“ท่านแม่ทัพ หรือว่า ท่านเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ระวัง’ ที่ฝ่าบาทต้องการจะสื่อแล้ว?”เมิ่งอี้ ได้กล่าวถามทันทีหลังจากเห็นการแสดงออกของพี่ชายที่เปลี่ยนไป

เมิ่งอี้ ไม่ได้ตอบกลับ แต่เขาได้พูดขึ้น”เมิ่งอี้ เจ้าลงไปจัดเตรียมทัพให้มุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดไปยังเมืองหยุนไห่!”

แม้ว่า เมิ่งอี้ จะแปลกใจ แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรและทำความเคารพทันที”ขอรับ!”

หลังจาก เมิ่งอี้ จากไปแล้ว เมิ่งเถียน ก็จ้องมองไปที่ โน้ต ในมือของเขาอย่างขมขื่นและบ่นพึมพัม”ฝ่าบาท ท่านกำลังจะบอกว่าข้าไม่เหมาจะเป็นแม่ทัพใหญ่ใช่หรือไม่?”

แม่ทัพใหญ่คืออะไร พวกเขามีหน้าที่นำทัพและเข้าต่อสู้ศึกศัตรูทั้งยังมีความรับผิดชอบขนาดใหญ่

แม่ทัพใหญ่สามารถบัญชากการกองทัพทั้งสามของอาณาจักรได้โดยตรง

ในศึกเมืองว่านเหอ แม้ว่า เกาชุน จะเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสควบคุมกองทัพทั้งสามได้ มีเพียงแค่ ลู่เฟิงเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ในตอนนี้

เกาชุน,ลิโป้ และ เมิ่งเถียน เป็นแม่ทัพภายใต้เงื้อมมือของเขา

เมิ่งเถียน เป็นแม่ทัพ ธรรมดา เดิมเขาไม่มีอำนาจในการระดมกองทัพ 500,000 นายหรือเปลี่ยนแนวของกองทัพโดยไม่ได้รับอนุญาติ

เมิ่งเถียน ได้เมินเฉยต่อคำสั่งทหาร นี่นับเป็นความผิดอย่างร้ายแรง

หากว่ากันว่าโทษของเขาคือตัดศีรษะก็คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริง

เมิ่งเถียน รู้ว่าการทำแบบนี้ มันประมาทแค่ไหน หากเมืองว่านเหอ ถูกจัดการ อาณาจักรหนานหยาน และ ฝ่าบาทจะตกอยู่ในอันตรายทันที

ตามคำสั่งของลู่เฟิง เขาได้ส่งคำสั่งให้เขานำทัพไปสนับสนุนเมืองว่านเหอ แต่เขาได้เชื่อฟังคำสั่งน้องชายของเขาและมุ่งหน้าไปยังเมืองหยุนไห่พร้อมกับกองทัพ 500,000 นายเพื่อที่จะได้รับชื่อเสียงแทน

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะทำ!

กลับไปเขาจะทำตัวอย่างไรดี?

เขาได้ใช้อำนาจโดยพลการและตัดสินใจกับสถานการณ์ที่ร้ายแรงแบบนี้ด้วยความคิดของคนรอบตัวแทนที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิ

เขาคู่ควรกับตำแหน่งแม่ทัพจริงหรือไม่ ? ไม่!

เขาไม่เหมาะที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่จริง ๆ

การกระทำของเขาเป็นความผิดทางอาญา

เขาเองก็เตรียมพร้อมจะรับบทลงโทษของความผิดของเขาแล้ว

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ ลู่เฟิง เพียงแค่เตือนเขา ไม่ได้ส่ง จินยี่เหว่ย มายึดอำนาจสั่งการทหาร

“ฝ่าบาท เพียงแค่เตือนข้า,ข้าคิดมากเกินไปหรือไม่?”

เมิ่งเถียน รู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง

“ท่านแม่ทัพเมิ่ง มีสาร์นลับส่งถึงท่าน!”

ในขณะนี้ก็มีเสียงมาจากด้านหลังของ เมิ่งเถียน

“นั่นใคร?”

เมื่อเมิ่งเถียนได้ยินเสียง หัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาคลายความระแวดระวังเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนทำให้คนอื่นเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว

หากนี่เป็นศัตรูนั่นหมายถึงหายนะ!

หัวใจของ เมิ่งเถียน ได้หลั่งเหงื่อเย็นออกมาเขารีบหันศีรษะไปอย่างรวดเร็วและพบกับ จินยี่เหว่ย ในชุดสีดำ เขาได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก”สาร์นลับจากใคร?”

“จากฝ่าบาท ข้าไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาข้างใน ได้โปรดแม่ทัพเมิ่งตรวจสอบมันด้วยตัวเอง!”

เติ้งฉีหยุน ได้ส่งขอความที่ลู่เฟิงมอบให้กับเมิ่งเถียนด้วยความเคารพ

เมิ่งเถียน ได้หยิบจดหมายขึ้นมาดูและอ่านเนื้อหาของมัน : เมิ่งเถียน เจ้าได้รับคำสั่งให้บุกชิงเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยาง หากสำเร็จความดีความชอบนี้จะได้รับการพิจารณาหากล้มเหลว เจ้าจะต้องกลับมาอยู่เคียงข้างข้าในฐานะองค์รักษ์ส่วนตัว!

เมื่อเห็นประโยคนี้ หัวใจของ เมิ่งเถียน ก็รู้สึกมีความสุขทันที ฝ่าบาท ไม่ได้ทรงตำหนิเขามากเกินไป

กลับกัน ฝ่าบาท ได้ไว้ใจเขาอย่างมาก แต่เขากลับกล้าปฏิเสธคำสั่งของฝ่าบาทตามคำพูดของ น้องชายของเขา ทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น

“ตึก!”

เมิ่งเถียน ได้คุกเข่าลงข้างนึงไปยังทิศทางของเมืองว่านเหอ”ฝ่าบาท ข้าน้อย เมิ่งเถียน รู้สึกละอายใจต่อพระองค์ยิ่งนัก!”

เขาได้คุกเข่าลงบนพื้นเป็นเวลากว่าหนึ่งในสี่ของชั่วโมงก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและมองไปทางเติ้งฉีหยุน”ข้าหวังว่า ท่าน จะช่วยบอกข้อความของข้าต่อฝ่าบาท ว่าข้า เมิ่งเถียน จะบุกยึดเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางให้ได้ เพื่อแลกกับความผิดบาปที่ข้าได้ก่อขึ้น”

“แม่ทัพเมิ่งโปรดมั่นใจ ข้าจะส่งต่อคำพูดของท่านให้ฝ่าบาทอย่างแน่นอน!”เติ้งฉีหยุนได้โค้งคำนับเล็กน้อยจากนั้นเขาก็จากไป

เมิ่งเถียนได้ถอนหายใจออกมา เขาได้หันหลังและจัดเตรียมม้าและจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหยุนไห่ด้วยความเร็วสูงสุด

“ติ๊ง ระบบตรวจพบความภักดีของ เมิ่งเถียน เพิ่มขึ้น 5 เเต้ม ปัจจุบัน ค่าความภักดี ตายแทนอย่างมีเกียรติ!”

ในระหว่างทางกลับไปยังเมืองหลวง ลู่เฟิง ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ

เขาได้กล่าวกระซิบในใจ”ดูเหมือนว่า ข้อความที่ฝาก เติ้งฉีหยุน จะไปถึงเขาแล้ว!”

“เมิ่งอี้,เมิ่งเถียน อย่าทำให้ข้าผิดหวังซะล่ะ เดิมที ทางราชสำนักต้องการจะร้องขอให้ข้ายึดอำนาจทางการทหารของเจ้าและตัดศีรษะของพวกเจ้า แต่ว่าข้ากลับเลือกที่จะไม่ทำ”

ลู่เฟิง รู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการใส่ใจกับความคิดเห็นของราชสำนัก แต่เขาก็ยังต้องสนใจมันเพราะเขาเป็นจักรพรรดิ

“ฝ่าบาท จินยี่เหว่ย เพิ่งได้รับข่าวมา เกี่ยวกับสาเหตุที่แม่ทัพเมิ่งเถียนเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ”ในขณะนี้ เจี๋ยสวี่ ได้มาพร้อมกับจดหมาย

“เป็นเมิ่งอี้ ใช่หรือไม่?”ลู่เฟิงได้กล่าวถาม

“ขอรับ,เป็นเขา!”

“ที่แท้ก็เขานั่นเอง!”

ใบหน้าของ ลู่เฟิง ไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เมิ่งอี้ ถึงต้องให้คำแนะนำ เมิ่งเถียน พี่ชายของเขาให้เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะก่อการกบฏ หากเป็นเช่นนั้นจริง โทษฐานความผิดอาญาเหล่านี้มีเพียงบทสรุปเดียวก็คือตัดศีรษะ

“ฝ่าบาท จินยี่เหว่ย ยังพบข้อมูลอื่นอีกด้วย”เจี๋ยสวี่ ได้มองไปที่ลู่เฟิงด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี

“ว่ามา!”

“เมื่อสามปีก่อน เมิ่งอี้ เป็นศิษย์ลับของ เสนาบดีเหรินหยาน!”เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ

“เหรินหยาน?”

ลู่เฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย”แม้ว่า เมิ่งอี้ จะเป็นศิษย์ลับของ เหรินหยาน แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอย่างไรกัน?”

“ก่อนที่กองทัพของเมิ่งเถียน จะเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ เหรินหยาน และ เมิ่งอี้ ได้มีการติดต่อกันอยู่บ่อยครั้ง!”

“ว่าอะไรนะ?”

สีหน้าของลู่เฟิง ได้มืดมนไปชั่วขณะ ถ้าเช่นนั้นมีโอกาสที่ เหรินหยาน จะขอให้ เมิ่งอี้ โน้มน้าว เมิ่งเถียน พี่ชายของเขาให้เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหรินหยาน จะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน

“รายงาน! ฝ่าบาท มีจดหมายลับสุดยอดจาก จินยี่เหว่ย ว่านหู่ ที่ได้รับหน้าที่ตรวจสอบครัวเรือน!”

ในขณะนี้เองก็มา จินยี่เหว่ย วิ่งมาส่งจดหมายให้กับลู่เฟิง

ลู่เฟิงได้หยิบมันออกมา แต่มีเพียงกระดาษเปล่า เมื่อเขากำลังจะถาม เจี๋ยสวี่ ก็ได้หยิบขวดเล็ก ๆ ที่มีของเหลวออกมาพร้อมกับพูดกับลู่เฟิง”ฝ่าบาท นี่เป็นมาตรการป้องกันสำหรับจดหมายลับสุดยอดของจินยี่เหว่ยได้โปรดใช้ของเหลวที่อยู่ในมือของข้าน้อย หยดลงไปบนกระดาษเพื่อดูข้อความที่ถูกซ่อนเอาไว้ หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะไม่มีทางรู้ว่าข้างในบันทึกอะไรไว้”

“ข้ายกหน้าที่นี้ให้เจ้า!”

เจี๋ยสวี่ ได้หยดของเหลวลงไปบนกระดาษจากนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ลู่เฟิง ได้มองไปที่มันและกลายเป็นโกรธเคืองทันที”เหรินหยาน คนนี้ เขาคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเขาจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

เจี๋ยสวี่ ไม่ได้อ่านเนื้อหาของจดหมายเขาได้กล่าวถามทันที”ฝ่าบาทในจดหมายบันทึกข้อความไว้ว่าอย่างไร?”

“เจ้าดูเอาเองแล้วกัน!”ลู่เฟิงได้ยื่นจดหมายให้ เจี๋ยสวี่

เมื่อ เจี๋ยสวี่เห็นเนื้อหาข้างในการแสดงออกของเขาก็ได้เปลี่ยนไป”ฝ่าบาท นี่เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ!”

ลู่เฟิง ได้พยักหน้า”บอกข้ามาว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

“เหรินหยาน เป็นเสนาบดีและมีอิทธิพลมากมายในราชสำนักของอาณาจักร แม้แต่ในอนาคต โม่เต๋า ก็ทำได้เพียงแค่ขังเขาไว้เท่านั้น เพราะเหตุผลเรื่องชื่อเสียงของอีกฝ่าย…”

“ข้าเข้าใจเหตุผลแล้ว บอกข้ามาว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ลู่เฟิง ได้ยกมือขัดจังหวะการพูดของ เจี๋ยสวี่

“ฝ่าบาท หากให้ข้าน้อยแนะนำ นั้น ตอนนี้ข้าคิดว่าพวกเราควรส่งคนไปยังมณฑลและเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักร เพื่อประกาศผลการรบที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ : สังหารศัตรูนับล้าน ยึดครองหุบเขาหยางผิง เมืองหยุนไห่ และ เมืองหลวงของอาณาจักรซีหยาง ทั้งยังสามารถขยายอาณาเขตออกไปได้อีกหลายพันไมล์!”เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับทันที

ลู่เฟิง ผงะเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวถาม”ทั้งเมืองหยุนไห่ และ เมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง ต่างก็ยังไม่ได้ตกอยู่ในมือของพวกเรา การกระทำแบบนี้ มันจะไม่แย่งั้นหรือ?