียวหรือว่าซูเกินฮูหยินขึ้นชื่อเรื่องปากร้ายเพียงใด?”
ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนแข็งค้างไปเล็กน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ในเมื่อบอกว่านางเป็นคนฉลาด เหตุใดถึงบอกว่าเป็นคนขี้ขลาดอีกด้วย?
แต่คําพูดของจี๋ซื่อก็สะท้อนถึงคําถามที่ว่าหยุนเถียนเถียนรังแกเฉินเจียวเจียวอย่างไร!
จึงเหมือนว่าคนหนึ่งก่อกวนได้ยาก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ทําอะไรไม่ถูก!
“ลูกสาวของข้ามาอยู่ที่บ้านเจ้าได้สักพักก็ร้องไห้วิ่งกลับบ้าน ทั้งหน้าฟกช้ำและยังอับอาย เจ้าเป็นคนทําใช่หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนคํานวณเวลา ในตอนนี้เฉินเจียวเจียวน่าจะยังไม่ทันได้ทําความสะอาดร่างกาย! เมื่อถูกทําร้ายจากข้างนอก ก็กลับไปฟ้องพ่อแม่!
“ข้าประหลาดใจนัก ลูกสาวของท่านเดินไม่ดีจึงล้มลงกับพื้น นางยังกล่าวหาว่าเป็นความผิดของข้าอีกหรือ? ท่านคิดว่าข้ารังแกคนได้ง่ายงั้นหรือ? หากท่านยืนยันว่าข้าเป็นคนรังแก ข้าก็หาใช่คนไร้เหตุผล เรียกลูกสาวของท่านออกมาเผชิญหน้ากัน มาดูกันว่าข้า หยุนเถียนเถียนรังแกนางอย่างไร?”
ซูเกินฮูหยินตะโกนเสียงดังไปยังทิศทางบ้านของนาง “เจียวเจียว ออกมาแสดงให้ทุกคนเห็น ดูว่าเจ้าถูกผู้อื่นรังแกได้อย่างไร!”
เฉินเจียวเจียวได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากนอกบ้านและเริ่มบ่นแม่ของนางในใจ! ออกไปด้วยสภาพน่าอายในตอนนี้ หากหยุนเคอเห็นเข้าคงไม่ชอบยิ่งกว่าเดิม
อันที่จริงแล้วนางไม่จําเป็นต้องกังวล หยุนเคอเคยเห็นสภาพที่น่าอับอายของนางมานานแล้ว แม้ว่าเห็นก็ไม่สนใจ!
แม้ว่าแม่ของนางจะเข้าใจว่าลูกไม่ได้ถูกผู้อื่นรังแก แต่ปกติก็มักจะร้องเรียนหาความเป็นธรรมจากผู้คนภายนอก! ถ้านางไม่เชื่อฟังแม่ย่อมไม่ใจยอมแพ้
เฉินเจียวเจียวเช็ดหน้าของนางลวกๆ อย่างน้อยก็ทําให้ใบหน้าสะอาดสะอ้านขึ้น แล้วค่อยเดินออกไปข้างนอก
ผู้คนแยกออกจากกัน เฉินเจียวเจียวที่ผมกระเซิง ร่างกายเปื้อนโคลนก็เดินเข้ามา
หยุนเถียนเถียนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลานี้ไม่เหมาะสม นางอยากจะหัวเราะจนตัวงออีกครั้งจริง ๆ
หยุนเถียนเถียนไออย่างจริงจังแล้วพูดด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “เฉินเจียวเจียว เจ้ากลับบ้านไปฟ้องว่าหยุนเถียนเถียนรังแกเจ้า ข้ารังแกเจ้าอย่างไร? เจ้าพูดเช่นนี้ไม่ละอายหรือ ข้าเป็นคนผลักเจ้าล้มหรืออย่างไร?”
เฉินเจียวเจียวที่ตั้งใจจะสร้างภาพว่าตนนั้นอ่อนโยนและจิตใจดี ต่อหน้าหยุนเคอ! หากโกหกคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่หยุนเคอนั้นรู้ดี นางจึงคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร
มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวคําเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าพูด ข้าจะเล่าแทนเจ้าเอง! ในตอนที่พี่ใหญ่หยุนกําลังรดน้ำอยู่ในสวนเจ้าก็แต่งตัวสวย เข้ามาบ่นว่าข้าไม่สนใจเขาและปล่อยให้เขาทํางานกลางแดดที่แผดเผา! ก่อนจะแสร้งทําเป็นช่วยเหลือเขา”
“พี่ใหญ่หยุนพูดไม่เก่ง ไม่ทันได้ปฏิเสธ แต่เจ้าก็เอาขันน้ำจากเขาไป แล้วเจ้าก็เสนอตัวทํางานให้! เมื่อมีคนบางคนยินดีเป็นวัวเป็นม้า ใครจะทนตากแดด พี่ใหญ่หยุนก็เลยเดินเข้าไปพักผ่อน!”
“แต่ไม่มีใครขอให้เจ้าทํางานให้เรา เป็นเจ้าที่เข้ามาช่วยเอง หากเจ้าอยากช่วยก็ย่อมได้ จากนั้นก็ใส่ชุดสวย ๆ เดินถือถังไม้ไปหาบน้ำ แต่ผลปรากฏว่าเจ้ายกถังน้ำขึ้นไม่ได้แล้วลงกับพื้น ดังนั้นจึงวิ่งกลับบ้านไปฟ้องแม่ว่าข้ารังแกเจ้า!”
“ข้าประหลาดใจนัก ข้ารังแกผู้ใด ข้าแค่นั่งอยู่ในบ้านและไม่มีใครพูดอะไรกับเจ้าเลย ข้าจะรังแกเจ้าไปเพื่อเหตุใด?”
เฉินเจียวเจียวถูกเปิดโปงกลางที่สาธารณะ จึงทั้งโกรธทั้งอาย แต่นางก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ทันใดนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้ออกมา
จี๋ซื่อรู้ดีว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ จึงพูดอย่างประชดประชัน “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนสั่งสอนเด็กไร้ยางอายผู้นี้! เป็นหญิงสาวแต่แต่งตัวสวยวิ่งแร่ไปหาผู้ชายและบอกเขาว่าต้องการช่วยงาน คบหาดูใจกับใครอยู่หรือ?”
ป้าหวางก็ไม่ชอบคนแบบนี้ที่สุด จึงพูดขึ้นมาเบา ๆ “ไร้ยางอายจริงๆ ล้มก็ล้มไปสิ ยังจะมากล่าวหาผู้อื่นอีก!”
“เมื่อตอนที่หยุนเคอเป็นพรานป่า ไม่เคยเห็นว่าเฉินเจียวเจียวจะสนใจใยดี ตอนนี้เขาสามารถสร้างบ้าน สร้างโรงงานและก็จะแต่งงานมีเมียแล้ว แต่กลับมาเปลี่ยนใจเพราะหวังผลประโยชน์ ผู้ใดกันแน่ที่น่ารังเกียจ?”
” พวกเจ้าหุบปากนะ ลูกสาวของข้าไม่ได้ไร้คนเหลียวแล ใครจะชอบเจ้าคนป่านี่!”
ซูเกินฮูหยินโกรธและตวาดเสียงดัง ในขณะเดียวกันก็จ้องมองไปยังหญิงสาวที่กําลังผิดหวังอยู่ข้าง ๆ
ความจริงแล้วก็รู้สึกผิดที่พูดแบบนี้กับลูก เหตุผลที่เฉินเจียวเจียวมาถึงจุดนี้ก็เพราะว่าไม่มีใครต้องการ
เฉินเจียวเจียวต้องการแต่งงานกับเศรษฐี แต่คนรวยที่ไหนจะสนใจสาวชาวบ้าน? ชาวนาธรรมดาคงไม่อยากได้คนสวยมีเสน่ห์แต่ไม่สามารถทํางานหนักได้!
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมที่เฉินเจียวเจียวตั้งใจที่จะอยู่ในบ้านเพื่อรับเขยที่แต่งเข้า! แต่ซูเกินฮูหยินนั้นดุมาก แม้ว่าจะเป็นแค่ความคิดเพียงเล็กน้อย นางก็ไม่กล้ายั่วยุ!
เมื่อนางกล่าวคําเหล่านี้อย่างไม่มั่นใจนัก จี๋ซื่อก็หัวเราะออกมา!
“เจ้าคิดอย่างนั้น แต่ลูกสาวของเจ้าไม่คิดน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะมาทําเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร?”