“แล้ว? ตอนนี้สบายดีไหม?”
ผมถามขณะที่มองไปที่โอลิเวียซึ่งตอนนี้กำลังยืนเฉยเมยต่อหน้าผม เสื้อผ้าของเธอซึ่งเคยเต็มไปด้วยคราบตอนนี้ดูสะอาดสะอ้าน แม้แต่ผมก็ยังดูสะอาดสะอ้านไม่มีอะไรดูน่าสงสัย
เป็นเวลา 5 นาทีแล้วตั้งแต่ผมเล่นกับร่างกายของเธอ หลังจากการถึงจุดสุดยอดของเธอ โอลิเวียก็เพียงแสดงท่าทางให้ผมเห็นอย่างเย็นชา เธอไม่ได้ตะโกนใส่ผมและไม่ได้โวยวาย เธอสวมหน้ากากแห่งการเชื่อฟัง แต่ผมจะทำให้มันกลายเป็นการเชื่อฟังอย่างแท้จริงเอง
“ฉันสบายดีค่ะนายท่าน”
เธอพูดในขณะที่มองมาที่ผม
ผมพยักหน้าให้เธอในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เธอและสัมผัสหัวของเธอด้วยนิ้วหัวแม่มือ
“อย่าต่อต้านคาถาที่ผมร่ายใส่เธอหล่ะ”
เธอไม่ตอบแต่พยักหน้า โดยที่ผมร่ายคาถาสองคาถาไปที่ร่างของเธอ ร่างกายของโอลิเวียสั่นอยู่ชั่วขณะเมื่อมานาของผมเข้าไปเติมเต็มเธอ แต่อยู่ได้ไม่กี่วินาทีก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นปกติ
“คาถาพวกนี้คืออะไรเหรอคะนายท่าน?”
“แค่บางอย่างที่จะทำให้เธอเชื่อฟังหน่ะ”
ผมตอบกับโอลิเวียด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ผมร่ายคาถา 2 อย่างใส่เธอและบทบาทของพวกมันก็เรียบง่าย คาถาหนึ่งทำให้เธอมีอารมณ์ในบางช่วงเวลาของวัน ผมตั้งเวลาให้เปิดใช้งานเมื่อเธออยู่คนเดียวและมันยังทำให้เธอไม่รู้สึกดึงดูดโดยผู้ชายคนอื่นอีกด้วย
ส่วนอีกคาถาคืออะไรงั้นเหรอ? ก็มันจะทำให้เธอถึงจุดสุดยอดไม่ได้ ถูกต้องแล้วเธอจะรู้สึกมีอารมณ์และถึงจุดสุดยอดแต่เธอจะไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้จริงๆ และคนเดียวที่ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดได้ก็คือผมนั่นเอง
แม้ว่าคาถาจะฟังดูน่าอัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีประโยชน์มากนัก แต่ท้ายที่สุดแล้วสำหรับการร่ายคาถา ผู้ที่ได้รับคาถาควรเห็นด้วย นอกจากนี้ทั้ง 2 คาถาสามารถลบออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดายตามต้องการ
ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่ตอนนี้ในสถานการณ์นี้ คาถานี้จะเป็นสิ่งที่ดึงโอลิเวียไปสู่ห้วงลึกของความสุขและความสิ้นหวัง เมื่อรู้สึกถึงคาถาภายในร่างกายของตัวเอง โอลิเวียก็ไม่ได้กังวลมากนัก เธอรู้สึกว่าเธอสามารถกำจัดคาถาออกจากร่างกายของตัวเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
“ดีหล่ะ ไปกันเถอะ อย่าลืมพรุ่งนี้เจอกันที่นี่เวลาเดิมนะ”
“ค่ะนายท่าน”
โอลิเวียพูดอย่างเย็นชา
ผมพยักหน้าให้เธอขณะที่เริ่มเดินออกไป
จากนั้นโอลิเวียก็พูดอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องจะบอกนายท่านค่ะ”
“อะไรงั้นเหรอ?”
ผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองเธอ
“มาร์ลีนต้องการพบนายท่านค่ะ”
“มาร์ลีน? เธอหมายถึงเจ้าหญิงเผ่าวาฬเหรอ?”
“ใช่”
เพี๊ยะ
“อ๊า!”
ทันทีที่โอลิเวียตอบ ผมก็ตีก้นเธออย่างแรง เมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ก้นของตัวเองและมองมาทางผม โอลิเวียก็กัดฟันก่อนจะพูดอีกครั้ง
“ใช่ค่ะนายท่าน”
“ดี งั้นนำทางผมไปทีสิ”
โอลิเวียทำท่าทีเย็นชาอีกครั้งขณะที่เธอผงกศีรษะ ในเวลาไม่นานเราก็ออกจากห้อง มองเห็นนอร่ายังคงรออยู่ข้างนอก พอเห็นเราออกมาเธอก็เปลี่ยนความสนใจมาที่เราทั้งคู่ขณะพยายามมองหาสิ่งที่น่าสงสัยแต่เมื่อไม่เห็นมีอะไรเธอก็ปล่อยมันไป
“รอนานไหมครับพี่สาว?”
“ไม่เลย นายอยู่ในนั้นแค่ชั่วโมงเดียว ดังนั้นมันจึงไม่นานเท่าไหร่”
นอร่าตอบกลับมาหาผม เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรจะเข้าไปยุ่งเมื่อไหร่และที่ไหน ตอนนี้ใบหน้าของโอลิเวียเป็นปกติแล้ว ดูเหมือนเธอจะควบคุมตัวเองได้ก่อนเธอจะพูดกับนอร่า
“นอร่า ทำไมเธอไม่พานาย- ฉันหมายถึงออสตินไปที่กลุ่มน้ำหล่ะ ดูเหมือนว่ามาร์ลีนจะต้องการพบเขานะ”
“ได้เลย มาสิออสติน”
นอร่าพยักหน้าขณะที่เธอเดินนำหน้า ผมขยับตามเธอไปแต่ยังวายไม่หันมากระซิบข้างหูโอลิเวีย
“เจอกันพรุ่งนี้นะทาสคนสวยของผม”
หลังจากนั้นโดยไม่หันหลังกลับ ผมก็วิ่งตามนอร่าให้ทัน ไม่นานผมก็เดินเคียงข้างเธอขณะที่เราเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ขณะที่เดินอยู่ข้างเธอ ผมรู้สึกได้ว่านอร่ามักจะแอบมองผมเป็นระยะๆ ผมเห็นว่าเธอสงสัยแต่น่าเศร้าใจที่ผมไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้ในครั้งนี้
“พี่สาว พวกกลุ่มน้ำนี่แข็งแกร่งไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัดผมจึงพูดขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นนอร่าก็ตอบกลับ
“แข็งแกร่งสิ แข็งแกร่งมากด้วย พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อยู่บนจุดสูงสุด”
“เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าการพบกันครั้งนี้จะน่าสนุกนะครับ”
“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้นสำหรับนาย นายรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวเลบางส่วนไปแล้วหน่ะ”
“จริงเหรอครับ?”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงถาม
“จะไม่เป็นงั้นได้ไงหล่ะ? หลังจากที่นายได้ปลดปล่อยผู้ที่กำลังทนทุกข์ของชาวเล แม้ว่านายจะฆ่าผู้กล้าของพวกเขาต่อหน้าต่อตาและจบลงด้วยการเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของพวกเขาก็เถอะ”
“อ่าา…ผมไม่ได้อยากทำแบบนั้นซักหน่อย”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ขมขื่นของนอร่า ผมก็อดที่จะคัดค้านไม่ได้ มันเป็นการป้องกันตัว ผมไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ไว้เลย ถ้ามีใครก็ตามที่ควรถูกตำหนิ คนๆ นั่นคือชายชรานามว่าโรเบิร์ตต่างหาก
เมื่อเห็นท่าทางขมขื่นของผม นอร่าก็พยายามปลอบใจผม
“ไม่ต้องกังวลดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เกลียดหรือตำหนินายหรอก ฉันเดาว่าพวกเขาอาจอยากขอบคุณนาย มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร”
“อันที่จริงมันคงจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ถึงอย่างนั้นผมก็แน่ใจว่าพี่สาวของผมจะปกป้องผม”
พูดดังนั้นแล้วผมก็จับแขนข้างหนึ่งของนอร่าไว้กับตัวและทำท่าเหมือนน้องชายที่หวาดกลัว พอเห็นการกระทำของผม นอร่าก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม เธอยกมืออีกข้างขึ้นลูบไล้ใบหน้าของผม
“อืม ถ้าพวกนั้นต้องการทำร้ายนาย ต้องผ่านศพของฉันไปก่อน”
นอร่าพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
นอร่าพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็ยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นจับมือนอร่าและจูบลงบนมือของเธออย่างรักใคร่ ผมมองนอร่าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและสัมผัสได้ว่านอร่ากำลังสั่นไหวจากการจูบอันอ่อนโยนของผม ตอนนี้เราเดินมาได้ไกลพอสมควรและไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ หลังจากจูบมือเธอไม่กี่วินาทีผมก็ผละออกมา
ผมพูดกับนอร่าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
“ผมก็เหมือนนอร่า ถ้าใครคิดจะทำร้ายเธอ มันต้องเดินข้ามศพผมไปก่อน”
เสียงของผมอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความรัก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็เห็นสีแดงระเรื่อปกคลุมใบหน้าที่น่ารักของเธอ ดวงตาของเธอเริ่มผิดปกติและการหายใจของเธอดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น เธอรีบจับแขนผมแล้วเดินไปข้างหน้า ผมมองเธออย่างยิ้มๆ หลังจากนั้นก็เดินตามเธอไปแบบเงียบๆ แปลกดี ความเงียบระหว่างเราตอนนี้ช่างอบอุ่นยิ่งนัก
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต