ตอนที่ 128-2 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (2)

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 128 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (2)

ตอนที่ 128 เปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบ (2)

เฉียนหลินดีดหน้าผากของเธอ “เด็กโง่ เธอคิดว่ามันคือครึ่งปีก่อนเหรอ ตอนนี้ผลผลิตของพืชผลจากฐานต่าง ๆ ลดลงอย่างมากเนื่องจากสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง ของหายากและมีราคาแพงขึ้น ราคาน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

“มันมีให้ซื้อมีให้กินก็ดีมากแล้ว ตอนนี้ผักเป็นสิ่งล้ำค่าและหายาก เถ้าแก่ซูเป็นคนมีมโนธรรมมาก เธอไม่ขายราคาที่สูงเกินไป อาหารจานละสามพันก็ถือว่าเป็นราคาที่ไม่โหด”

เฉียนหรงหรงไม่รู้จริง ๆ เพราะเธออาศัยอยู่ในเถาหยางมานานแล้ว และคุณภาพชีวิตที่ดีทำให้เธอขาดการติดต่อกับโลกภายนอกเล็กน้อย

ที่แท้โลกภายนอกก็ขาดแคลนเสบียงจนหมดสิ้น

โชคดีที่เธอและแม่อยู่ในเถาหยาง ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะอยู่ได้อย่างไร

เธอมองไปที่ซูเถาด้วยความซาบซึ้ง “ฉันเข้าใจแล้วพี่เถาจื่อ งั้นฉันขอไปรวบรวมบัญชีก่อนนะ”

เฉียนหลินโบกมือให้ลูกสาวของเธอกลับไปที่ห้องทำงาน แล้วพูดกับซูเถา

“เถ้าแก่ เมื่อวานฉันคุยกับอู๋เจิ้น เราต้องการซื้อเมล็ดพืชจำนวนหนึ่ง แต่ตอนนี้เมล็ดพืชหายากมาก ถ้าเราต้องการหาซื้อต้องไปถึงซ่างจิง เราจึงสงสัยว่าจะหาทีมขนส่งไปที่นั่นได้หรือเปล่า?”

ซูเถาคิดถึงจางหลินและพวกที่อาศัยอยู่ที่ภูเขาผานหลิวทันที คนเหล่านี้มักจะวิ่งขนส่งไปทางเหนือและทางใต้ไม่ใช่เหรอ?

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่ภูเขาผานหลิวกับฉัน ฉันจะแนะนำคุณให้รู้จักกับคนในทีมขนส่ง จากนั้นคุณคุยรายละเอียดกับพวกเขา แล้วถ้าต้องการเงินเท่าไหร่ก็แจ้งความจำนงกับหรงหรงได้เลยค่ะ”

เฉียนหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “หรงหรงคือกระเป๋าเงินของเราจริง ๆ แต่เธอขี้เหนียวมาก ดูเหมือนว่าฉันต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อต่อรองกับเธอ”

หลังอาหารกลางวัน ซูเถาพาหลินฟางจือที่จบคาบเรียนในตอนเช้ามาด้วย ก่อนจะบอกให้เขาส่งผักของวันนี้ให้พ่อครัวฉิน เธอต้องไปกลับภูเขาผานหลิวสองครั้งเพื่อทำการรับ-ส่งเฉียนหลินกับหลินฟางจือ

ในอดีตเธอไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ช่วงนี้เธอไม่เพียงพบว่ามันลำบากมากเท่านั้น แต่ยังรู้สึกวิงเวียนในบางครั้งอีกด้วย

ซูเถาได้แต่แอบบ่นอุบอิบในใจ ก่อนที่จะมีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็พาเฉียนหลินเข้าไปในโรงแรม

เมนูในวันนี้เป็นเมนูเนื้อทั้งหมด ที่ห้องอาหารยังมีคนต่อแถวยาวเหมือนเดิม คนเยอะและเสียงดังกว่าเมื่อวาน

พ่อครัวฉินกำลังปรุงอาหารในหม้ออยู่ที่ครัวด้านหลัง เปลวไฟลุกโชน เขาดูเชี่ยวชาญกว่าเมื่อวานมาก

เฉียนหลินได้กลิ่นหอมและอดไม่ได้ที่จะถามว่า

“เถ้าแก่ ขอสวัสดิการพนักงานหน่อยได้ไหม ฉันอยากไปต่อคิวซื้อบ้าง กลิ่นมันหอมยั่วยวนเหลือเกิน”

ซูเถารู้สึกขบขัน ก่อนจะกวักมือเรียกหม่าต้าเพ่าเพื่อบอกเขาว่าให้บอกพ่อครัวฉินว่าขอห่อกลับบ้านหนึ่งที่

หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาของพ่อครัวฉินก็ออกมาจากครัวด้านหลังพร้อมกล่องอาหารกลางวัน และยื่นมันให้กลับซูเถา

หลังจากที่เธอเดินออกไป ซูเถาก็ถามหม่าต้าเพ่า

“ภรรยาของพ่อครัวฉินดูเหมือนจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ไม่มีอาการทางสติปัญญาที่มองเห็นได้ชัด ฉันเพิ่งเห็นว่าการบรรจุอาหารเพื่อห่อกลับบ้านของเธอค่อนข้างราบรื่น เธอเป็นคนที่ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีทีเดียว”

หม่าต้าเพ่ากล่าวว่า “ผมได้ยินจากพ่อครัวฉินว่าเธอมี IQ เท่ากับเด็กอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น แต่เธอสามารถช่วยแบ่งเบาพ่อครัวฉินได้ในบางเรื่อง บางครั้งเธอก็ช่วยป้าแม่บ้านปัดกวาดเช็ดถู ผมยังเห็นเธอทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับแขกอีกด้วย เธอเป็นคนขยันขันแข็งไม่น้อยเลยครับ”

ซูเถาพูดทันที “ฉันว่าเธอดีอยู่นะคะ แถมมีความสุภาพด้วย ฉันคงไม่สามารถให้เธอทำอะไรโดยเปล่าประโยชน์ เดี๋ยวรบกวนคุณบอกพ่อครัวฉินให้ด้วยว่า ฉันจะจ่ายค่าจ้างให้ภรรยาของเขาเดือนละสองพัน”

หม่าต้าเพ่ามีความสุขมาก “ผมขอขอบคุณแทนพ่อครัวฉิน คุณใจดีจริง ๆ”

ตราบใดที่ทำสิ่งดี ๆ และปฏิบัติต่อกันอย่างดี เถ้าแก่ซูจะไม่ปฏิบัติต่อใครอย่างเลว ร้าย!

เฉียนหลินก็มีความคิดเช่นเดียวกันในใจของเธอ และมันทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งมาก

คิดไม่ถึงว่าพื้นที่เพาะปลูกตงหยางจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น

เธอนัดทีมขนส่งจากโส่วอันที่ระเบียงชั้นสองเพื่อคุยรายละเอียด หลังจากได้ยินความตั้งใจ จางหลินก็รู้สึกละอาย

“ผู้จัดการเฉียน พูดตามตรง ในช่วงเดือนนี้เราไม่ต้องการรับงานใด ๆ เราแค่ต้องการกินดื่มและพักผ่อนในภูเขาผานหลิว นานแล้วที่เราไม่ได้พบกับสถานที่ที่สะดวกสบายแบบนี้ ขออภัยจริง ๆ แต่ผมสามารถแนะนำคุณให้รู้จักกับทีมขนส่งอื่น ๆ ได้”

เมื่อเฉียนหลินเห็นว่าพวกเขาอิ่มเกินกว่าจะเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงคิดว่ามันตลกมาก “เอาแบบนั้นก็ได้ ขอบคุณนะคะ”

เมื่อเห็นรอยยิ้มในดวงตาของพวกเขา จางหลินก็เกาหัว

“ผมล้อเล่น คุณรีบไหม ถ้าคุณไม่รีบ รอให้พวกเขามาที่ภูเขาผานหลิวเพื่อคุยกันต่อหน้า ผมบอกพวกเขาว่าต้องมาที่ภูเขาผานหลิวเพื่อใช้ชีวิตสักครั้ง ถ้ามาทางใต้ต้องแวะมาไม่งั้นจะเสียใจไปครึ่งชีวิต”

ไว้ลองพูดคุยรายละเอียดกันก่อน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

ซูเถาส่งเฉียนหลินที่รับอาหารเสร็จแล้วกลับไปที่เถาหยาง แล้วกลับมารับหลินฟางจืออีกรอบ

หม่าต้าเพ่าต้องการไปเดินเล่นในเถาหยาง แต่ซูเถาปฏิเสธเขา

ปัญหามากเกินไป มันจะทำให้เธอเวียนหัว

ตอนนี้หลินฟางจือต้องไปกลับทุกวัน และในอนาคตก็น่าจะถี่ขึ้น ทุกครั้งต้องมีเธอเป็นคนกลางคอยพาไปกลับ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ทุกคนสามารถเทเลพอร์ตด้วยตัวเองเหมือนเธอได้หรือเปล่า?

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือนที่หายไปนาน

[โฮสต์สามารถเปิดฟังก์ชันเพิ่มรายชื่อเคลื่อนย้ายในระบบได้ ทุกเดือนต้องการผลึกนิวเคลียสเลเวล 2 หนึ่งชิ้น และไม่จำกัดจำนวนคนและจำนวนการเคลื่อนย้าย]

[ขออนุญาตสอบถาม โฮสต์ต้องการเปิดฟังก์ชันหรือไม่? ]

ซูเถาอ้าปากกว้าง มีฟังก์ชันแบบนี้ด้วยเหรอ?

เธอลังเลอยู่สองวินาทีและนำผลึกนิวเคลียสมาจากหลินฟางจือ

“เปิด”

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ รายชื่อการเคลื่อนย้ายแบบอัตโนมัติเปิดขึ้นแล้ว คุณสามารถคลิกที่คำว่าการเคลื่อนย้ายบนจอแสดงผลเพื่อเข้าสู่รายการได้]

ซูเถาเข้าสู่จอแสดงผลของรายการ และทำตามคำแนะนำเพื่อโหลดข้อมูลของหลินฟางจือ

ภายในห้าวินาที ชื่อของหลินฟางจือก็ปรากฏขึ้น

[ประตูเคลื่อนย้าย x1 โปรดเลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับโฮสต์ที่จะวาง และผู้คนในรายชื่อสามารถผ่านประตูเคลื่อนย้ายได้]

ซูเถามองไปรอบ ๆ และตัดสินใจวางประตูไว้ด้านหลังเถาหยาง

ผู้ที่อยู่ในรายการเคลื่อนย้าย สามารถเทเลพอร์ตไปยังภูเขาผานหลิวผ่านประตูนี้

คนที่ไม่อยู่ในรายชื่อไม่สามารถผ่านประตูได้

หลังจากวางแล้วซูเถาก็เรียกหลินฟางจือ

“ผลักประตูแล้วเข้าไป”

หลินฟางจือเชื่อฟังคำพูดของเธอเสมอ แม้ว่าจะมีหายนะอยู่หลังประตูบานนี้ เขาก็จะเข้าไปโดยไม่รีรอ

เขาผลักประตูออกไป และรู้สึกถึงแสงสีขาววาบขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา แต่เมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง เขาก็มาถึงเชิงเขาผานหลิว

ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

หม่าต้าเพ่าบังเอิญเห็นเขาและโบกมืออย่างตื่นเต้น “น้องหลินยังไม่ไปเหรอ? เอ๊ะ? ทำไมจู่ ๆ ถึงมีประตูมาที่นี่ล่ะ?”

หลินฟางจือกลับมารู้สึกตัว “จะไปเดี๋ยวนี้”

เขาหันหลังกลับ ผลักประตู แล้วหายไป

แน่นอนว่าแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็กลับมาที่เถาหยางแล้ว

ซูเถาลูบหัวของเขา “นายไม่กลัวใช่ไหม จากนี้ไป เมื่อต้องไปที่ภูเขาผานหลิว นายสามารถไปจากตรงนี้ได้ ไม่ต้องให้ฉันพาไป เข้าใจไหม?”

แม้ว่าหลินฟางจือจะไม่เต็มใจที่จะแยกกับเธอ แต่เขาก็ยังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ในอีกด้านหนึ่ง หม่าต้าเพ่าวิ่งเหยาะ ๆ มองขึ้นลงประตูที่จู่ ๆ ก็โผล่มา เขาค่อนข้างงุนงงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มผลักและดึงประตูอย่างแรง แต่มันก็เปิดไม่ได้

ซูเถาเห็นเขาหน้าแดงจากความพยายามในครั้งนี้ จึงเพิ่มรายชื่อของเขาลงในรายการเคลื่อนย้ายโดยไม่พูดอะไร

สุดท้าย ความพยายามของหม่าต้าเพ่าก็สำเร็จ และประตูถูกเปิดออก