บทที่ 114 ลงมือด้วยตัวเอง (ปลาย)
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ต้องประหลาดใจเพราะในตอนที่เขาสัมผัสร่างของนาง เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างของนางนั้นเย็นเป็นอย่างมาก มันเย็นจนเหมือนว่าเขาจับก้อนน้ำแข็งอยู่ยังไงยังงั้น
“เจ้าบอกว่าดอกบ๊วยสิบสองเป็นคนที่ทำให้เจ้าถูกฟ้าผ่า เจ้ามีหลักฐานอะไรไหม” ฉู่ชูเหยียน ถามขึ้น
“เขาสารภาพกับมันเอง” เมื่อเห็นว่า ฉู่ชูเหยียน ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เสวี่ยเอ๋อร์ ซูอันก็เริ่มจะกังวลแล้วว่า หรือว่าภรรยาของเขาจะอยากให้เขาตายด้วยเช่นกันโดยการยืมมือของ เสวี่ยเอ๋อร์ ในการกำจัดเขา?
“แล้วตอนนี้ดอกบ๊วยสิบสองอยู่ที่ไหน?”
“เขาตายแล้ว เขาถูกหมาป่ากินเข้าไป”
“…”
“เจ้าไม่มีแม้แต่หลักฐานในมือ แล้วเจ้าจะคาดหวังให้คุณหนูเชื่อคำพูดของเจ้าเนี่ยนะ!?” เสวี่ยเอ๋อร์ตะโกนลั่น
ในที่สุด ฉู่ชูเหยียน ก็หยุด เสวี่ยเอ๋อร์ ให้เลิกไล่ตาม ซูอัน ก่อนจะพูดว่า “เสวี่ยเอ๋อร์พูดถูก แม้ว่าสำนักดอกบ๊วยจะขึ้นชื่อเรื่องความชั่วช้า แต่ถ้าหากเราไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอ เราก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้มากนัก”
“คุณหนู ข้าคิดว่าผู้ชายคนนี้มันแค่พูดพล่ามไร้สาระ! เหตุใดสำนักดอกบ๊วยจึงต้องเสี่ยงที่จะยั่วยุตระกูลฉู่ของเราเพื่อที่จะจัดการกับเขา?” เสวี่ยเอ๋อร์ เอ่ยขึ้นพลางหอบหายใจ ตอนนี้นางรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่าความเร็วของ ซูอัน นั้นมันไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย!
ฉู่ชูเหยียน พยักหน้าเล็กน้อยเห็นด้วยกับความคิดของ เสวี่ยเอ๋อร์
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูอันรู้สึกเสียใจที่ฆ่าดอกบ๊วยสิบสองเร็วไป เขาควรจะให้ดอกบ๊วยสิบสองเขียนคำสารภาพก่อนตายหรืออะไรสักอย่างที่มันจะยืนยันคำพูดของเขาได้ทิ้งเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะคิดได้เช่นนี้ หากย้อนกลับไป ดอกบ๊วยสิบสอง ก็คงไม่เขียนอะไรแบบนั้นให้เขาแน่นอนอยู่แล้วดังนั้นต่อให้คิดเสียใจในตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี
“แม้ว่าข้าจะไม่มีหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับดอกบ๊วยสิบสอง แต่เมื่อตอนเย็นที่หน้าสถาบัน ดอกบ๊วยสิบสามมาหาข้าและขู่ข้าว่าจะตัดแขนขาของข้าและหั่นเนื้อของข้าออกเป็นชิ้น ๆ และเอาให้สุนัขกินซึ่งในตอนนั้นมีผู้คนมากมายที่ได้ยินเช่นกัน อย่างน้อย ๆ เรื่องนี้ถ้าเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามคนอื่น ๆ เอาได้!”
“ทำไมจู่ๆ ดอกบ๊วยสิบสามถึงต้องไปอยู่ที่หน้าสถาบันเพื่อข่มขู่เจ้า? ในความเห็นของข้า ข้าคิดว่าเจ้าคงไปทำอะไรให้พวกเขาตามล่าตัวอยู่แน่ ๆ ใช่ไหม?” เสวี่ยเอ๋อร์คว้าแขนของ ฉู่ชูเหยียน พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย ซูอัน
ซูอัน ส่งยิ้มมีเลศนัยให้กับ เสวี่ยเอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “เอ…เสวี่ยเอ๋อร์ ทำไมข้ารู้สึกว่าตั้งแต่ที่ข้าพูดถึงสำนักดอกบ๊วย เจ้าก็พยายามพูดให้ฝั่งนู้นพ้นคำกล่าวหามาตลอดเลย มันเป็นไปได้รึเปล่าที่เจ้าเองก็บังเอิญมีความสัมพันธ์กับคนพวกนั้นเหมือนกัน?”
เสวี่ยเอ๋อร์ สะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบไปมองที่ ฉู่ชูเหยียน โดยไม่รู้ตัว พร้อมกับรีบตอบกลับว่า “ข้าจะไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นได้อย่างไร? ข้าแค่ทนไม่ได้ที่เจ้าพยายามใส่ความคนนู้นคนนี้ไปทั่วก็เท่านั้น!”
“ข้าบอกแล้วไงว่าเหตุการณ์ในวันนี้ที่หน้าสถาบันมีคนเห็นจำนวนมาก ดังนั้น เหยียนเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าสามารถเดินไปถาม ฮวนเจาเอาก็ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะวันนี้นางก็ยืนอยู่กับข้าด้วยนางสามารถยืนยันได้ว่าคำที่ข้าพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือว่าโกหก” ซูอัน พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เริ่ม
จะรำคาญ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ชูเหยียน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “สำนักดอกบ๊วยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่เข้าใจว่าพวกเขามีใครหนุนหลังอยู่บ้าง นอกจากนี้ แม้ว่าพ่อของข้าเป็นจะเป็นอ๋อง แต่เขาก็ไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและหากพวกเราทำอะไรด้วยตัวเองรุนแรงเกินไปมันจะกลายเป็นผลเสียต่อพวกเราเอง ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้จึงอาจจะต้องเป็นการเฝ้าระวังไปก่อน”
ซูอัน สบถออกมาในลำคอพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ข้าล่ะเชื่อเลยจริงๆ กับอีแค่องค์กรใต้ดินเล็กๆ แค่นี้เจ้ายังไม่มีปัญญาจัดการทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นตระกูลอ๋องแท้ ๆ ข้าล่ะรู้สึกอนาถใจแทนเจ้าจริง ๆ!”
“…” ฉู่ชูเหยียน
เสวี่ยเอ๋อร์ เท้าสะเอวชี้หน้าซูอันแล้วโวยวายทันที “นี่มันจะมากไปหน่อยแล้วนะไอ้คนปากหมา! ถ้าเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและการเมืองการปกครองภายในอาณาจักรเจ้าก็ควรจะหุบปากไปซะ เจ้าไม่รู้หรอกว่าผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงมักจะใช้ชีวิตเหมือนกับเหยียบอยู่บนน้ำแข็งบาง ๆ ตลอดเวลา! หยุดพูดเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ซะ ถ้าเจ้าไม่รู้อะไรเลย!”
ซูอัน ชำเลืองมองนางและพูดว่า “ใช่ เจ้ารู้ทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่อย่างมากที่สุดเจ้าก็เป็นได้แค่สาวใช้”
เส้นเลือดปูดออกมาจากขมับของ เสวี่ยเอ๋อร์ ทันที นางหันไปหา ฉู่ชูเหยียน และถามด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณหนู ขอเถอะ โปรดอนุญาตให้ข้าฆ่าเขาเถอะนะคุณหนู ข้าขอร้อง!”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +367!
ฉู่ชูเหยียน หัวเราะเบา ๆ “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เจ้าต้องให้เกียรติเขาบ้าง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลฉู่ และอีกอย่างวิธีที่เจ้าสองคนทะเลาะกันมันดูเหมือนว่าพวกเจ้าเป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุเลยเจ้ารู้หรือเปล่าเสวี่ยเอ๋อร์สะดุ้งด้วยความสยดสยอง พร้อมกับร้องออกมาอย่างไม่พอใจ “ใครกันจะอยากเป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุกับเขา! คุณหนู ท่านไม่ควรเล่นมุกตลกแบบนี้!”
โดยไม่สนใจเสวี่ยเอ๋อร์ว่ากำลังแหกปากอย่างไร ซูอัน หันไปหา ฉู่ชูเหยียน และพูดกับนางว่า “ถ้างั้นก็ช่างมันไปก็แล้วกัน ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าตระกูลฉู่ นั้นไม่สามารถพึ่งพาได้ เดี๋ยวข้าจัดการกับคนพวกนั้นตามแบบของข้าเองก็แล้วกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ยังคงต้องการให้เจ้าสนับสนุนข้า”
สำนักดอกบ๊วยได้ส่งดอกบ๊วยสิบสองและดอกบ๊วยสิบสามมาเอาชีวิตของเขาแล้ว ซูอัน ไม่ใช่คนประเภทที่จะอยู่เฉยๆยอมโดนกระทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นเขาจึงเริ่มความคิดที่จะชิงทำลายสำนักดอกบ๊วยก่อน
“สนับสนุน?” ฉู่ชูเหยียน ขมวดคิ้ว
“ถูกต้องข้าต้องการให้เจ้าสนับสนุนข้า” ซูอัน อธิบาย “เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าเดินทางไปหาพวกสำนักดอกบ๊วย และไม่ต้องเป็นห่วงข้าไม่ต้องการให้เจ้าลงมือทำอะไรทั้งนั้น เจ้ามีหน้าที่แค่ปกป้องให้ข้าปลอดภัยก็พอ”
เสวี่ยเอ๋อร์ พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าคุณหนูไม่ต้องทำอะไร แต่การที่เจ้าพานางไปด้วยมันก็เหมือนกับว่าเจ้าใช้ชื่อคุณหนูในการเล่นงานสำนักดอกบ๊วยอยู่ดีไม่ใช่เหรอไง?”
ซูอัน ไม่สนใจท่าทีของ เสวี่ยเอ๋อร์ เขาตอบกลับแบบด้วยท่าทางสบาย ๆว่า “อันที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อตระกูลฉู่ในการเล่นงานสำนักดอกบ๊วยเลยแม้แต่น้อย ที่ข้าจำเป็นต้องพาภรรยาของข้าไปด้วยเพราะข้าเกรงว่า ข้าจะเล่นงานพวกสำนักดอกบ๊วยหนักเกินไปจนพวกเขาต้องหันไปใช้แผนรับมือสุดท้ายกับข้า”
“อย่างเจ้าเนี่ยนะจะเล่นงานสำนักดอกบ๊วยได้จนพวกเขาต้องใช้แผนรับมือสุดท้ายของพวกเขากับเจ้า? เจ้านี่ช่างเป็นคนที่เพ้อพกจนข้าอยากจะขำข้ามวันจริง ๆ !” เสวี่ยเอ๋อร์ หัวเราะเยาะ
ในทางกลับกัน ฉู่ชูเหยียน กลับพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า แต่ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าการไปของข้าครั้งนี้ข้าไปในนามของข้าเองคนเดียวไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูล ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้รับการสนับสนุนใด ๆ จากตระกูลฉู่ ในเรื่องนี้”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ต้องการให้ตระกูลของเจ้ามาสนับสนุนข้าหรอก”
ในที่สุดเรื่องที่ ซูอัน หนักใจที่สุดก็หมดไป เมื่อเขามี ฉู่ชูเหยียน อยู่ข้างกาย เขาก็ไม่ต้องกังวลกับความปลอดภัยในชีวิตของตัวเองอีกต่อไป”
“เจ้ามีแผนอะไรกันแน่?” เสวี่ยเอ๋อร์ ถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
ความมั่นใจของ ซูอัน ได้จุดประกายความอยากรู้ของนาง
“ไม่สนุกแน่ถ้าบอกก่อน” ซูอัน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ เสวี่ยเอ๋อร์ ก่อนที่จะหันไปหา ฉู่ชูเหยียน และแสดงท่าทางเชิญชวน “ชูเหยียน ตามข้ามาได้เลย!”