ลู่เฟิงมองไปที่เกาชุนด้วยความประหลาดใจและยิ้มทันที”เกาชุน ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจคำว่าดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว!”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้ามา ค่ายกลยุทธ์และเขาต่างก็ไม่เป็นที่รู้จัก แต่หลังจากเอาชนะกองพันหอกของอาณาจักรซีหยางได้ทำให้ ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น

แม้ว่าจะมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่ตระกูลเหล่านั้นในมณฑลจงซานต่างก็รู้ดี

ความแข็งแกร่งของเกาชุนได้ปกป้องพวกเขาเอาไว้

เกาชุนได้ยิ้มและตอบกลับ”ฝ่าบาทนี่เป็นคำแนะนำจากท่านอัครมหาเสนาบดีเจี๋ยที่มอบให้กับข้า”

เมื่อลู่เฟิงได้ยินดังนั้นเขาก็ลอบยกนิ้วโป้งให้เจี๋ยสวี่”เหวินเหอ ทำดีมาก!”

เจี๋ยสวี่ ยิ้มและตอบกลับ”ฝ่าบาทเป็นเพราะแม่ทัพเกาทำงานได้ดี ข้าน้อยมีส่วนช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

เป็นอีกครั้งที่ เจี๋ยสวี่ ยกเครดิตให้กับเกาชุน

ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะอย่างลับ ๆ ดูเหมือนว่า เจี๋ยสวี่ จะไม่ต้องการเครดิตที่มากเกินไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดมาก ลู่เฟิง หาได้สนใจเรื่องนี้ไม่

อีกฝ่ายจะหวังอำนาจสูง ? หรือมีความอย่างอื่น ? ลู่เฟิงไม่สนใจ เพราะตอนนี้ เจี๋ยสวี่ ได้มอบความภักดีให้กับเขาทั้งหมด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร หากมันเป็นการสนับสนุนเพื่อเขา เขาไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอของอีกฝ่าย

สำหรับ เรื่อง การปกป้องตัวเองของ เจี๋ยสวี่ ลู่เฟิง จะไม่ขอพูดถึงมัน

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและมองไปที่ เจี๋ยสวี่ ก่อนที่จะกล่าวถาม”เหวินเหอ เจ้าคิดว่าข้าควรจะเข้าพบผู้นำตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ตอนไหนดี?”

เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ฝ่าบาทเนื่องจากพวกเราต้องการทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงจิตใต้สำนึก สู้รอให้เรากลับไปที่ราชสำนักก่อนดีกว่าจากนั้นค่อยเรียกพวกเขามาพบ!”

ลู่เฟิง ได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย”เอาล่ะ ข้ามอบหน้าที่นี้ให้เจ้า!”

จากนั้น ลู่เฟิง ก็จัดเตรียมทัพสำหรับเดินทางกลับ

ทัพที่จะเดินทางกลับไปยังอาณาจักรหนานหยานจะมีทหารม้าเพียงแค่ 20,000 นาย เท่านั้น ส่วนที่เหลือ ลู่เฟิง มอบหน้าที่ให้เกาชุน นำทัพไปสนับสนุนที่ หุบเขาหยางผิง

หุบเขาหยางผิง เป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับกองทัพของลู่เฟิงในการปิดกั้นอาณาจักรซีหยาง เขาจะต้องยึดครองมันไว้ในมืออย่างต่อเนื่องเพราะงั้นเขาจึงส่งเกาชุนไปหา เตียวเลี้ยยว

เขาเชื่อว่าแม่ทัพสองคนนี้มีอำนาจในการปกป้องหุบเขาหยางผิงไว้ได้อย่างแน่นอน

หลังจากเตรียมการเสร็จ ลู่เฟิง ก็นำทหารม้า 20,000 นาย รวมถึง ผู้นำตระกูลใหญ่ของมณฑลจงซานกลับไปที่เมืองหลวงทันที

คฤหาสน์ของซุนฮกในอาณาจักรหนานหยาน ซุนฮก ได้มองดูจดหมายที่ได้รับมาจากจินยี่เหว่ย

เขาได้จ้องมองไปที่จินยี่เหว่ยและกล่าวถามทันที”ข่าวที่ได้รับมาเจ้าแน่ใจหรือไม่?”

ว่านหู่ ได้ตอบกลับทันที”ปรมาจารย์ซุน เดิมทีพวกเราก็ไม่เชื่อในข้อมูลที่ได้รับจึงสั่งให้คนของเราตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดก็สามารถรับประกันข้อมูลนี้ได้อย่างถูกต้อง 100%!”

ซุนฮก ไม่ได้พูดอะไร แต่ได้ลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับบ่นพึมพัมออกมา”ฝ่าบาท อุส่าห์นำทัพไปปิดกั้นอาณาจักรซีหยาง แต่คนเหล่านี้กลับทำทุกอย่างเพื่อได้รับสิ่งนั้น นี่มันเรียกว่าความโลภหรือไม่ คนพวกนี้ คิดว่าตนเองมีศีลธรรมสูงส่งจนไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรหรือไม่?”

จินยี่เหว่ย ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบครัวเรือนเหล่านี้ ไม่ได้กล่าวพูดอะไรออกมา

ซุนฮก ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและกล่าวพูดอย่างเย็นชา”ไปแจ้งทหารยาม ครึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ให้มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของ เสนาบดีเหรินหยาน ปิดกั้นเส้นทางเข้าออกทุกทาง!”

“ขอรับ!”

จินยี่เหว่ย ว่านหู่ ได้ก้าวถอยออกไปทันที

ซุนฮก ได้กลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาอีกครั้งเขาได้มองไปที่จดหมายด้านบนและยิ้มอย่างขมขื่นครั้งแล้วครั้งเล่า

จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนโดย เหรินหยาน ถึง ปรมาจารย์จากนิกายหยุนกง มันมีคำพูดเพียงไม่กี่คำเกี่ยวกับเส้นทางที่ซุนฮก ขนส่งเสบียงและอุปกรณ์กองทัพ

จุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจนมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเสบียงกองทัพ ซุนฮก เด็กน้อยคนนี้ จะต้องถูกจักรพรรดิลู่เฟิงตำหนิอย่างแน่นอน และ มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถรักษาสถานะปัจจุบันของเขาได้ อย่างน้อยเขาอาจจะถูกลดระดับเป็นขุนนางชั้น 5 หรือมากกว่านั้น

ด้วยวิธีนี้เขาจะหลุดจากตำแหน่งเสนาบดีอย่างเป็นทางการ

อีกฝ่ายนั้นได้วางแผนมาอย่างรอบคอบหลังจากปล่อยข่าวให้นิกายหยุนกง เขาต้องการให้อีกฝ่ายทำลายจดหมายนี้ทิ้งแต่น่าเสียดายที่นิกายหยุนกงไม่ใช่คนโง่ เขาต้องการเก็บจดหมายนี้ไม่ขู่เหรินหยาน แต่ใครจะไปคิดว่านิกายหยุนกงจะถูกทำลาย และ จดหมายฉบับนี้จะตกมาอยู่ในมือของจินยี่เหว่ยที่เดินทางไปเก็บกวาดนิกายหยุนกง

เหรินหยานเป็นฉลาด แต่เขากลับมีความทะเยอทะยานที่มากเกินไปหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเสบียงของกองทัพ

ฝ่าบาทจะเป็นอย่างไร?

เมืองว่านเหอจะทำอย่างไร?

มณฑลจงซานจะทำอย่างไร?

เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขากลับกระทำเรื่องโง่ ๆ ได้ขนาดนี้ ซุนฮก ต้องการจะฆ่า เหรินหยาน โดยตรง!

อย่างไรก็ตามเขาทำไม่ได้ เหรินหยาน เป็นเสนาบดีของอาณาจักรหนานหยาน ทั้งยังเป็นขุนนางอาวุโสของราชสำนักมาอย่างยาวนาน ชื่อเสียงของเขาในอาณาจักรนั้นสูงส่งมาก

ดังนั้นแม้ว่า ซุนฮก ต้องการจะทำ แต่เขาต้องการรอคำสั่งจาก ลู่เฟิง ก่อน สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการปล่อยให้ทหารยามจำกัดพื้นที่เข้าออกของ เหรินหยาน!

“ฝ่าบาท เจ้าพวกหนอนบ่อนไส้ ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักร ข้าน้อยจะจับพวกมันหมดให้ได้!”ซุนฮก ได้กล่าวพูดอย่างเคร่งขรึม

ในอีกด้านหนึ่ง เมิ่งเถียน ได้นำทัพ และ อยู่ห่างจากเมืองหยุนไห่ไม่ถึงหนึ่งวัน

ในขณะนี้ เขาได้ยืนอยู่บนเนินเขาและมองไปยังทิศทางของเมืองว่านเหอด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

เขาได้รับคำสั่งจาก ลู่เฟิง ให้ไปสนับสนุนเมืองว่านเหอ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกฟังคำพูดของน้องชายและมุ่งหน้าไปตีเมืองหยุนไห่ของอาณาจักรซีหยางแทน

“เห้อ,ข้าไม่รู้ว่าการกระทำของข้าในครั้งนี้จะทำให้ฝ่าบาทโกรธมากขนาดไหนกัน”

ใบหน้าที่กล้าหาญของเมิ่งเถียน เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาเคยเป็นทหารองค์รักษ์ส่วนตัวของลู่เฟิงเรื่องความภักดี เขาเองก็ไม่เป็นรองใคร แต่ตอนนี้เขากลับฝ่าฝืนคำสั่งของลู่เฟิงทำให้เขาไม่สบายใจอย่างมาก

“รายงานท่านแม่ทัพ,แม่ทัพ เมิ่งอี้ เดินทางกลับมาแล้ว!”

ได้ยินข่าวนี้ เมิ่งเถียน ก็ตกใจทันที เขาส่งให้ เมิ่งอี้ ไปรับคำสั่งจากลู่เฟิง แต่ตอนนี้ เมิ่งอี้กลับมาเช่นนั้นเขาน่าจะได้รัยสาสน์พระกฤษฏีกาส่วนพระองค์

เขารีบพูดทันที”ปล่อยให้เขาเข้ามา!”

“พี่ชาย!”

เมิ่งอี้ ได้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมิ่งเถียนได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบกลับ”เมิ่งอี้ ข้าพูดกี่ครั้งแล้วว่า ในกองทัพ ข้าเป็นแม่ทัพส่วนเจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าจะต้องพูดเฉพาะตำแหน่งทางการทหารโดยไม่คำนึงถึงสถานะของครอบครัว!”

เมิ่งเถียน ไม่ต้องการให้ เมิ่งอี้ ตกเป็นข้อนินทาที่มาที่นี่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา

ใบหน้าของ เมิ่งอี้ ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวทันที”ท่านแม่ทัพ!”

เมิ่งเถียน ได้พยักหน้าและตอบกลับ”ฝ่าบาทได้บอกอะไรต่อเจ้าหรือไม่?”

“ในตอนแรก ฝ่าบาท ทรงโกรธท่านมากเช่นเดียวกัน แต่หลังจากที่ข้าอธิบายไปแล้ว ฝ่าบาทก็เข้าใจ ทั้งดูเหมือนจะไม่ตำหนิท่านด้วย เขาได้ขอให้ข้านำจดหมายฉบับนี้มามอบให้ท่าน!”เมิ่งอี้ ตอบกลับ

“จดหมาย ? ส่งมาเร็ว!”เมิ่งเถียน รู้สึกกังวล

เมิ่งอี้ ได้มอบจดหมายให้ทันที

เมื่อ เมิ่งเถียน หยิบมาดู เขาก็เห็นคำว่า ‘ระวัง’ เขาได้เงียบไป

“คำว่า ‘ระวัง’ ของฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร?”เมิ่งเถียน รู้สึกสงสัย

เขาได้จ้องมองไปที่ เมิ่งอี้ และกล่าวถาม”เจ้าได้จดหมายนี้แล้วหรือยัง?”

“ข้า…”ดวงตาของ เมิ่งอี้ ลุกลนเล็กน้อย

บันทึกนี้เทียบเท่ากับพระราชกฤษฏีกาสำหรับ เมิ่งเถียน ดังนั้น หากมีใครลอบอ่านจริง โทษฐานของมันผู้นั้นก็คือตัดศีรษะ

เมิ่งเถียน จ้องมองไปที่ น้องชายของเขา เขาเข้าใจทันทีก่อนที่จะถอนหายใจออกมา เขาไม่สามารถฆ่าน้องชายของเขาเพื่อเรื่องแค่นี้ได้?

เขาได้ตอบกลับ”จะต้องไม่มีครั้งต่อไปสำหรับสิ่งนี้อีก!”

“ขอรับ!”

เมิ่งอี้ รีบตอบกลับ

หลังจากกหยุดชั่วครู่เขาก็กล่าวถามอีกครั้ง”ท่านแม่ทัพนี่หมายความว่าอย่างไร?”

เมิ่งเถียน ได้สั่นศีรษะ”ข้าเองก็ไม่รู้!”

เมิ่งอี้ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ต้องคิดมากไป ตราบใดที่เรายึดเมืองหยุนไห่ และ ครอบครองเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางได้ ฝ่าบาท จะต้องไม่ตำหนิท่านอย่างแน่นอน กระทั่งอาจเลื่อนขั้นให้ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ก็เป็นได้!”

“แม่ทัพใหญ่?”

เมิ่งเถียนผงะเล้กน้อยจากนั้นเขาก็เข้าใจสิ่งที่ลู่เฟิงมอบให้