ตอนที่ 117 ร้านข้างๆเป็นคนบงการ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 117 ร้านข้างๆเป็นคนบงการ

ชายหนุ่มคนหนึ่งถอยหลังหนึ่งก้าว “จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร งั้นช่างมันเถอะนะ”

เขาชี้ไปที่จมูกของหลินม่ายแล้วพูดว่า “คราวหลังต้องระวังเรื่องความปลอดภัยในร้านอาหารของคุณด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะพูดจาดีๆเหมือนเรา”

พูดแล้วก็อยากจะอันตรธานหายไปกับผู้สมรู้ร่วมคิด

ฟางจั๋วหรานก้าวไปข้างหน้าและขวางทางไว้ “อะไรนะ? มาข่มขู่ถึงหน้าประตูบ้าน ทำลายชื่อเสียงของร้านแล้วจะออกไปง่ายๆ แบบนี้เหรอครับ? ในโลกนี้มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ! ผมจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผย! ”

“ไปให้พ้น!” ชายหนุ่มทั้งสองผลักฟางจั๋วหรานและหนีออกไป

ฟางจั๋วหรานมีสายตาและมือที่รวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างฉับไว เขาก็ตรึงชายหนุ่มคนหนึ่งไว้กับโต๊ะ

ชายหนุ่มอีกคนถูกเตะที่ขาด้านหลังแล้วล้มลงกับพื้น

ชายหนุ่มที่ถูกเตะลงกับพื้น ลุกขึ้นได้แล้วหันหลังวิ่งหนี

ฟางจั๋วหรานไม่สนใจ ตราบใดที่เขาจับได้คนหนึ่ง อีกคนก็คงหนีไม่รอด

หลินม่ายหันไปหาโจวฉายอวิ๋นและพูดว่า ”ไปที่สถานีตำรวจและเรียกตำรวจมา บอกไปว่าที่นี่มีคนมาข่มขู่พวกเรา ให้พวกมันไปนอนในคุกสักสองสามปี”

โจวฉายอวิ๋นตอบรับแล้วรีบวิ่งออกไป

ชายหนุ่มกระวนกระวายจนลูกตาแทบจะถลนออกมา เขาตะโกนว่า “อย่าเรียกตำรวจ นี่ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันรับเงินมาจากคนอื่นเพื่อจัดการแทนพวกเขา!”

ฟางจั๋วหรานออกแรงที่มือ จนชายหนุ่มวัยละอ่อนคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด “คุณรับเงินมาจากใคร มาจัดการแทนใคร?”

ในเวลานี้ชายชราสองคนเบียดจากฝูงชนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นที่ประตูร้านเข้ามา

หนึ่งในนั้นเห็นชายหนุ่มแวบหนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ต้าอวิ้น ทำไมแกมาอยู่ที่นี่?”

ชายหนุ่มไม่มีเวลาสนใจเขา และพูดกับฟางจั๋วหรานด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “หล่อนเป็นคุณป้าห่างๆ ของผม คุณป้าร้านที่อยู่ติดกับคุณให้เงินผมห้าหยวนมาก่อกวนสร้างปัญหา เพื่อที่จะทำลายร้านนี้ พี่ชาย ผมรับค่าจ้างมาห้าหยวนเอง แต่พี่จะจับฉันเข้าคุก นี่มันไม่โหดร้ายเกินไปเหรอ?”

“โหดร้ายเหรอ? ผมไม่รู้สึกแบบนั้น”

น้ำเสียงของฟางจั๋วหรานเย็นชา “คุณรับเงินจากเขามาห้าหยวน เพื่อทำร้ายร้านของเพื่อนผม แล้วหล่อนจะทำธุรกิจได้อย่าง ไร พวกหล่อนไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เหรอ? คุณช่างเป็นคนที่ไร้ความปรานีจริงๆ!”

ชายชราสองคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “คนแซ่หูร้านข้างๆเป็นคนบงการใช่ไหม? งั้นพวกเราไปหาคนแซ่หูเพื่อหาคำอธิบายกัน!”

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็รู้จักป้าหู

ชายหนุ่มสองคนที่มาสร้างปัญหา ล้วนเป็นหลานห่างๆ ของป้าหู

ทันทีที่พวกเขาวิ่งไปที่ร้านของหลินม่ายเพื่อสร้างปัญหา ป้าหูก็หลบอยู่ในฝูงชนเพื่อดูความสนุก

เมื่อเห็นว่าไฟกำลังจะไหม้ลามมาที่ตัวเอง หล่อนจึงปิดประตูแล้วย่องออกไปกับหลานชายในอ้อมแขน

คนกลุ่มหนึ่งรีบไปที่บ้านของหล่อน แต่เปล่าประโยชน์

ชายชราคนหนึ่งพูดกับหลินม่าย “ถึงหล่อนจะหนีไปได้ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก พรุ่งนี้ค่อยคิดบัญชีกับหล่อน”

คนกลุ่มหนึ่งกลับเข้าไปในร้านของหลินม่าย

หลินม่ายถามชายชราทั้งสอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

ชายชราทั้งสองแนะนำตัวเอง “ฉันคือปู่ของหูจื้อ”

“”ฉันคือปู่ของเหยาซวงเฉิง

“โชคดีที่เธอช่วยหลานชายทั้งสองของเราไว้ เด็กน้อยสองคนถูกกลุ่มค้ามนุษย์ลักพาตัวไปพร้อมกับลูกอมที่มียานอนหลับ พวกเราไม่รู้เรื่องเลย!”

“พวกเรามาที่นี่เพื่อขอบคุณเธอโดยเฉพาะ”

ชายชราสองคนคุยกัน และวางของขวัญที่พวกเขานำมาไว้บนโต๊ะ

หลินม่ายปฏิเสธ “แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะค่ะ คุณปู่สองคนไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้”

“ต้องสิ ต้องสิ”

ชายชราสองคนทิ้งของขวัญไว้และจากไป

ฟางจั๋วหรานเพิ่งรู้ว่าตอนบ่ายหลินม่ายได้ช่วยชีวิตเด็กที่ถูกลักพาตัวไว้

ในขณะนี้โจวฉายอวิ๋นก็พาตำรวจมา หลังจากสืบสวนคดีแล้วตำรวจก็พาตัวชายหนุ่มไป

ของขวัญจากชายชราทั้งสองมีขนมอบจำนวนมาก ตอนกลางคืน ขณะที่ทั้งสามคนนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ชั้นบน หลินม่ายก็หยิบขนมอบออกมาแบ่งปันกับทุกคน

เด็กน้อยชอบกินขนมไข่ที่สุด ขณะที่กินขนมไข่หล่อนก็ถามขึ้นว่า “แม่ไปซื้อขนมไข่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมหนูไม่รู้เลย?”

“แม่ไม่ได้ซื้อ แต่ปู่ของเด็กสองคนที่ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปนำมาให้จ้ะ”

หลินม่ายถือโอกาสสั่งสอนเด็กน้อยผู้น่ารัก ไม่ว่าใครจะให้ขนมก็อย่ารับมากินง่ายๆ

เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “คนรู้จักให้ก็กินไม่ได้เหรอคะ?”

“ไม่ได้” มีหลายกรณีแล้วที่คนรู้จักก่ออาชญากรรม และหลินม่ายต้องให้เด็กน้อยระวังคนรู้จักด้วย

……

โจวฉายอวิ๋นถูกหลินม่ายแต่งตัวอย่างสวยงามในตอนเช้า และรีบออกจากบ้าน

ตอนที่จะออกไปก็เหลือบไปมองร้านข้างๆอย่างไม่รู้ตัว พบว่าไม่ได้เปิดกิจการ

“เกือบหกโมงครึ่งแล้ว คงไม่น่าขายแล้วมั้ง”

โจวฉายอวิ๋นรีบกลับไปที่ห้องครัวและบอกข่าวดีกับหลินม่ายอย่างมีความสุข

หลินม่ายมองค้อนหล่อน “เธอรีบขึ้นรถไฟได้แล้ว ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ร้านหรอก”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังเดินไปที่หน้าร้านเพื่อดูสักหน่อย เป็นไปอย่างที่โจวฉายอวิ๋นว่าไว้ วันนี้ป้าหูไม่ได้เปิดร้าน

เธอเดาในใจว่า เป็นเพราะกลัวเธอจะไปเอาเรื่องหรือเปล่า หล่อนเลยหลบหน้า?

แต่เรื่องนี้หลีกเลี่ยงได้หรอ?

โจวฉายอวิ๋นลงจากรถไฟที่เมืองซื่อเหมย และไปที่บ้านของคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางตามคำขอของหลินม่าย

หญิงชราหลายคนในละแวกนั้นกำลังนั่งคุยกันที่บ้านของคุณย่าฟาง เห็นหลินม่ายไหว้วานโจวฉายอวิ๋นให้นำของขวัญมากมายมาให้กับผู้เฒ่าสองคนของครอบครัวฟาง พวกเขาต่างพากันชะเง้อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

มีทั้งของกินของใช้ที่จำเป็น

โดยเฉพาะอาหารอย่างพุทราแดง ลำไย นมมอลต์ น้ำผึ้ง นมผง มีครบทั้งหมด

นอกจากพุทราแดงที่ดูเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของหญิงชราไม่กี่คน ลำไยยังเป็นของหายากสำหรับพวกเขาที่จะกินหลายครั้งในชีวิต

ในมณฑลหูไม่มีลำไย และมันก็มีราคาแพงมากเมื่อถูกส่งมาจากแหล่งกำเนิด

สำหรับนมมอลต์ น้ำผึ้ง และนมผง นับประสาอะไรกับรสชาติ แม้แต่กลิ่นพวกนางก็ไม่เคยได้รับรู้สักครั้ง

หญิงชราเหล่านั้นต่างรู้สึกอิจฉาและเปรี้ยวฝาดอยู่ในใจ

ลูก ๆ ของพวกเขาไม่ได้กตัญญูเหมือนอย่างที่หลินม่ายปฏิบัติต่อผู้เฒ่าสองคนของครอบครัวฟาง สองผู้เฒ่าตระกูลฟางเคยช่วยหลินม่าย เธอเลยปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนผู้อาวุโสในครอบครัว

เป็นเพราะโจวฉายอวิ๋นผ่านเมืองซื่อเหมย หลินม่ายจึงขอให้หล่อนนำของขวัญมากมายมามอบให้ผู้เฒ่าสองคนของครอบครัวฟาง

เนื่องจากรู้สึกเสียสมดุลในใจ หญิงชราสองสามคนจึงเอ่ยยั่วยุ

หญิงชราคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาริษยา “ตอนนี้ผ้าที่ดีที่สุดคือผ้าดากรอน ทำไมหลินม่ายไม่ซื้อเสื้อผ้าดากรอนให้คุณล่ะ เห็นซื้อแต่พวกผ้าฝ้ายหยาบ”

คุณย่าฟางนำเสื้อผ้าที่หลินม่ายซื้อให้มาทาบกับร่างของตนเอง “พวกเธอจะไปรู้อะไร ถึงมันจะแพง แต่ก็ไม่ซับเหงื่อ อากาศตอนนี้ร้อนขึ้นทุกวันและฉันก็กลัวเป็นลมแดด ผ้าแบบนี้ใส่แล้วเย็นสบายมาก การสวมเสื้อผ้าฝ้ายนี่แหละซับเหงื่อและเย็นสบายดี”

หลินม่ายซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ให้นางกับคุณปู่ฟาง เห็นได้ชัดว่าเธอใส่ใจแค่ไหน

หญิงชราต้องการยุแยง แต่ก็ไม่สำเร็จ ทั้งหมดจึงรู้สึกขุ่นเคืองใจ

หญิงชราอีกคนกล่าวว่า “แม้ลำไยจะเป็นของดี แต่ก็เป็นอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ใครจะทนกินลำไยในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ได้ ฉันกลัวว่าคนแก่อย่างพวกเธอทั้งสองจะเลือดกำเดาไหลหลังจากกินเข้าไปน่ะสิ”

คุณปู่ฟางยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ว่ามีน้ำผึ้งด้วยหรือ น้ำผึ้งช่วยดับร้อนและล้างพิษ กินลำไยกับน้ำผึ้งก็ไม่เป็นไรแล้ว”

หญิงชราสองสามคนไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ พวกนางกลัวว่าหากอยู่นานไปพวกตนจะสำลักความอิจฉาริษยาไปมากกว่านี้

ผู้เฒ่าฟางทั้งสองต้องการพักรับประทานอาหารกลางวันกับโจวฉายอวิ๋นก่อนออกเดินทาง แต่โจวฉายอวิ๋นต้องการกลับบ้านก่อนเวลา เพื่อไปเยี่ยมพ่อแม่ หล่อนจึงขอไม่อยู่ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

นี่เพิ่งจะสิบโมงเอง เร็วเกินไปที่จะกินอาหารเที่ยงเวลานี้

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่ได้บังคับให้หล่อนอยู่ แต่เพียงขอให้หล่อนเข้ามาในบ้านสักครู่ เพราะมีของที่จะให้หลินม่าย

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เตรียมเจ๊งได้เลยป้าหู โดนจับได้แล้วว่าหล่อนส่งคนมาพังร้านหลินม่าย

ไหหม่า(海馬)