บทที่ 31 ของในกำมือ

บัลลังก์ชายาหมอเทวดา

บทที่ 31 ของในกำมือ

นางโจวกุมหน้า มองเย่เจียหยูอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา คิดไม่ถึงว่าหลานสาวที่ดูอ่อนแอจะทำร้ายนางได้!
เป็นจริงตามคำที่กล่าวว่าสุนัขที่ไม่เฮ่ากัดคนเก่งที่สุด!
นางเองก็ไม่ยอม ชี้หน้าด่าเย่เจียหยูแล้วบอกฮูหยินเฒ่า:
“ท่านแม่ ท่านอย่าฟังนางพูดจาเหลวไหล นายน้อยลั่วไม่ได้ชมชอบนาง ตั้งแต่นายน้อยลั่วเดินเข้ามาในตระกูลเย่ ไม่แม้แต่จะมองนาง นางคิดเอาไว้ คิดว่าผู้ชายทุกคนล้วนชอบนาง! ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!”
เย่เจียหยูถูกนางโจวด่าจนสีหน้าซีดขาว
นางเสิ่นเห็นลูกสาวโดนด่าทอ จึงไม่ยอมแพ้ เอามือเท้าเอวแล้วด่าทอ:
“นางโจวเจ้าพูดจาเหลวไหล นายน้อยลั่วเชิญมารักษายากเช่นนี้ เหตุใดจึงตามน้องหยูมาที่จวน? น้องหยูเป็นผู้หญิงอ่อนโยน ผู้ชายคนใดบ้างที่จะไม่ชอบนาง เพราะเจ้าอาละวาดราวกับสตรีบ้า ทำตัวขายหน้า จึงทำให้นายน้อยลั่วรังเกียจน้องหยู! ตอนนี้เจ้าคือคนบาปของตระกูลเย่ของพวกเรา!”
เย่เจียหยูพูดด้วยความเสียใจ:
“ท่านย่า ข้าคุกเข่านานเกือบสองชั่วยาม จึงทำให้นายน้อยลั่วปรากฏตัว ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เขามีใจหรือไม่มีใจให้ข้า การที่เขาถอนพิษให้ท่าน ท่านย่าไม่เป็นอะไรแล้ว น้องหยูก็วางใจ แค่ว่าพี่สะใภ้สามอยากจะแย่งกุญแจมาจากท่านย่า ทั้งยังด่าทอข้า ทำให้ข้าเสียใจยิ่งนัก”
“ชั้นต่ำจริงๆ! น้องหยูคุกเข่าตั้งนานกว่าจะได้หมอเทวดามารักษาข้า แต่เจ้ากลับทำลายความสัมพันธ์ของนางกับนายน้อยลั่ว! ข้ายังไม่ตาย เจ้าก็อยากเอากุญแจไปจากข้าแล้ว อยากให้ข้าโมโหจนตายใช่หรือไม่?”
ฮูหยินเฒ่าไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก รู้สึกว่านางโจวช่างอกตัญญูจริงๆ
“เจ้าสามล่ะ!”
ขณะที่นางกำลังจะลงโทษนางโจว เพิ่งสังเกตเห็นว่าลูกชายคนที่สามของตนหายหน้าหายตา
นางถูกวางยาพิษ แต่ลูกชายกลับหายไป
“ท่านอาสามออกไปแต่เช้ากระทั่งเวลานี้ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าไปทำอะไร”
เย่เจียหยูพูดเสียงเบา
“ชั่วช้ายิ่งนัก!”
สีหน้าของฮูหยินเฒ่าเหี้ยมเกรียม
“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเลย ประเดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้ สิ่งสำคัญในตอนนี้ สู้พวกกเราเอากุญแจไปเปิดคลังสมบัติกันก่อนเถอะว่าเปิดได้หรือไม่ ข้าคิดว่าที่ท่านแม่ถูกพิษน่าจะเกี่ยวข้องกับคลังสมบัติ มิเช่นนั้นคงไม่บังเอิญแบบนี้”
ท่านรองเย่พูด
เจ้าสามไม่อยู่ก็ยิ่งดี ประเดี๋ยวตอนแบ่งสมบัติก็แบ่งได้น้อยนิด
ฮูหยินเฒ่ารู้สึกว่าถ้อยคำนี้มีเหตุผล ไม่เปิดคลังสมบัติล้วนไม่สบายใจ
เรื่องถูกวางยาพิษไว้กลับมาค่อยสืบ
เมื่อเห็นว่าร่างกายไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ ฮูหยินเฒ่าจึงเดินนำทุกคนไปยังคลังสมบัติ
นางโจวเดินตามหลังด้วยความหน้าด้าน
ฮูหยินเฒ่าหยิบกุญแจออกมา ท่ามกลางแววตาตื่นเต้นดีใจของทุกคน เตรียมที่จะไขกุญแจ
ทว่าผู้ใดจะคาดคิด กุญแจกลับไม่อาจเสียบเข้าไป!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น! กุญแจเป็นของปลอม!”
ฮูหยินเฒ่าโมโหอย่างมาก
“อะไรกัน! กุญแจมีปัญหาเนี่ยนะ!”
ท่านรองเย่ชิงกุญแจกลับมา ลองไข พบว่าใช้งานไม่ได้จริงๆ
เขาโมโหแล้วโยนกุญแจลงบนพื้น
“น้องสี่ให้กุญแจปลอมกับท่านย่าเนี่ยนะ!”
เย่เจียหยูโมโหยิ่งนัก รู้สึกว่าเย่จายซิงกำลังเล่นตลกกับพวกนาง
“กล้าเอากุญแจปลอมมากลั่นแกล้งพวกเรา นางอัปลักษณ์ที่น่ารังเกียจ!”
นางเสิ่นด่าทอ
“ตามตัวหลานทรพีมาให้ข้า!”
ฮูหยินเฒ่าหน้าแดงหน้าดำ
สาวใช้รีบไปตามเย่จายซิง
แต่ว่าพวกนางกำลังจะออกไป ก็มีเสียงใดดังขึ้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดท่านย่าจึงโมโหเช่นนี้?”
เย่เจียหยูเห็นเย่จายซิง ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วพูดเสียงดัง:
“น้องสี่ หากเจ้าไม่อยากให้กุญแจก็พูดตามตรง เหตุใดต้องให้กุญแจปลอมกับท่านย่าด้วย ท่านย่าสุขภาพไม่แข็งแรง หากล้มป่วยเพราะเจ้าจะทำเช่นไร? เจ้ารีบเอากุญแจของจริงออกมา มิเช่นนั้นพี่คนนี้ไม่อาจร้องขอความเมตตาให้เจ้าได้แล้ว”
“พี่รองพูดอะไร เหตุใดข้าจึงไม่เข้าใจ กุญแจปลอมอะไรกัน? กุญแจที่ข้าให้ท่านย่าคือกุญแจที่ท่านพ่อเก็บเอาไว้ให้พวกเรา แล้วจะเป็นของปลอมได้อย่างไร
สีหน้าของเย่จายซิงแสดงความฉงน
“ยังอยากจะเถียงอีก! รีบเอากุญแจของจริงออกมาเดี๋ยวนี้!”
ท่านรองเย่พูดเสียงเหี้ยม
“ท่านอารอง กุญแจที่ข้าให้คือของจริง”
เย่จายซิงขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นกุญแจบนพื้น นางชี้ไปที่กุญแจแล้วพูด:
“พวกท่านใช้กุญแจดอกนี้ในการไข? แต่ว่ากุญแจนี้ไม่ใช่กุญแจดอกเดียวกับที่ข้าให้ท่านย่าเมื่อวาน! กุญแจที่ข้าให้ท่านย่าสลักลวดลายเอาไว้ แต่กุญแจนี้ไม่มี เห็นชัดว่ามีคนเอามาสับเปลี่ยนแล้ว?”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ฮูหยินเฒ่าเพิ่งนึกขึ้นได้ กุญแจดอกเมื่อวานมีลวดลายจริงๆ!
สีหน้าของนางเคร่งขรึมจนแทบจะบีบน้ำออกมาได้ มองไปที่ท่านรองเย่และคนอื่นๆ:
“บอกมา ท่ามกลางพวกเจ้า ผู้ใดเป็นคนสลับกุญแจไป!”
สีหน้าของท่านรองเย่และคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงและถอดสี ไม่มีผู้ใดคิดว่าจะมีคนสลับกุญแจ
“ท่านย่า เมื่อวานพี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สามเฝ้าท่านตลอดทั้งคืน หากมีผู้ใดทำ เช่นนั้นพวกนางสองคนน่าจะได้ยินกระมัง”
เย่จายซิงเจตนาพูด
ฮูหยินเฒ่ามองนางเสิ่นและนางโจวทันที แววตาเปี่ยมไปด้วยความไม่เชื่อใจ
“ท่านแม่ ข้าไม่มีวันขโมยกุญแจ ไม่ใช่ข้าแน่นอน!”
นางโจวพูดเป็นคนแรก กุญแจถูกสลับเปลี่ยน นางย่อมสงสัยนางเสิ่นเป็นคนแรก
“ไม่ใช่ข้าแน่นอน เมื่อวานข้าเฝ้าท่านแม่จนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ความกตัญญูของข้าฟินดินเป็นพยานได้ หากท่านแม่ไม่เชื่อ สามารถให้คนไปค้นได้”
นางเสิ่นพูดสาบานด้วยความจริงใจ
“ช่างน่าแปลกยิ่งนัก หรือว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรผิดปกติเลยหรือ?”
เย่จายซิงสีหน้าฉงน
พูดถึงความผิดปกติ นางเสิ่นคิดบางอย่างขึ้นมาได้:
“ท่านแม่ เมื่อวานท่านสามเย่ถูกงูกัด ข้าให้ฮูหยินของเจ้าสามกลับไปดู แต่ฮูหยินของเจ้าสามกลับให้สาวใช้ไปดู พูดไปแล้ว ตอนนั้นข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย คล้ายสะลึมสะลือไปครู่หนึ่ง แต่ว่าตอนนั้นข้าไม่ง่วงแม้แต่น้อย คงจะไม่ได้มีคนวางยาข้ากระมัง!”
นางพูดและมองไปทางนางโจว คำพูดของนางบ่งชี้ไปที่ผู้ใดไม่จำเป็นต้องพูด
นางโจวอ้าปากกว้าง ด่าทอ:
“พี่สะใภ้รองท่านอย่าพูดจาเหลวไหล ข้ายังสงสัยว่าท่านเป็นคนวางยาข้า อาศัยตอนที่ข้าสติเลือนรางแล้วสลับกุญแจไป! ทว่าเวลานี้กลับอยากจะโยนความผิดให้ข้า! ท่านแม่ ท่านให้คนไปตรวจค้นได้ ข้าบริสุทธิ์ ไม่กลัวถูกค้นเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าไม่เชื่อใครทั้งนั้น นางรู้สึกว่านางเสิ่นและนางโจวน่าสงสัยทั้งสองคน จึงเรียกแม่นมที่คอยปรนนิบัติรับใช้ทั้งสองคนมาก่อน
“ฮูหยินเฒ่า เมื่อวานข้าน้อยคอยรับใช้ตลอดเวลา ฮูหยินรองพูดถูก เมื่อวานท่ามกลางความสะลึมสะลือ ข้าน้อยก็คล้ายผล็อยหลับระหว่างยืน หลังจากนั้นก็ตื่นเพราะเสียงร้องตะโกนของคนในบ้านสาม”
แม่นมแซ่หวางคนหนึ่งยืนขึ้น พูด:
“ตอนนั้นฮูหยินรองให้ฮูหยินสามกลับไปดู ฮูหยินสามเพียงให้สาวใช้กลับไปดู อย่างรวดเร็วสาวใช้ก็กลับมา บอกว่าฮูหยินสามถูกงูกัด กินยาถอนพิษแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ หากจะเปลี่ยนกุญแจ ก็มีเพียงฮูหยินสามเท่านั้นที่สบโอกาส นางให้สาวใช้กลับไป อาจจะสลับเปลี่ยนกุญแจให้ท่านสามเย่ก็ได้เจ้าค่ะ”
แม่นมหวางคนนี้ คือคนของนางเสิ่น เป็นคนฉลาด ไม่ว่าผู้ใดสลับเปลี่ยนกุญแจ เวลานี้นางโยนความผิดไปให้นางโจวเท่านั้น
เมื่อก่อนนางเสิ่นและนางโจวเบื้องหน้าสนิทสนมกันดี แต่ความเป็นจริงเบื้องหลังกลับเกลียดชังกัน ต่างไม่ชอบหน้ากัน
“นางโจวใจกล้ายิ่งนัก! บ่าวรับใช้ เอาตัวนางไปมัด!”
ฮูหยินเฒ่าจับจ้องไปที่นางโจว แววตาเหี้ยมโหดยิ่งนัก
เย่จายซิงก้มหน้าลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แววตาเคล้าไปด้วยความเย้ยหยัน