“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”

เจี๋ยสวี่ ยิ้มและตอบกลับ”แม้ว่าแม่ทัพเมิ่งเถียนจะทำสิ่งที่ประมาทในครั้งนี้ แต่เขาก็มีความสามารถในการนำทัพ 500,000 นายเข้าโจมตีเมืองหยุนไห่และชนะได้อย่างแน่นอน หลังจากเมืองหยุนไห่ ก็คือ ถนนผิงฉวน ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง!”

“เขามีทหารม้าเหล็กในกองทัพที่สามารถบุกโจมตีเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางได้และ…”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เจี๋ยสวี่ ได้พูดต่อ”หากเป็นไปตามที่ข้าคำนวณเอาไว้ กองกำลังทหารองค์รักษ์ 200,000 นายของจักรพรรดิซีหยาง และ กองกำลัง 300,000 นายจากทางใต้ ย่อมพุ่งเป้าไปที่หุบเขาหยางผิง ตอนนี้เมืองหลวงของพวกเขาน่าจะเป็นเมืองที่ไร้การป้องกัน แม่ทัพเมิ่งเถียน ย่อมสามารถบุกเอาชนะได้อย่างแน่นอน!”

ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและรับฟังความคิดเห็น หุบเขาหยางผิงมีความสำคัญต่ออาณาจักรซีหยางมากกว่าอาณาจักรหนานหยาน

เขาพูดต่อทันที”เอาล่ะ ข้าจะปล่อยให้จินยี่เหว่ยส่งข่าวเหล่านี้ไป!”

“ขอรับ”

เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ”ฝ่าบาท มันยังคงต้องใช้เวลาในการกระจายข่าว ข้าน้อยคิดว่าพวกเรารอจนข่าวจะกระจายไปทั่วพื้นที่ก่อนจากนั้นค่อยกลับไปยังเมืองหลวง เท่านี้ทุกสิ่งอย่างก็น่าจะจัดการง่ายขึ้น”

ลู่เฟิงได้พยักหน้าและตอบกลับ”เอาล่ะสั่งการกองทัพให้ชะลอการเดินทางปล่อยให้ข่าวกระจายไปทั่วซะก่อน!”

“ขอรับ!”

จากนั้น เจี๋ยสวี่ ก็ให้คนไปกระจายข่าว ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมา”ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่หุบเขาหยางผิง เตียวเลี้ยว จะสามารถรับมือมันได้หรือไม่?”

“เห้อ,ข้าหวังว่าเกาชุนจะไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด!”

หลังจากที่ เจี๋ยสวี่ จัดการให้จินยี่เหว่ยกระจายข่าวเสร็จเขาก็เรียกจินยี่เหว่ยมา

“กลับไปส่งจดหมายนี้ให้เสนาบดีซุน!”เจี๋ยสวี่ ได้หยิบจดหมายขึ้นมาและส่งให้ ไป่หู่

ไป่หู่ ได้พยักหน้าและกล่าวพูดทันที”ขอรับนายท่าน!”

หลังจากไป่หู่จากไป เจี๋ยสวี่ ก็จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง และ บ่นพึมพัมออกมา”ฝ่าบาท ข้าน้อยหวังว่าท่านจะไม่ตำหนิข้าน้อยที่มีความคิดริเริ่มเช่นนี้!”

ในหุบเขาหยางผิงในเวลานี้มีศพของทหารม้าผู้ภักดีกระจายไปทั่วทุกหนแห่งพวกเขาถูกยิงด้วยธนูและลูกศร

แม้แต่แขนซ้ายของ เตียวเลี้ยว ก็ยังถูกพันไปด้วยผ้าพันแผล เขาถูกยิงด้วยลูกศร

เตียวเลี้ยว ได้ยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองจ้องมองกองทัพอาณาจักรซีหยางที่ถอยร่นออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยความโล่งอก

นี่เป็นวันที่สองนับตั้งแต่ที่พวกเขายึดหุบเขาหยางผิงได้สำเร็จ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง ได้ทราบข่าวและส่งกองกำลังทหารองค์รักษ์ 150,000 นาย มายึดหุบเขาหยางผิงคืนทันที

หากเป็นเมืองธรรมดาบนที่ราบทหารกว่า 150,000 คน ย่อมสามารถพิชิตกำแพงที่มีคนป้องกันเมืองเพียงแค่ 30,000 คนได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีคนมากกว่า 10,000 คนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่นี่กลับกินเวลาไปถึงสองวัน

นั่นก็เพราะหุบเขาหยางผิงไม่ใช่เมืองธรรมดา

มันป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยากกว่าเมืองว่านเหอของอาณาจักรหนานหยานเสียอีกนั่นเพราะนอกประตูตะวันออกของหุบเขาหยางผิงสามารถจุทหารได้คราวเดียวกันไม่เกิน 5,000 นาย อีกทั้งตัวเมืองยังมีกำแพงที่สูงซึ่งสามารถป้องกันการปีนเมืองได้

แม้จะผ่านไปหลายวันของการสู้รบ กองทัพของอาณาจักรซีหยางก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงได้

แต่ทว่า จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง รู้ความสำคัญของหุบเขาหยางผิง ทุกวันจะมีทหารมากกว่า 100,000 นาย บุกโจมตีทั้งกลางวันและกลางคืน

จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง ได้ย้ายทหาร 300,000 นายออกจากเมืองหยุนไห่ และมุ่งหน้ามาโจมตีหุบเขาหยางผิงทั้งกลางวันและกลางคืน

แม้ว่า เตียวเลี้ยว จะสามารถปกป้อง หุบเขาหยางผิงเอาไว้ได้ แต่พวกเขาก็สูญเสียไม่ใช่น้อย ในตอนนี้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บมากกว่า 8,000 นาย ถึงแม้ว่ามันจะดีกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตของอาณาจักรซีหยางมากก็ตาม

แต่ เตียวเลี้ยวก็รู้ว่านี่มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

“ท่านแม่ทัพ อุปกรณ์ป้องกันเมืองของพวกเราแทบไม่เหลือแล้ว!”ผู้ใต้บังคับบัญชาของ เตียวเลี้ยว ได้กล่าวขึ้น

วันนี้ เตียวเลี้ยว ได้สูญเสียกองกำลังมากกว่า 8,000 คน เพื่อต่อต้านกองทัพนับแสนของอาณาจักรซีหยาง

เหตุผลที่พวกเขาป้องกันได้ก็เพราะอุปกรณ์ป้องกันของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง

และส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับมาจากการสังหารแม่ทัพศัตรู เจียงหลี่เซียว ก่อนหน้านี้

ด้วยเหตุนี้ทำให้ ทหารของ เตียวเลี้ยว สามารถยึดเมืองได้เป็นเวลานาน

ภายในเมืองมีหน้าไม้มากกว่า 30,000 อัน พวกเขาใช้มันเพื่อยิงใส่กองทัพอาณาจักรซีหยาง

แม่ทัพของอาณาจักรซีหยางรู้สึกโกรธมาก คนของพวกเขามีคนเสียชีวิตมากกว่า 30,000 คน ด้วยหน้าไม้ของอาณาจักรตัวเอง

แต่ตอนนี้อุปกรณ์เหล่านี้ได้สูญเสียไปมากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถป้องกันหุบเขาหยางผิงได้นาน

“แม่ทัพเกาชุนจะมาถึงตอนไหน?”เตียวเลี้ยว ได้กล่าวถามด้วยความลังเล

“ตามข่าวที่ได้รับจากจินยี่เหว่ย แม่ทัพเกาชุน น่าจะอยู่ห่างจากหุบเขาหยางผิงไม่ถึงหนึ่งวัน!”

เตียวเลี้ยว ถอนหายใจออกมาด้วยความโลงอก ตราบใดที่ เกาชุนและกองทัพมาถึง หุบเขาหยางผิง ก็จะสามารถต่อต้านไว้ได้

วันต่อมา เกาชุน ได้นำทหารม้าเหล็ก 30,000 นายมาถึงหุบเขาหยางผิง พร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันจำนวนมากทำให้ วิกฤษภายในหุบเขาหยางผิงหายไปโดยสิ้นเชิง

แต่ความไม่พอใจของอาณาจักรซีหยางไม่ได้หยุดลงแค่นั้นกลับกันพวกเขาได้โจมตีด้วยความบ้าคลั่งที่มากขึ้น

เพราะพวกเขารู้ดีว่าการที่หุบเขาหยางผิงตกอยู่ในมือของอาณาจักรหนานหยานก็เท่ากับวางดาบแหลมคมไว้ที่คอของพวกเขา

ที่สำคัญที่สุดคือกองทหารม้าเหล็กที่แข็งแกร่ง

ถ้ากองทหารม้าเหล่านี้โจมตีพวกมันจะสามารถไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางได้ในระยะเวลาอันสั้น นี่ทำให้ จักรพรรดิซีหยาง รู้สึกหวาดกลัวต่อชะตากรรมนี้

ในอาณาจักรซีหยาง จักรพรรดิชูจิน มองไปที่แม่ทัพด้านหน้าของเขาด้วยความโกรธเคือง”พวกเจ้าได้รับทหารองค์รักษ์ 150,000 นาย ของข้า และ ทหารพิทักษ์เมืองหยุนไห่อีก 300,000 กว่านาย จนถึงตอนนี้ พวกเจ้าโจมตีหุบเขาหยางผิงมาสองวามวันกลับยังไม่ได้แม้แต่จะปีนกำแพงขึ้นไปพวกเจ้ากำลังทำบ้าอะไรกันอยู่?”

แม่ทัพคนนี้ถูกเรียกตัวกลับมาจากค่ายทหารเมื่อเช้านี้ เขาได้ถูกจักรพรรดิสบถคำด่าใส่ไม่ยั้ง

“ฝ่าบาท…ข้าน้อยสิ้นจนหนทาง! หุบเขาหยางผิงนั้นป้องกันได้ง่ายและยากต่อการโจมตี ทั้งผู้พิทักษ์ภายในเมืองยังมีอุปกรณ์ที่ได้จากการปิดล้อม แม่ทัพ เจียงหลี่เซียว และ ใช้เกาทัณฑ์เหล่านั้นโจมตีพวกเรา”

แม่ทัพคนนี้ รู้สึกละอาจใจอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีหน้าไม้ที่ได้รับมาจาก เจียงหลี่เซียว พวกเขาคงไม่มีชะตากรรมน่าสังเวชขนาดนี้

“ทหาร มาลากตัวมันไปตัดศีรษะซะ!”ชูจิน รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาท โปรดเมตตา โปรดเมตตา!”

ชูจิน ไม่ได้ให้อภัยเขา

เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึก และ จ้องมองไปที่ ทหารของเขา”ใครจะอาสานำทัพเพื่อยึดครองหุบเขาหยางผิง?”

เหล่าขุนนางและแม่ทัพเบื้องล่างต่างก็ก้มศีรษะ

พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหุบเขาหยางผิงป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยาก ใครจะกล้าอาสาไปรับกรรม

“ทำไมกัน อาณาจักรซีหยางอันยิ่งใหญ่ของข้าเต็มไปด้วยนักรบที่แข็งแกร่งมากมาย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะออกไปต่อสู้เลยหรือไม่?”ชูจิน ได้คำรามออกมา

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มคนนึงก็ได้เดินออกมาพร้อมกับกล่าวพูดเสียงดัง”ท่านพ่อ ข้าเต็มใจที่จะอาสาไปนำทัพเพื่อยึดครองหุบเขาหยางผิงคืนมา!”

ชูจิน มองไปที่ชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม”ลูกข้าเจ้ากล้าหาญมาก เจ้านั้นดีกว่าไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวพวกนี้เป็นไหน ๆ !”