บทที่ 129 ผู้เฒ่าพิโรธ

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

หมี่โม่หรู่เหลือบมองต๋งเหม่ยจิงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ และพูดอย่างเย็นชาว่า “คนอยู่ที่ใด”

“ใคร? วันนี้ข้าเพิ่งมาที่วัดหลานหลงเพื่อสักการะพระพุทธรูปและบังเอิญพบกับท่านอ๋อง ข้าไม่ทราบว่าท่านอ๋องกำลังมองหาใครอยู่หรือ?” มีการเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของต๋งเหม่ยจิงเป็นคำใบ้

อ๋องที่แสร้งทำเป็นป่วย คนพิการจะขี่ม้าได้อย่างไร แต่นี่เป็นอีกข่าวหนึ่งที่ทำให้นางสนใจ วันนี้นางทำให้พ่อไม่พอใจ พรุ่งนี้ต้องบอกเรื่องนี้ให้ท่านพึงพอใจ

ร่างของหมี่โม่หรู่ค่อย ๆ แผ่รัศมีแห่งความเกลียดชังอย่างรุนแรงแล้วลงแส้ม้า องครักษ์ที่อยู่ข้างต๋งเหม่ยจิงรีบหยุดเขาไว้ตรงหน้าม้าทันที

“หมี่โม่หรู่ เจ้าป่วยและกำลังจะตายไม่ใช่หรือ แต่บัดนี้เจ้าแสดงให้ใครดู? แต่เมื่อข้าเห็นรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเจ้าตอนนี้แล้ว ข้าก็มีความคิดที่ดีเกิดขึ้นในใจ อยากฟังหรือไม่?”

ดวงตาของต๋งเหม่ยจิงดูโหดเหี้ยม นางกระโดดลงจากรถม้า มือกำแส้แน่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายาหลี่ชินมีผิวพรรณที่งดงาม และผิวของเจ้าก็งดงามมากเช่นกัน เนื่องจากนางจะถูกท่านพ่อสะสมไว้ ฉะนั้นข้าจะเก็บสะสมผิวหนังของเจ้าไว้ก็แล้วกัน”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ต๋งเหม่ยจิงก็ยกมือโจมตีหมี่โม่หรู่พลางเย้ยหยัน “ชายผู้นี้หล่อเหลายิ่งนัก น่ารำคาญเสียจริง!”

อู๋เหินที่อยู่ข้างหลังเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่นี่ จึงต้องการรีบเข้าไปช่วยเขา แต่ร่างที่ทะยานเข้าไปหยุดลงทันทีด้วยท่าทางของหมี่โม่หรู่ และหันไปโจมตีองครักษ์ข้าง ๆ ต๋งเหม่ยจิงแทน

แส้เงินถูกเหวี่ยงไปในอากาศราวกับงูสีเงิน ต๋งเหม่ยจิงรอให้แส้พันรอบคอของหมี่โม่หรู่อย่างมั่นใจ จากนั้นก็จะออกแรงดึงเขาไป

ใครจะรู้ว่าเมื่อแส้กำลังจะแตะคอของหมี่โม่หรู่ มืออันเรียวยาวและขาวผ่องก็จับแส้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าอย่างแน่นหนา

จากนั้นจู่ ๆ ก็มีแรงพุ่งผ่านแส้ยาว แล้วต๋งเหม่ยจิงก็ถูกลากลงมาตรงหน้าหมี่โม่หรู่

ต๋งเหม่ยจิงมองไปที่ใบหน้าอันน่าเกรงขามของคนตรงหน้า ก่อนจะต้องตกตะลึง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจ

เขาต่อสู้ได้หรือ? เขาแข็งแกร่งมากเพียงใด

?!

ต๋งเหม่ยจิงมั่นใจในวิธีการใช้แส้ของตนเองมาก ด้วยการฝึกฝนหลายปีของต๋งชวน นางก็เกือบจะจัดการกับองครักษ์ส่วนใหญ่ในตำหนักบูรพาได้

แม้แต่พ่อของนางก็ยังบอกกับนางว่า การเคลื่อนไหวของอ๋องคังชินหรือหมี่ฉงที่มาจากครอบครัวเดียวกันกับเขานั้น หากนางประลองกับหมี่ฉง นางก็จะยังสามารถทนยืนหยัดได้สักสองสามรอบ

และบัดนี้หมี่โม่หรู่ที่พิการและอ่อนแอกลับหยุดยั้งไว้ได้อย่างนั้นหรือ?!

ต๋งเหม่ยจิงไม่กล้าดูถูกศัตรูอีกต่อไป นางพยายามดึงแส้กลับด้วยแขนของนาง และขณะเดียวกันนางก็โจมตีหมี่โม่หรู่ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

แต่แส้ของนางยังคงอยู่ในมือของหมี่โม่หรู่ และมือที่กำลังโจมตีของนางก็ถูกหมี่โม่หรู่หยุดไว้ได้

ก่อนที่ต๋งเหม่ยจิงจะฟื้นคืนสติ แรงที่ดึงแส้ไว้ก็ลดลงในทันใด และนางก็ดึงแส้กลับไปเสียงดัง ‘ฟึ่บ’ ดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน มือที่เคยจับแส้ของหมี่โม่หรู่ก็ขึ้นไปที่หลังคอของนางอย่างรวดเร็ว นิ้วชี้และนิ้วกลางของเขางอเล็กน้อย และจิกเข้าที่กระดูกคอข้อที่สามของต๋งเหม่ยจิงที่ด้านหลังศีรษะของนาง ในมุมที่แปลกและชาญฉลาด

เสียงกระดูกแตกดังขึ้นชัดเจน แล้วกระดูกยาวสองนิ้วบนคอของต๋งเหม่ยจิงก็ถูกหมี่โม่หรู่หยิกขึ้นมาผ่านเนื้อหนัง จากนั้นเขาก็วางนิ้วโป้งลงบนกระดูกแล้วบีบเบา ๆ

เสียงกรีดร้องจากปากของนางเพิ่งจะออกมา เมื่อหมี่โม่หรู่เคาะนิ้วชี้ของมืออีกข้างหนึ่งที่โคนหูของนาง เสียงกรีดร้องก็หยุดลงทันที

ต๋งเหม่ยจิงชะงัก นางมองหมี่โม่หรู่อย่างไม่เชื่อสายตาและสีหน้าของนางก็สับสน

หมี่โม่หรู่คลายนิ้วของเขา ต๋งเหม่ยจิงทรุดตัวลงนอนเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นราวกับโคลน เขามองลงไปที่คนที่นอนอยู่บนพื้น โดยรัศมีที่เยือกเย็นของเขายังไม่จางหายไป “เจ้าต้องขอบคุณตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาทที่ทำให้วันนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่รอดได้”

“เอ่อ… เอ่อ…” ขณะที่ต๋งเหม่ยจิงอ้าปากก็มีเลือดสกปรกไหลออกมาจากปาก และนางรู้ตัวว่าในชีวิตนี้นางจะไม่สามารถพูดได้อีก

หมี่โม่หรู่หลับตาลงและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดนิ้วสองสามนิ้วที่เขาสัมผัสต๋งเหม่ยจิงเมื่อสักครู่นี้ และพูดอย่างใจเย็นว่า “เจ้าช่างโสมมนัก”

นางกะพริบตาถี่และไม่สามารถแม้แต่จะยกศีรษะขึ้นได้

ไม่เพียงแต่ศีรษะของนางเท่านั้น นางรู้ดีว่าต่อจากนี้ไปนางจะไม่อาจขยับตัวไปไหนได้นอกจากกะพริบตาและอ้าปากเท่านั้น

“ส่งสตรีผู้นี้กลับเข้าไปในรถม้า แล้วฆ่าให้หมดทุกคน” หมี่โม่หรู่โยนผ้าเช็ดหน้าใส่หน้าต๋งเหม่ยจิงแล้วหันหลังขี่ม้าจากไป

ผ้าเช็ดหน้าสีขาวตกลงบนจมูกและปากของต๋งเหม่ยจิง เลือดสีดำปนแดงจากปากทำให้ผ้าเช็ดหน้าเปียกอย่างรวดเร็ว ผ้าเช็ดหน้าเปียกนั้นได้อุดจมูกและปากทำให้นางหายใจลำบากขึ้นในทันที นางต้องการเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกเพื่อป้องกันไม่ให้หายใจไม่ออก

แต่ด้วยกำลังทั้งหมดของนาง นิ้วของนางก็ยังคงนิ่งอยู่

“โครม!” นางถูกยกขึ้นและโยนขึ้นไปบนรถม้า และผ้าเช็ดหน้าที่ปากของนางก็ขยับไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน ทำให้นางหายใจทางจมูกได้ครึ่งเดียว

“เอ่อเอ่อ…” เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแผ่วเบาถูกกลบด้วยเสียงกีบม้า ม้าที่ลากรถถูกแทงที่ขา ม้าจึงห้อตะบึงด้วยความเจ็บปวดและรถม้าก็วิ่งไปโดยไม่มีทิศทาง

ความสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของต๋งเหม่ยจิง ม้าจะพานางไปยังสันเขาหรือหน้าผาและหุบเหว…

ในเวลาเดียวกัน ต๋งชวนค่อย ๆ เช็ดฝุ่นออกจากใบหน้าของฉินปู้เข่อบนรถม้า ราวกับว่าเขากำลังปัดฝุ่นสมบัติของพระพุทธเจ้า

ตาของฉินปู้เข่อจ้องมองเขาอย่างเย็นชา แล้วต๋งชวนก็หัวเราะอย่างมีความสุข

เขาลูบไล้ตาของฉินปู้เข่ออย่างแผ่วเบาและพึมพำว่า “ในคืนนั้นข้ารู้สึกว่ามีคนเฝ้าดูข้าอยู่ข้างหลังเสมอ และเมื่อข้ามองย้อนกลับไป ข้าก็เห็นเพียงแค่ต้นไม้และกำแพงสีเทา เมื่อข้ามาเห็นเจ้าทีหลัง ข้าก็จำได้ในพริบตา เจ้าคือคนที่มองข้าใกล้ ๆ กับตำหนักเฮ่อเจียงใช่หรือไม่”

ฉินปู้เข่อตกตะลึง นางขมวดคิ้วและพยายามสะบัดมือของต๋งชวนออกไป

ต๋งชวนบีบคางของนางและบังคับให้นางมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา “หลายปีมานี้ข้าได้เก็บสะสมมือ เท้า จมูกและปากไว้ แต่ตาหายไปตลอด ฮ่า ๆ เสี่ยวจิงเป็นคนกตัญญูเสียจริง นางได้มอบดวงตาที่ข้าตามหาให้ข้าอย่างแท้จริง”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ค่อย ๆ เข้าหาฉินปู้เข่อ และแลบลิ้นออกมาเพื่อจะเลียดวงตาในฝันนั้น

ฉินปู้เข่อเอนหลังเพื่อหลบต๋งชวนทันที

ทันใดนั้นรถม้าก็หยุด

“หยุดทำไม?”

คนขับหันศีรษะมากล่าวว่า “นายท่าน อ๋องจั่วเสียนขี่ม้ามาหยุดรถม้าไว้ขอรับ”

ต๋งชวนหัวเราะเยาะและยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าจะพาเจ้ากลับไปเล่นอย่างช้า ๆ หลังจากที่ข้าไล่เขาไปแล้ว”

เขายกม่านรถม้าขึ้นและมองไปยังหมี่เฉินอี้ตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงน่าขยะแขยงของเขาคล้ายสตรี “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงที่ข้าได้พบกับอ๋องจั่วเสียนที่นี่”

หมี่เฉินอี้เหวี่ยงแส้ม้าและผิวปากเสียงดัง “อัครมหาเสนาบดีเห็นแม่สาวน้อยหรือไม่ พระชายาหลี่ชินน่ะ?”

ต๋งชวนไม่ตอบคำถามของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อ๋องจั่วเสียนกังวลเกี่ยวกับพระชายาหลี่ชินนี่เอง หรือเป็นเพราะต้องการผูกมิตรกับอ๋องหลี่ชิน”

หมี่เฉินอี้เกาหัวและพูดอย่างไม่อดทน “หลานเจ็ดอ่อนแอแต่ในที่สุดเขาก็ได้ภรรยาและสูญเสียนางไป เอ๊ะ ในฐานะอาของเขา เจ้าจะไม่ให้ข้ากังวลเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ต๋งชวนพยักหน้า “มันสมเหตุสมผลแล้ว เหตุใดข้าไม่ให้เขาเพิ่มอีกคนหนึ่งเล่า ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากบ้านใหม่ของข้า มีของดีอยู่อีกหลายคน อ๋องจั่วเสียนจะเลือกไปสักคนดีหรือไม่?”

“ก็ได้—หากเจ้าบอกว่าดีก็ไม่มีปัญหา” หมี่เฉินอี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

……………………………………………………………………