ตอนที่ 128 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (1)

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 128 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (1)

ตอนที่ 128 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (1)

ดวงตาของอู๋เจิ้นเป็นประกาย “ตราบใดที่มีแหล่งน้ำ สถานที่ และบุคลากร อุณหภูมิสูงและข้อบกพร่องทางพันธุกรรมในเมล็ดก็ไม่ใช่ปัญหา”

มุมปากของซูเถายกขึ้น แต่เธอยังคงถามอย่างเคร่งขรึม

“ฉันเชื่อในตัวคุณ แต่ถ้าคุณรับช่วงต่อ ในอนาคตคุณจะถูกมอบภาระในการจัดหาผักตามฤดูกาลในภูเขาผานหลิวและเถาหยาง คุณยินดีรับช่วงต่อหรือเปล่า”

อู๋เจิ้นหายใจเข้าลึก ๆ “คุณซู ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำกับคุณและลุงเหม่ยเมื่อสองสามวันก่อน ผมเกือบจะผิดสัญญากับคุณและจบชีวิตลง ผมยังอยากจะพูดประโยคนั้นอีกครั้ง ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะรับใช้และก้มหัวให้คุณและเถาหยางตลอดไป”

“ผมเต็มใจรับ”

ซูเถายิ้มและยื่นมือออกมา

“ถ้าอย่างนั้น เถาหยางขอต้อนรับคุณอย่างเป็นทางการ”

หัวใจของอู๋เจิ้นแล่นพลุ่งพล่าน เมื่อมองไปยังแขกที่ยังคงต่อคิวอยู่ เขาก็อยากเริ่มทำงานทันที

“ขอบคุณ! เมล็ดพืชต้องไปเอาจากใครเหรอ? หากเริ่มเพาะปลูกตอนนี้ เมล็ดจะเติบโตในวันมะรืนนี้”

ซูเถาชี้ไปที่อาหารในมือของเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องกังวล กลับไปกินอาหารเย็นที่เถาหยางก่อน แล้วฉันจะแนะนำผู้จัดการเฉียนของเราให้คุณรู้จัก หลังจากนั้นคุณสามารถคุยกับเธอเกี่ยวกับพื้นที่เพาะปลูกได้”

จากนั้นเธอก็เรียกหลินฟางจือมา เธอต้องไปกลับสองรอบ เพื่อที่จะส่งพวกเขากลับไปที่เถาหยาง

แม้จะเป็นครั้งที่สอง แต่อู๋เจิ้นก็ยังรู้สึกว่ามันมหัศจรรย์ เขาหลับตาลงและเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็ข้ามมาอีกที่หนึ่ง

ซูเถาเรียกผู้จัดการแต่ละฝ่ายมาที่โรงอาหาร เมื่อเธอจัดอาหารเสร็จ จากนั้นเธอก็ซื้ออาหารร้อนจำนวนมากจากตู้จำหน่ายอัตโนมัติ และจัดวางไว้บนโต๊ะ

อู๋เจิ้นรู้ว่าซูเถากำลังแนะนำเขาอย่างเป็นทางการกับทุกคน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเขินอายและทำตัวไม่ถูก

จวงหว่านเป็นคนแรกที่มาถึง เมื่อเธอเห็นจานผักสดสีเขียวร้อน ๆ เธอเบิกตากว้างแล้วถามว่า

“คุณป้าเฉินเป็นคนผัดเหรอ แต่ก็ดูไม่เหมือนนะ เธอน่าจะทำแต่ผักกาดแก้วผัดน้ำมันหอยเป็น”

ซูเถากล่าวว่า “นำมาจากภูเขาผานหลิว พ่อครัวฉินเป็นคนผัด เขาเป็นพ่อครัวในโรงแรมก่อนวันสิ้นโลก แล้วเฉินซี เฉินหยางล่ะคะ? แล้วก็เรียกคุณหมอจงมาด้วยนะ”

จวงหว่านเรียกทุกคนมาหมดแล้ว เมื่อเธอเห็นอู๋เจิ้นจากทางด้านหลัง เธอก็ถามซูเถาด้วยเสียงเบา

“เขาเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ดูเป็นคนปกติขึ้นมาก”

ซูเถาเลิกคิ้วและพยักหน้า

จวงหว่านจับจ้องไปที่เจ้านายของเธออีกครั้ง “คุณทำได้ยังไง? วันนั้นฉันเห็นว่าเขาเหมือนจะตายให้ได้ ฉันเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้เลยจริง ๆ”

ซูเถากล่าวว่า “เขายังมีบางสิ่งที่เขาเป็นห่วง และเขาแค่ต้องการใครสักคนที่จะเตือนเขา”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ทุกคนก็ทยอยมาถึง

ก่อนมื้ออาหาร ซูเถาแนะนำอู๋เจิ้นให้กับทุกคนอย่างเป็นทางการ

ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น อู๋เจิ้นรู้สึกถึงความรู้สึกมีคุณค่าและการยอมรับที่สูญเสียไปนาน มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกที่ถูกกักขังไว้ในสวนหลังบ้านโดยกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในโส่วอัน

ช่วงเวลานี้เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา

เฉียนหลินสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าอู๋เจิ้นนั้นแตกต่างออกไป ราวกับว่าจิตวิญญาณของเขากลับสู่ตำแหน่งเดิม และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง

เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณอู๋ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณได้ร่วมงานกับเถาหยาง อันที่จริง เราตั้งตารอคุณมานานแล้ว และในที่สุดวันที่เรารอคอยก็มาถึง”

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ขยิบตาให้ซูเถา ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ธรรมดาจริง ๆ ที่สามารถทำให้คนที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่นั้นกลับมาได้

อู๋เจิ้นรู้สึกยินดี “ไม่หรอกครับ ผมต้องขอบคุณเถ้าแก่ซูที่ให้โอกาสผม ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าร่างของคนที่ชื่ออู๋เจิ้นจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว”

ซูเถาตบมือเรียกสติของทั้งสองคน “เรื่องของผักที่จะทำการเพาะปลูกก็จะมอบหมายให้คุณดูแล เป้าหมายแรกคือเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เช่าทั้งหมดในเถาหยางและภูเขาผานหลิว ต้องจัดหาผักให้ได้ประมาณ 30 รายการทุกวัน ได้ไหมคะ?”

เฉียนหลินเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ร่วมงานกับคุณอู๋มันจะสำเร็จอย่างแน่นอน”

อู๋เจิ้นพยักหน้า “ผมทำได้มากกว่านั้น”

ซูเถาฟังคำพูดที่แน่วแน่ของเขา แล้วมองไปที่ห้องเพาะปลูกเรือนกระจกพลางถอนหายใจยาวด้วยความพอใจ

เถาหยางจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

หลังอาหารเย็น จวงหว่านรีบจัดการหาผู้เช่าใหม่เพื่อย้ายเข้า

คืนนั้นซูเถาได้รับค่าเช่าเดือนแรกจำนวน 7 ห้อง เป็นห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น รวมเป็นเงิน 560,000 เหลียนปัง

ทำให้เงินฝากของเธอสูงถึง 1.28 ล้านเหลียนปัง

ทำลายสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง!

เธอโอนเงิน 200,000 เหลียนปังไปยังบัญชีกลางที่เฉียนหรงหรงเป็นคนดูแล

เฉียนหรงหรงยังไม่นอน เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงเมื่อได้รับเงินจำนวนมหาศาล และรีบส่งข้อความไปสอบถามทันที

ซูเถาตอบว่า

“ในอนาคต หากคนของเราต้องการใช้เงิน สามารถมาทำเรื่องเบิกเงินกองกลางหรือเงินกองทุนสาธารณะผ่านเธอได้ แต่ต้องเป็นคำขอที่สมเหตุสมผล เช่น การซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับการเพาะปลูก หรือป้าคนทำความสะอาดจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในการทำงาน หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ทำความสะอาด ตราบใดที่มันสมเหตุสมผล ใคร ๆ ก็สามารถมาทำเรื่องได้”

เฉียนหรงหรงรู้สึกตื่นเต้นกับความไว้วางใจอันยิ่งใหญ่นี้ และพยักหน้าอย่างรุนแรง

“ฉันจะตรวจสอบเงินกองกลางนี้อย่างรอบคอบ และไม่ยอมเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่เหลียนปังเดียว!”

ซูเถายิ้ม “ฉันเชื่อเธอ นี่มันก็ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”

หลังจากวางสาย ซูเถาถอนหายใจอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเธอยังมีเงินออมมากกว่าหนึ่งล้านเหลียนปัง

แต่เมื่อมีเงินมากขึ้น เธอก็ยั้งมือไว้ไม่อยู่

หลังจากอัปเกรดร้านค้าตกแต่งบ้านก่อนหน้านี้ มีเครื่องใช้อัจฉริยะในบ้านที่สะดวกสบายมากมาย

วันนี้เธอวางแผนที่จะเพิ่มสิ่งใหม่ให้กับห้องของเธอ

ตัวแรกคือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ แต่ก่อนตอนที่ฟางจือยังไม่มา เธอต้องเป็นคนทำเอง ห้องก็ใหญ่และยังมีสัตว์เลี้ยง การทำความสะอาดทำให้เธออยากจะบ้าตาย

เมื่อฟางจือมาก็กลายเป็นเขาที่เป็นคนรับหน้าที่นี้ ทำได้สะอาดทีเดียว แต่เธอไม่ต้องการให้ฟางจือเป็นพ่อบ้าน และเธอไม่ต้องการให้เขาใช้เวลามากมายกับงานบ้านทุกวัน

ดังนั้น ไม่เพียงแต่ซื้อถังขยะเซนเซอร์ หุ่นยนต์ควบคุมระบบของบ้าน ม่านไฟฟ้า โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ และอื่น ๆ อีกมาก

เธอเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เกือบทั้งหมด อะไรก็ตามที่สามารถแทนที่ด้วยเครื่องใหม่ได้

แน่นอนว่าราคาก็น่าประทับใจมาก เธอใช้จ่ายให้กับห้องพักของเธอไป 20,000 เหลียนปัง

แต่คุ้มค่าและเธอก็มีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

เธอวางแผนที่จะตกแต่งห้องใหม่ชุดต่อไปตามมาตรฐานนี้ และค่าเช่าก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เมื่อหลินฟางจือกลับมา เขาเห็นห้องที่เปลี่ยนไปอย่างมากก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อดูหมายเลขห้องด้วยความงุนงง คิดว่าเขาทำผิดพลาด

ซูเถาดึงเขาเข้ามา ในขณะที่เขาเอาแต่จ้องมองหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะและเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับอย่างละสี่ตัว เธอพูดกับเขาว่า

“ไม่ต้องมองแล้ว มันคือครอบครัวของเรา พรุ่งนี้นายเอาสิ่งเหล่านี้ไปให้ป้าชี ให้เธอแจกจ่ายมันให้กับป้าทำความสะอาดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน”

หลินฟางจือตอบรับ เขานำของทั้งหมดจัดเก็บไว้ในห้วงมิติของเขา และเข้าไปในห้องเพื่อมองไปรอบ ๆ

หลังจากเรียนรู้วิธีใช้อุปกรณ์สมาร์ตโฮมทุกประเภทแล้ว ซูเถาก็ดูเขาตีกลองอย่างมีความสุขก่อนเข้านอน เขาเล่นมันอย่างสนุกสนาน

เฮ้อ เด็กคนนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นเฉียนหรงหรง มาหาซูเถาโดยที่ใบหน้าของเธอยังคงมีความกังวลเล็กน้อย

“พี่เถาจื่อ มีอะไรผิดปกติกับบัญชีของภูเขาผานหลิวหรือเปล่า? เมื่อวานมีเงินเพิ่มขึ้นอีก 20,000 เหลียนปังในบัญชี? สองสามวันก่อนก็มีเงินทยอยเข้ามาไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเหลียนปัง”

ซูเถาชำเลืองมองท่าทางของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เป็นรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มที่ภูเขาผานหลิว เมื่อวานรายได้ยังไม่มากเท่าไหร่ และขายอาหารได้เพียงสิบกว่าจานเท่านั้น แต่ในอนาคตมันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ”

เฉียนหรงหรงอ้าปากกว้าง “…ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นรายได้จากการจัดเลี้ยง แต่นี่มันมากเกินไป อาหารหนึ่งจานมีราคาถึงหนึ่งถึงสองพันเหลียนปังเลยเหรอ?”

ตอนเธอยังเด็ก เธอกับแม่เคยไปร้านอาหารที่ตงหยาง และผัดผักจานหนึ่งมีราคาถึง 500 เหลียนปัง