หลี่รูยางงว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกชายของเขาเป็นอะไรถึงได้เป็นคนโมโหร้ายขนาดนี้
ลูกชายของเธอ เธอย่อมรู้จักเขาดีที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่คนมุทะลุ โกรธง่ายแบบนี้
เธอไม่รีบตอบอะไรกลับไป แล้วขอตัวออกไปพร้อมกับโทรหาฮัวเส้าซู่
ฮัวเส้าซู่ กำลังจะงีบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานนั้น เมื่อเห็นแม่โทรหาก็ตกใจ และสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“คุณแม่ โทรหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เขากระแอมในลำคอ พร้อมกับถามขี้น
หลี่รูยาเมื่อรู้ว่าลูกชายรับสายช้า ก็รู้ได้ว่าลูกคนที่สามคงจะหลับไปเมื่อสักครู่
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใ่ช่ไม่ใส่ใจเรื่องอะไรพวกนี้แล้ว เธอจึงถามขึ้นว่า “พี่ชายแกกับครอบครัวหลี่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”
ฮัวเส้าซู่ ถอนหายใจ มันคงเป็นเรื่องจริงสินะ ที่ว่ากลัวอะไรก็มักจะเป็นอย่างงั้น
เขาก็นำเรื่องวันนั้นไปบอกกับหลี่รูยาอย่างละเอียด
สีหน้าของหลี่รูยาก็ซีดลงอย่าเห็นได้ชัด เธอกลั้นความโกรธแล้วพูดออกปากเพียงประโยคเดียวว่า ฉันรู้แล้ว จากนั้นก็ตัดสายไป
ฮัวเส้าซู่ เมื่อได้ยินเสียงวางสาย ก็บ่นกับตัวเองในใจ เอ๊ะ หรือว่าเราพูดอะไรมากเกินไปหรือเปล่านะ
หลี่รูยากลับมานั่งที่โซฟา ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ ลุงหลี่ เรื่องของพวกเด็กๆ ฉันรู้แล้วนะ ทะเลาะกันไปมา ไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้ถึงกับเป็นร้ายแรงอะไร”
คุณนายหลี่มีสีหน้าโกรธจัด ตัวเธอนั้นมาจากครอบครัวเล็กๆ แต่ตะเกียกตะกายเข้ามาอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลหลี่ ให้กำเนิดลูกชาย และก็ทำให้เธอเชิดหน้าชูตาได้
แล้วก็ดูเหมือนกับว่าทั้งเมืองZ ไม่มีใครร่ำรวยเท่ากับเธอและคนตระกูลหลี่อีกแล้ว
เธอตอบอย่างไม่พอใจ “คุณนายฮั่ว คุณพูดแบบนี้ไม่มีเหตุผล ลูกชายของคุณไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่ลูกชายของฉันกำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กๆแค่ทะเลาะกันเหรอ เข้าโรงพยาบาลไม่เป็นไร ถ้าคุณพูดออกมาแบบนี้ ครั้งหน้าครอบครัวของคุณก็คงไม่…”
“ฉันก็จะบอกเธอไง” หลี่รูยาใบหน้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ว่าสิ่งที่เธอพูดทำให้ผู้คนกลัวจนตัวสั่น
คุณนายหลี่ถูกทำให้อับอายขายหน้า ก็เป็นธรรมชาติที่จะทำให้เกิดความไม่พึงพอใจ แต่กระนั้นก็คงได้แต่อ้าปากพะงาบ ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่อย่างใด
เธอจึงมองไปที่คุณปู่ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณปู่…….”
น้ำเสียงที่ยืดยาวนี้ ทำให้คุณนายฮั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
คุณนายฮั่วก็เป็นคนตระกูลหลี่ พูดได้ว่า เป็นเครือญาติของปู่หลี่ แต่ก็ผ่านมา5รุ่นแล้ว
แต่ถึงอย่างไรครอบครัวทางฝ่ายแม่ของเธอ ก็ร่ำรวยไม่น้อยกว่าตระกูลหลี่
สะใภ้ที่ร่ำรวยเหมาะสม อาจจะมีอยู่ในนวนิยายเรื่องไก่ป่ากลายเป็นหงส์
ตอนแรกอาจจะเป็นการเสริมฐานะของตระกูลหัว ทักษะความสามารถของอาจคิดเป็น 50%ของ หลี่รูยา แต่ครอบครัวทางฝ่ายแม่เธอก็เป็นผู้สนับสนุนเธอโดยตลอด ทำให้คนคิดร้ายกับเธอหลายๆคนไม่กล้าที่จะกระทำการใดๆกับเธอ
คุณปู่หลี่ซึ่งผ่านคนมาเยอะ และเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ อาจเพียงกล่าวได้แค่ตามสัจธรรม หากเพียงต้องการเอาชนะนั้น ก็คงครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งก็ต้องแพ้ไปข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
เรื่องเล็กน้อยเท่านี้หากเกิดขึ้นจริง ครอบครัวหลี่ก็คงไม่มีอยู่ต่อไป
“เสี่ยวยากับเสี่ยวพ่าง เธอก็เห็นเขามาตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งเฉลียวฉลาดและรู้ภาษา แต่ดันถูกลูกคนที่สอง ทำร้าย เธอก็ต้องกำชับดูแลให้ดี”
คุณปู่หลี่นึกถึงตอนที่สภาพหลานชายของเขานอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ศีรษะของเขาถูกพันไว้แน่นกะโหลกศีรษะของเขาแตก พูดจายังไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำ หมอบอกว่าเขาอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องในอนาคต ฟังดังนั้นใจดวงนี้ของเขาแทบแตกสลาย
หลี่รูยา หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ ที่บอกว่าเสี่ยวพ่างตอนเล็กๆเฉลียวฉลาดนั้นก็อาจจะจริง แต่เรื่องราวในครั้งนี้ เขาก็เป็นคนหาเรื่องให้ถูกทุบตีเอง!”
คุณปู่หลี่ตกใจพร้อมบอกว่า “นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
หลี่รูยาชำเลืองตามองคุณนายหลี่ แล้วกล่าวว่า “ท่านก็น่าจะรู้จักลูกสะใภ้เป็นอย่างดี กลัวว่าเรื่องที่ท่านรู้อาจจะไม่เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ”
คุณปู่หลี่ได้ฟังก็ตกตะลึง ปีนี้สุขภาพของเขาก็ใช่จะสู้ดี ดังนั้นจึงให้ลูกชายและลูกสะใภ้ดูแลเรื่องต่างๆภายในครอบครัว
ซึ่งถ้าครั้งนี้ไม่ใช่หลี่พ่างจื่อบาดเจ็บ เขาก็คงจะไม่ออกมาด้วยตัวเอง
“เธอลองบอกมาสิ เธอพูดอะไรฉันก็เชื่ออย่างงั้น”
คุณปู่หลี่เป็นคนใจกว้าง และเขาก็เข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ลูกสะไภ้คงไม่ได้เล่าออกมาทั้งหมด
คุณนายหลี่เตรียมจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกสายตาของคุณปู่หลี่สะกดให้หยุด
หลี่รูยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะไว้หน้าคุณปู่หลี่ เธอจึงพูดว่า “คุณปู่ เอาอย่างงี้ไหม คุณกลับไปก่อนแล้วเมื่อได้ข้อสรุป ฉันจะให้คนส่งเอกสารต่างๆไปให้คุณ”
การพูดต่อไปหรือพูดหลังจากนี้นั้น อย่างน้อยที่สุดก็เป็นไว้หน้าของคุณปู่หลี่
คุณปู่หลี่ครุ่นคิด เขาเหลือบมองลูกสะใภ้ และพบว่าลูกสะใภ้กำลังประฌามความผิดของอีกฝ่าย
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ครอบครัวของฉันโชคไม่ดี! เสี่ยวยา เธอพูดออกมาตอนนี้เลย ตอนนี้ฉันก็แก่แล้วถึงตอนนี้จะเสียหน้าก็ไม่เป็นไร”
หลี่รูยาไตร่ตรองดูสักครู่ แล้วก็เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น
คุณปู่หลี่ก็เปลี่ยนสัหน้าแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อพูดจบ เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : ” ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันรู้สึกอายตัวเองในครั้งนี้จริงๆ ฉันไปก่อนแล้วกัน ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่รอให้หลี่รูยาตอบอะไรใดๆ เขาก็เดินออกจากบ้านของครอบครัวฮั่ว ไปด้วยอารมณ์โกรธ
คุณนายหลี่รู้ดีว่าวันนี้เธอดูน่าสมเพช เธอชำเลืองมองไปที่หลี่รูยา แล้วก็วิ่งตามออกไป
คุณปู่หลี่เพิ่งออกจากตระกูลฮวา ก็พบกับฮั่วเทียนหลัน รออยู่ที่หน้าประตู
“คุณปู่” ฮั่วเทียนหลัน พูดด้วยความเคารพ
ทำร้ายยังไงก็คือทำร้าย เคารพก็อยู่ในส่วนของเคารพ สองอย่างนี้มันไม่เหมือนกัน
คุณปู่หลี่หยุดนิ่งแล้วกล่าวว่า “เทียนหลัน กลับมาแล้วเหรอ!”
หลี่รูยาเดินตามออกมา เห็นฮั่วเทียนหลัน กลับมา ก็เข้าใจว่าฮัวเส้าซู่ คงจะบอกเขา
“เทียนหลัน กลับมาพอดีเลย ไม่ว่าถูกหรือผิดยังไง ก็ต้องขอโทษคุณปู่นะลูก” หลี่รูยารีบเอ่ยขึ้นทันที
คำพูดของเธอ เป็นคำพูดที่ทำให้ครอบครัวหลี่ ดูดี
ฮั่วเทียนหลัน มองไปที่คุณนายหลี่ซึ่งยืนดูด้านหลังของคุณปู่หลี่ด้วยสายตาเย็นชา คุณนายหลี่รู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกฆ่า ทำให้รู้สึกยืนตรงได้ไม่ค่อยมั่นคง
“ขอโทษครับคุณปู่ เป็นเพราะผมหุนหันพลันแล่นเกินไป แต่ว่าถ้าหลี่พ่างจื่อยังไม่หยุดอีก ผมก็จะสั่งสอนเขาอีกครั้งครับ”
คำขอโทษของฮั่วเทียนหลัน ทำให้คุณปู่หลี่มีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ซึ่งนั่นอาจจะพูดได้ว่า ครอบครัวหลี่ของเขาเองเป็นฝ่ายผิด
เขาถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า ‘เทียนหลัน ,คำพูดของเธอ ทำให้ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน ถ้าหากมีครั้งต่อไป เธอก็จัดการกับเขาได้เลย!’
คุณนายฮั่ว ยืนอยู่หลังและดูไม่สำนึกผิด เธอก็พูดขึ้นว่า “คำพูดของคุณปู่ พูดเหมือนกับว่าเทียนหลัน เป็นสายเลือดของคนครอบครัวหลี่ จริงๆแล้วพวกเขาทำร้ายร่างกายร่วมกันไม่ใช่เหรอคะ”
คุณนายหลี่ได้ฟังก็รู้สึกแปลกๆ ทำร้ายร่วมกัน คนทำร้ายคือลูกชายเธอต่างหาก
เธอไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรู้ว่าคุณปู่ไม่เข้าข้างหลานของตัวเอง
เธอมาที่นี่ก็เพื่อที่จะต่อว่าพวกเขา แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่า ครอบครัวฮั่วจะไม่ไว้หน้าครอบครัวหลี่
“คุณปู่!ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นหลานของคุณ……” คุณนายหลี่เพียงเอ่ยปาก ก็ถูกคุณปู่หลี่ตัดบท
“นี่ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ?กลับกับฉันเดี๋ยวนี้!”