คุณนายหลี่เดินอับอายขายหน้ากลับไปพร้อมกับปู่หลี่ วันนี้มันไม่ใช่วันของเธอ และมันช่างเป็นวันที่เลวร้ายอะไรแบบนี้

ฮั่วเทียนหลันและหลี่รูยายืนอยู่ที่หน้าประตู ยืนมองรถลินคอล์นค่อยๆขับจากไป

“เทียนหลัน ครั้งนี้ลูกเกือบฆ่าคนตายแล้ว?” ถึงแม้ว่า หลี่รูยาจะเห็นด้วยกับการที่ลูกชายของเธอทำแบบนี้ แต่ว่าการลงมือก็ต้องรู้จักหนักเบา

หลี่พ่างจือตระกูลหลี่คนนี้ เป็นหลานชายคนเดียวของยายหลี่ หลี่พ่างจือสำหรับเธอแล้วเป็นคนที่สำคัญมากจริงๆ

“เขาควรโดน!” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นมา

หลี่รูยามองนิ่ง เธอรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “ครั้งต่อก็ไม่ต้องใจร้อนขนาดนี้ แขนหัก ขาหักยังพอทน แต่นี่ลูกไปตีหัวเขา เขาอาจจะตายได้เลยนะ ”

ฮั่วเทียนหลันพยักหน้า และรู้ดีว่าแม่ของเขาไม่ได้กำลังตำหนิเขาอยู่

แต่กำลังบอกให้เขารู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร สามารถทำให้หลี่พ่างจือบาดเจ็บได้ แต่ไม่ต้องถึงขนาดขั้นเอาชีวิตของเขา

มองไปที่เงาของแม่ขนาดเดินกลับเขาไป ทำให้ ฮั่วเทียนหลันรู้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเองยังต้องเรียนรู้

ฝนที่ในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ที่เมือง z อุณหภูมิลดลงอย่างมาก ต้องสวมเสื้อผ้าของฤดูใบไม้ร่วง

อากาศตอนนี้ค่อนข้างชุ่มชื้นหนาวเย็น แต่กลับได้รับข่าวที่ร้อนแรงมาหนึ่งเรื่อง

การประกวดผลงานของอันหรันและหัวเสี่ยวน่าก็ผ่านไปแล้ว ผลงานของหัวเสี่ยวน่า เป็นที่น่าเสียดายเพราะมันยังไม่ทันสมัยพอ แต่ก็ยังดีที่ได้พิจารณาให้อยู่ในพวกของคลาสสิก

แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็สามารถทำให้จิตใจคนฮึกเหิมขึ้นมาได้ ผู้หญิงทั้งสามคนอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข

สำหรับการแข่งขันนี้ ยังเหลือการแข่งขันในระดับนานาชาติ

อันหรันคิดเอาไว้ว่า ตอนเริ่มการแข่งขันจะต้องมีผลงานของอันเฮาเข้าประกวดด้วย

แต่นี่มันรอบรองชนะเลิศแล้ว เธอยังไม่เห็นแม้แต่ชื่อของเขา

อันหรันพูดไปยิ้มไป แต่ในใจของเธอนั้นกลับไม่สบายใจ

ช่วงนี้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะคิดว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่มันยังไม่มาถึงหูของเธอ

ตอนนี้ผลงานของอันเฮายังไม่เข้ารอบ ใจของเธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม

เขาลุกมาบอกว่าจะเข้าห้องน้ำ หลังจากที่เธอล็อกประตู ก็หยิบสมุดจดหมายเลขโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดไปหน้าที่มีชื่อของจางหยาอยู่

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรไปหาคนคนนี้ทันที

การโทรถูกเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครรับสาย

ใจของอันหรันเต้นเร็วขึ้นเพราะความเป็นห่วง เมื่อก่อนเมื่อเธอเป็นอยากรู้เรื่องราวของอันเฮาเธอก็มักจะโทรไปหาจางหยา

ปกติจางหยาจะเป็นคนที่รับโทรศัพท์ไวมาก แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมจางหยาถึงไม่รับโทรศัพท์?

เมื่อรวมกับการหายตัวไปของอันเฮา หัวใจของอันหรันก็เริ่มกระวนกระวายใจ

เธอเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นด้วยความปกติ และเขาก็เห็นว่าตอนนี้ ฮั่วเทียนหลันกลับมาแล้ว เธอจึงเดินกลับไปนั่งข้างๆที่นั่งเดิมที่เธอเคยนั่ง

“พี่สะใภ้ ถ้าพี่ออกมาช้ากว่านี้ ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนพังประตูเพื่อมาช่วยพี่ ” หัวเสี่ยวน่าพูดหยอกล้อ

ตอนนั้นอันหรันเพิ่งรู้ตัวว่าเธอใช้เวลาเข้าน้ำถึงหนึ่งชั่วโมง

เธอพยายามยิ้มและตอบกลับไปว่า “พี่ก็รอเราไปช่วยอยู่ แต่รอตั้งนานเธอก็ไม่ยอมมาช่วยพี่”

หัวเสี่ยวน่าไม่ได้สังเกต ถึงท่าทางที่ผิดปกติของอันหรัน แต่ฮั่วเทียนหลันเพียงมองไปที่หน้าของอันหรันก็รู้เลยว่า ในใจของเธอกำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่

อันหรันร้องขึ้นมา นี่คุณ! และนั่งลงไปบนตักของ ฮั่วเทียนหลัน เธอดูระวังตัวเป็นอย่างมาก

ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยปกติผู้หญิงก็ไม่สามารถสู้แรงของผู้ชายได้อยู่แล้ว

นั้นทำให้หลี่รูยาดึงมือของหัวเสี่ยวน่าและพูดว่า “นี่ลูกไม่ใช่ว่าจะสอนอะไรให้แม่หรอ? ไป พวกเราไปห้องสมุดกันเถอะ! ”

หัวเสี่ยวน่าสะดุ้ง และตอบกลับไปด้วยท่าทางที่สงสัย “อะไรนะ? ให้หนูสอนอะไรแม่?”

แต่ว่าหลังจากนั้น เธอก็ถูกหลี่รูยาลากออกไปที่ห้องสมุด

อันหรันกำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆในใจของเธอ แต่ตอนนี้ถูกความหนาวเย็นที่อยู่รอบข้างทำให้กลับสู่ความเป็นจริง

จู่ๆอันหรันก็รู้สึกอุ่นๆขึ้นมาที่ขา เธอตัวสั่น ก้มลงมามองนั้นคือมือของ ฮั่วเทียนหลัน พอเห็นว่าเป็นมือของ ฮั่วเทียนหลันเธอก็ค่อยโล่งใจ

“คุณกลัวผมหรอ?” ฮั่วเทียนหลันถาม

อันหรันตอบคำถามนี้โดยไม่มีความลังเล “มันสายไปแล้วที่จะกลัวคุณ”

ฮั่วเทียนหลันพยักหน้าด้วยความชอบใจ และพูดว่า “แล้วคุณจะทำท่าทางแบบนั้นทำไม?”

ฮั่วเทียนหลันขยับปากอย่างกะทันหัน ยิ้มด้วยหน้าตาที่ดูไม่ได้แล้วพูดว่า “คุณฮั่ว ฉันแค่คิดถึงเรื่องผลงานของฉัน ”

ฮั่วเทียนหลันมองตรงไปที่อันหรัน ทำให้อันหรันที่แต่เดิมดูน่าสงสัย ยิ่งทำตัวให้น่าสงสัยมากขึ้น

เธอก้มหน้าลง และรู้ว่า ฮั่วเทียนหลันรู้ว่าเธอกำลังโกหก

“คืนนี้สองทุ่มที่ Gilt club ผมจะรอคุณ” ฮั่วเทียนหลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้อันหรันไม่กล้าที่จะพูดตอบ

แต่เมื่ออันหรันเงยหน้าขึ้นมา ฮั่วเทียนหลันก็เดินขึ้นไปห้องสมุดที่อยู่ชั้นสอง

ด้วยคำกำชับของ ฮั่วเทียนหลัน ทำให้อันหรันไม่สามารถขัดขืนได้

พอทานข้าวกลางวันเรียบร้อย ฮั่วเทียนหลันก็เดินทางออกไป

นี่ทำให้หัวเสี่ยวน่าถึงกับงง ไม่คิดว่าพี่ชายคนที่สองของเธอจะกลับมาบ้านเพื่อทานอาหารกลางวัน นี่พี่ชายของเขาเปลี่ยนเป็นคนรักครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนบ่าย หัวเสี่ยวน่าเสนอว่าจะไปเที่ยวข้างนอก

ผู้หญิงอายุห้าสิบปีที่ยังมีความคิดเป็นวัยรุ่นหลี่รูยา ตกลงที่จะไปด้วย

อันหรันลังเลไปสักพัก และตอบกลับไปว่า “นาน่า เธอไปกับแม่เถอะ เทียนหลันบอกกับฉันว่าคืนนี้สองทุ่มมีงานปาร์ตี้ ให้ฉันไปด้วย บ่ายนี้ฉันขอเตรียมตัวอยู่ที่บ้านนะ”

หัวเสี่ยวน่าได้ยินว่ามีปาร์ตี้ ทันใดนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และดึงอันหรันขึ้นไปกับเธอชั้นบน

พอขึ้นไปถึงห้อง เธอก็รีบเปิดตู้เสื้อผ้า และกำลังหาชุดให้กับอันหรันใส่ไปในคืนนี้

เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่แขวงไว้ในตู้ อันหรันคิดว่าทุกตัวคล้ายกันหมด เธอจึงไม่ขอออกความเห็น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวเสี่ยวน่า สุดท้ายชุดที่หัวเสี่ยวน่าเลือกออกมา ก็ถูกใจอันหรันเอาเสียมากๆ

เธอทั้งสองลงมาข้างล่าง หัวเสี่ยวน่ามองมาที่อันหรัน และคิดว่าวันนี้แต่ไปแบบนี้แหละ

ตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มแล้ว ดังนั้นอันหรันจึงรีบขับรถไปที่ Gilt club

Gilt clubอยู่ห่างจากบ้านของครอบครัวฮัวขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงถึง แต่เวลานี้รถค่อนข้างติด ดังนั้นเธอจึงออกมาก่อนเวลา

เธอขับรถได้ไม่นาน เมฆก็เริ่มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และในที่สุดฝนก็ตกลงมา

เธอเปิดที่ปัดน้ำฝนรถในความเร็วระดับสุดท้าย แต่ก็ยังไม่สามารถปัดให้น้ำฝนที่ตกลงมาบนกระจกหน้ารถหมดไปได้

ทุกคนเลือกที่จะหยุดรถ เปิดไฟกะพริบและจอดรถไว้ข้างทาง อันหรันก็ไม่ได้แตกแยกขับรถไปจอดที่ข้างถนน

อันหรันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีคนโทรมาหาเธอ

พอดูว่าใครโทรมา อันหรันถึงกับตะลึง นี่คือเบอร์ที่โทรทางไกลมาจากต่างประเทศ

เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางประการ และหลังจากที่เธอรับโทรศัพท์ เธอก็ยังไม่คิดจะเริ่มพูดอะไร

ฝั่งที่โทรมาพูดออกมาด้วยเสียบแหบๆ “สวัสดีอันหรัน ฉันคือจางหยา”

พอได้ยินเสียงที่แหบๆของจางหยา ใจของอันหรันก็แทบจะหยุดนิ่ง เธอมีความรู้สึกอยากจะวางสายโทรศัพท์สายนี้ลง

“จาง ป้าจาง มีเรื่องอะไร?” อันหรันถามไปด้วยเสียงสั่นๆ เป็นเพราะว่าเสียงแหบๆของจางหยา ทำให้เธอพอเดาได้ว่าเกิดจากการร้องไห้จบเจ็บคอ

“อันหรัน เธอมาที่เมือง M ได้ไหม?”จางหยาร้องสะอื้นเหมือนจะสำลักออกมา

อันหรันรู้สึกกังวลรีบตอบกลับไปว่า “ไปได้ ป้าจาง อันเฮาได้รับรางวัลอีกแล้วหรอ? เขาเป็นคนที่มุมานะและขยันจริงๆ ”

“อันหรัน ไม่ต้องพูดแล้ว อันเฮาตายไปแล้ว” จางหยาพูดเสร็จ เขาก็กลั่นไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำออกมาอีกครั้ง

ตอนนั้น อันหรันตัวสั่นเทาไปทั้งตัว

เธอบีบโทรศัพท์ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ราวกับว่าจะกำจัดข้อมูลให้หายไปพร้อมกับโทรศัพท์

“อันเฮาหะ หะ หายตัวไปอีกแล้วใช่ไหม? ป้าจาก อันเฮาเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ชอบล้อเล่น ชอบเล่นซ่อนแอบ…” อันหรันพูดหลอกตัว ในหัวของเธอคิดถึงเรื่องราวที่มีความสุขในอดีต ตอนที่เธอเคยอยู่กับอันเฮา

ช่วงเวลาเหล่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเราจะจน จนจนไม่มีอะไรจะกิน

แต่ว่าพวกเราก็มีความสุข พออันหรันนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ เธอมันจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

จางหยาร้องไห้ไม่หยุด อันเฮาคือความหวังและความภาคภูมิใจของเธอ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว

“อันหรัน อันเฮาเขาจากไปจากโลกนี้แล้ว จะยังไงเขาก็ไม่กลับมาแล้ว ก่อนหน้าที่ เขากลับประเทศ บอกว่าอยากจะกลับไปเจอเธออีกสักครั้ง หลังจากกลับมา เขาก็ยอมรับกับการฝ่าตัดครั้งสุดท้ายของเขา…”

อันหรันถึงกับอึ้ง เธอคิดขึ้นมาได้ว่า เธอเคยเห็นคนที่หน้าตาคล้ายกับอันเฮามาก

แท้จริงแล้ว นั้นก็คือเขา!