นที่ 35 แกงกะหรี่ ลาสซี่ และจุลินทรีย์ในลำไส้

———————–

ณ วันหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้มีการจัดงานเลี้ยงประจำฤดูใบไม้ร่วง(Fête d’ automne)โดยมีร้านหลักของร้านขายยาต่างโลกเป็นที่รวมพล ก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังริมฝั่งแม่น้ำซึ่งถูกครอบครองตระกูล เดอ เมดิซิส

โดยงานเลี้ยงดังกล่าวนี้เป็นกิจกรรมกลางแจ้งแบบลับๆ ที่เหล่าพนักงานของทางร้านและลูกค้าขาประจำได้รับเชิญ

หัวหน้านักบวชและเหล่าผู้ติดตามก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ในฐานะลูกค้าประจำ

ในงานเลี้ยงนี้จะมีการเสิร์ฟอาหารบางอย่างที่แขกแต่ละคนก็ไม่สามารถรู้ได้

นั่นคือแกงกะหรี่

ฟาร์มาที่ในที่สุดเขาก็สามารถทำสูตรผสมแกงกะหรี่ซึ่งทำอยู่ภายในห้องทดลองชั้นที่สี่ของร้านได้สำเร็จ เขาก็ได้นำสูตรดังกล่าวไปขอให้พ่อครัวของทางบ้าน เดอ เมดิซิสเป็นผู้ปรุงและเสิร์ฟมัน

(ไม่คิดเลยว่าแค่ปาร์ตี้แกงกะหรี่ธรรมดามันจะบานปลายได้ขนาดนี้)

อาหารจานปกติก็ถูกเสิร์ฟเข้ามาด้วยอีกหลายจานให้เลือกทานไว้บนโต๊ะโดยคำนึงถึงคนที่อาจจะไม่ชอบในรสชาติของแกงกะหรี่

งานถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีวงออเคสตราเล่นอยู่กลางแจ้ง

「รสชาติดีสุดๆ ไปเลย」

เอเลนที่ใส่ชุดสีฟ้าซึ่งสมวัยของตนกำลังลองชิมแกงกะหรี่ที่ใช้เครื่องเทศราคาแพง ก่อนจะดื่มด่ำกับมันด้วยมีดและส้อมของเธอ

「ระวังมันหกลงไปที่ชุดด้วยนะ」

「ว้ายー! แย่ละสิー!」

คำเตือนของฟาร์มาดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว เพราะเสื้อของเธอตอนนี้ได้เปื้อนไปเป็นที่เรียบร้อย

「สีเหลืองของแกงกะหรี่นี่มันล้างออกอยู่ใช่หรือเปล่า? 」

「ถ้าหากนำมันไปซักเสร็จแล้วตากแดดให้แห้ง ส่วนประกอบที่เป็นสีเหลืองของแกงจะถูกย่อยสลายเมื่อโดนแสงแดดเอง」

เพราะนึกอยู่แล้วว่ามันอาจจะต้องมาเรื่องเช่นนี้ ฟาร์มาจึงได้ใส่ชุดมายังงานด้วยชุดโทนสีดำ

「งั้นเหรอ? ขอบคุณพระเจ้า」

「การได้มาทานข้าวกลางแจ้งแบบนี้มันทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนกันนะ」

ดูท่าว่ามันจะเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับผู้คนบนโลกนี้ที่ไม่มีวัฒนธรรมการออกมาทานอาหารข้างนอก

「เจ้าช่วยบอกพวกข้าเกี่ยวกับสูตรอาหารนี้หน่อยได้หรือเปล่า? 」

กัปตันณองผู้สวมชุดเครื่องแบบของเขา ซึ่งแตกต่างจากชุดเสื้อเชิ้ตปกติที่ใส่อยู่ทุกวัน เขาได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับแกงกะหรี่จะนำมันไปใช้กับคนบนเรือของเขาด้วย ฟาร์มาจึงได้มอบเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสูตรอาหารซึ่งถูกคัดลอกมาจากเครื่องอัดสำเนา

「เพราะพวกเครื่องเทศมันเก็บได้นาน ข้าคิดว่าคงจะเหมาะกับการเดินเรืออยู่พอสมควร」

ฟาร์มาจึงได้ตั้งหน้าตั้งตารอที่วันหนึ่งจะมีแกงกะหรี่ทะเลเกิดขึ้น

「ท่านฟาร์มาคะ〜เหล่าจานที่แสนวิเศษพวกนี้มันอะไรกันค่ะเนี่ย〜!」

ลอตเต้ซึ่งกำลังวุ่นอยู่กับการลิ้มลองรสชาติแกงกะหรี่ต่างๆ แต่ก็ไม่ลืมเรื่องของมารยาทบนโต๊ะอาหารด้วยเช่นกัน

แกงกะหรี่ที่เตรียมมานั้นมี Keema Curry (แกงกะหรี่เนื้อไก่สับ) Aloo Palak (แกงกะหรี่ผักโขมกับมันฝรั่ง) European Curry (แกงกะหรี่ที่ใช้น้ำสต๊อกของเนื้อ ผสมกับผักและสมุนไพร ตามมาด้วยนม) และท้ายสุด White Curry (แกงกะหรี่ครีมมันฝรั่ง)

ฟาร์มาคิดว่าเหล่าผู้คนคงจะมีทั้งชอบและไม่ชอบกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะโชคดีที่รสชาติพวกนั้นถูกปากพวกเขาพอดี ลอตเต้ทำการเช็ดคราบอาหารที่ริมฝีปากของเธอด้วยผ้าเช็ดปาก และถึงกระโปรงกันเปื้อนของเธอจะมีคราบของแกงติงอยู่ แต่เธอก็ดูพึงพอใจมาก

「โดยเฉพาะถ้ากินกับขนมปังอันนี้ ว่าแต่มันเรียกว่าอะไรเหรอคะ? เอ่ะเห๊ะๆ 〜ฉันรู้สึกว่าทานเท่าไหร่ก็ไม่พอเลย〜」

「นันเรียกมานานน่ะ」

ฟาร์มานั้นกำลังทานแกงกะหรี่กับนานอยู่

「เอ๋ อะไรกันน่ะนั่น? 」

เอเลนถามกลับ

「ขนมชิ้นนี้มันถูกเรียกว่านาน มันทำมาจากแป้งสาลีชิ้นจะดูหนาๆ หน่อย ส่วนชิ้นที่ชิ้นบางๆ นั้นมันถูกเรียกว่า จาปาตี ทำมาจากธัญพืช」

「อ๊าา〜ฉันหยุดกินแกงกะหรี่นี้ไม่ได้เลยค่ะ〜」

แล้วฟาร์มาก็ได้เริ่มทานอาหารของเขาต่อไปอย่างช้าๆ ในขณะที่คุยกับเอเลนและเหล่าลูกค้าประจำของร้านขายยา ถึงอาหารจะเป็นที่น่าพอใจแต่ทว่า….

(อ่าาา……หวังว่ามันน่าจะมีข้าวอยู่สักหน่อยนะ……)

ฟาร์มาอยากจะอัญเชิญข้าวแกงกะหรี่ขนาดใหญ่พิเศษมาทานให้พุงกางกันไปเลยแต่นั่นมันคงจะเป็นเรื่องเสียมารยาทบนโลกใบนี้ รวมไปถึงโลกใบนี้นั้นไม่มีสิ่งที่เรียกกันว่าข้าวอยู่แต่แรกแล้วด้วย

「พวกนี้มันต้องใช้เครื่องเทศอะไรบ้างเหรอ? หลังจากกลับไปฉันก็อยากจะทำมันที่บ้านด้วย」

บนโลกใบนี้เหล่าเครื่องเทศนั้นยังมีราคาแพงอยู่ คงจะเข้าเนื้อมากพอสมควรหากนำมาใช้เยอะ ดังนั้นสูตรแกงกะหรี่นี้จึงได้พยายามใช้มันให้น้อยที่สุด

「ถ้าเป็นตามสูตรนี้ คุณจะต้องนำหัวหอมมาสับพร้อมกับผักแล้วนำไปผัด ก่อนจะจำพวกมันไปต้มพร้อมกันกับเนื้อ โดยใช้ขมิ้นชัน ผักชี พริกแดง พริกไทยป่น ยี่หร่า ขิง แล้วก็กระเทียม」

หากนำเครื่องเทศมาใช้มากกว่านี้มันอาจจะทำให้รสชาตินั้นล้ำลึกมากยิ่งขึ้น แต่ฟาร์มาเองก็ไม่ได้มีความรู้ในการผสมเครื่องเทศและไม่รู้ว่าเครื่องเทศไหนจะเหมาะสมที่สุด ดังนั้นกว่าเขาจะได้สูตรนี้มานั้นจึงผ่านความล้มเหลวมาแล้วมากมาย

โดยความเผ็ดของแกงกะหรี่นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนของพริกแดง พริกไทยป่น และ เหล่าพริกอื่นๆ

ซึ่งก็ปรับไปตามแต่ละบุคคล ซึ่งอันที่จริงเขาอยากทำมาสำหรับเด็กกับผู้ใหญ่อีกที หม้อที่มีรสอ่อนกับจัดจ้าน แต่หากทำเผ็ดจนเกินไปมันจะไปกระตุ้นกระทำงานของกระเพาะอาหารมากจนส่งผลเสีย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้นในตอนนี้ เพราะมันคงดูไม่จืดเลยหากงานเลี้ยงของร้านขายยาต่างโลกเกิดมีคนปวดท้องขึ้นมา

「แกงกะหรี่นี้ดูเป็นอาหารเพื่อสุขภาพมากเลยค่ะ」

ลอตเต้ได้พัดใบหน้าของเธอด้วยมือ “จะว่าไปร่างกายฉันรู้สึกอุ่นๆ ขึ้นมาแล้วสิคะ” เอเลนก็พยักหน้าเห็นด้วย

「ส่วนหนึ่งของมันมีผลดีต่อสุขภาพจริงๆ.. 」

เป็นความจริงที่ว่าขมิ้นชันนั้นมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงและนั่นยังมีผลในการยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งอีกด้วย แต่นั่นก็ยังคงอยู่ในช่วงการวิจัยอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ควรระวังให้ดีคือการที่มีโฆษณาอ้างว่า “ส่วนผสมพวกนี้มันดีสำหรับการรักษาโรคนี้นะ” ตัวฟาร์มาจึงไม่ได้มีความคิดที่จะโปรโมทให้แกงกะหรี่ให้กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ

หากทานมากจนเกินไปอาจจะส่งผลเสียได้ ดังนั้นเขาจึงต้องคำนึงถึงสุขภาพส่วนตัวของแต่ละคนด้วย นอกจากนี้มันอาจจะสร้างภาระให้กับระบบทางเดินอาหารหากมีการใช้เครื่องเทศที่มากจนเกินไป

「แปลว่ามีเรื่องที่ควรระวังไว้ด้วยหรือเปล่า? 」

เอเลนหัวเราะคิกคักให้กับฟาร์มาที่พยายามเลือกใช้คำพูดด้วยท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่

「อ่าคือ..ไม่หรอก เอ่อ…ร่างกายคุณอาจจะอุ่นขึ้นแล้วก็มีผลทำให้กระตุ้นความอยากอาหารน่ะ」

「แล้วของพวกนี้มันเก็บไว้ได้นานหรือเปล่าหลังจากปรุงสุก? หลังผ่านไปแล้วสองสามวันยังกินได้อยู่หรือเปล่า? 」

「ทางที่ดีควรทานให้หมดตั้งแต่วันที่ปรุงเสร็จเลยนะ」

โดยทั่วไปแล้วหลักการที่ว่าแกงกะหรี่ที่ถูกเตรียมไว้ทิ้งข้ามคืนนั้นจะอร่อย แต่ในบางกรณีแล้วการทำเช่นนั้นอาจจะสามารถสร้างเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมากที่ถูกเรียกกันว่า เชื้อราเวลส์ซึ่งกลายเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษเมื่อมันถูกความร้อนได้

แต่กรณีที่ถูกเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วนำมาทานในวันถัดไปก็อีกเรื่อง แต่คงจะดีกว่าหากให้คนบนโลกนี้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเช่นนั้น

หลังจากทานกันเสร็จ เหล่าพนักงานและลูกค้าประจำของทางร้านก็ยังคงพูดคุยกันต่อไป และมีบางส่วนที่ไปเล่นกีฬาแร็กเกตที่เรียกกันว่า jeu de paume ซึ่งนั่นเป็นต้นกำเนิดของเทนนิส ด้วยเหตุนี้งานปาร์ตี้ดังกล่าวจึงได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นงานสันทนาการแทนและทำให้ฟาร์มากับเหล่าแขกสนุกสนานไปกับช่วงเวลานั้น

「ฟาร์มาคุง นายอยากจะเต้นหรือเปล่า? ฉันน่ะชอบการเต้นมากเลยนะ แล้วก็อยากเต้นมันตอนนี้เลยด้วย」

เสียงเพลงบรรเลงประกอบอย่างช้าๆ มาจากวงออเคสตรา เอเลนจึงได้ทำการชวนหลับใหลมา มาเต้นรำด้วยกัน โดยการเต้นดังกล่าวนั้นคือการเต้นแบบบาโรกของเหล่าขุนนางชั้นสูง ซึ่งฟาร์มาที่ได้รับการสั่งสอนมาสำหรับการพบปะทางสังคมชั้นสูงแล้วย่อมสามารถทำได้

「ได้สิ เอเลนก็ท่าจะชอบจริงๆ 」

(ว่าแต่เราจะไหวหรือเปล่านะ? หวังว่าจะไม่ทำให้เธออับอายเอานะ)

ถึงจะกังวลแต่ฟาร์มาก็ยอมเต้นไปกับเอเลน ไม่รู้เพราะนี่เป็นความทรงจำของร่างนี้หรือเปล่า? ฟาร์มาเลยสามารถจำจังหวะและการเคลื่อนไหวที่จำเป็นได้หมด เอเลนที่เต้นอยู่ในจังหวะของบาโรกพร้อมกับชุดที่สวยงาม แล้วสายตาของเธอก็ได้ประสานกันกับฟาร์มาพร้อมกับจังหวะการเคลื่อนไหวที่สวยงามและซับซ้อน จนทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

(ดูเหมือนเอเลนจะชอบมันจริงๆ ท่าทางของเธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากด้วย เพราะแบบนี้สินะเมื่อเร็วๆ นี้ถึงรู้สึกได้ว่าเธอดูสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน)

แม้ฟาร์มาจะคิดว่าตัวเขาควรจะปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเด็กสาวมากกว่าจะมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่การเต้นรำของพวกเขาจบลง ฟาร์มาก็ไม่ได้รู้สึกตัวถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเอเลนนั้นเปลี่ยนไป

ลอตเต้ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเต้นรำนั้น ด้วยฐานะที่เป็นแค่คนรับใช้จึงทำได้เพียงแสดงความยินดีและปรบมือให้กับพวกเขา อย่างจริงใจ

「ว้าว〜ทั้งสองท่านสุดยอดมาเลยค่ะ〜! หลังจากได้เห็นท่านทั้งสองแล้วก็ทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของชนชั้นสูงเลยค่ะ〜งดงามมากจริงๆ 〜!」

「ก็นะ พวกเราเป็นชนชั้นสูงนี่นะ แถมถูกบังคับฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย」

เอเลนยิ้มให้กับลอตเต้ที่แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

「หืม? บลานช์ไปไหนซะล่ะ? 」

แต่ในขณะนั้นเอง ก็พบบลานช์ที่นั่งอยู่ข้างหาดและก้มตัวลง

「เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ท่านบลานช์」

「หนูปวดท้องอ่า〜」

แล้วหลังจากนั้นก็นำตัวเธอจากหาดมายังห้องพัก

「ท่านพี่คะ〜หนูขอหนุนตักหน่อย〜!」

ฟาร์มาจึงได้ให้เธอนอนบนตักของเขา แล้วบลานช์ก็เอนตัวลงในรูปแบบ く

「คุณหนูเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ? คุณหนูปวดท้องหนักมากไหมคะ!」

ลอตเต้ได้ทำงานของเธออย่างกระตือรือร้นด้วยการนำเครื่องดื่มและผ้าคลุมมามอบให้ ถึงแม้เธอจะกลายไปเป็นจิตรกรหลวงแล้วก็ตาม แต่ลอตเต้ก็ยังคงทำงานรับใช้บ้านเมดิซิสด้วยความนับถืออยู่เช่นเดิม

「แกงกะหรี่อาจจะไม่เหมาะกับเธอสินะ ขอโทษด้วยนะ」

บลานช์นั้นมีอาการท้องเสียอยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้นเธอจึงเลือกแกงกะหรี่ที่มีเครื่องเทศผสมน้อยที่สุด แต่นั่นก็ยังคงมากเกินไปสำหรับเด็กอยู่ดี ฟาร์มาคิด

「บางทีอาจจะดีที่สุดถ้าบลานช์ไม่ทานแกงกะหรี่อีกเลยนะ」

「แกงกะหรี่มันอร่อยมากเลยนะคะ นี่หนูจะไม่ได้กินอีกต่อไปแล้วงั้นเหรอ? 」

บลานช์แสดงความเสียใจออกมาผ่านริมฝีปากเธอก่อนจะกัดนิ้วชี้ของตัวเอง

「ไม่จะดีกว่านะ」

「มันไม่ใช่ความผิดของแกงกะหรี่สักหน่อย! ที่จริงท้องของหนูมันปวดอยู่ก่อนแล้วต่างหาก!」

บลานช์พยายามขัดขืนโดยการหาข้ออ้าง เพราะคงจะแย่หากเธอไม่สามารถกินมันได้อีกต่อไป

ฟาร์มาที่ตรวจเธอด้วยดวงตาวินิจฉัย ก็ไม่พบโรคอะไร

ไม่ใช่โรคลำไส้ใหญ่อักเสบหรือโรคโครห์น อาการติดเชื้อก็ไม่พบ ไม่ใช่อาการแพ้แลคโตสด้วย

ขณะที่ฟาร์มากำลังตรวจต่อไปอยู่นั้น บลานช์ที่หนุนอยู่บนตักเขาก็ได้หลับลงไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แล้วลอตเต้กับฟาร์มาก็มองเธอก็มองเธอด้วยความกังวล

「น่าสงสารจังเลยนะคะ」

「นั่นสิ งั้นเดี๋ยวผมอยู่ที่นี่กับเธอเอง」

ฟาร์มาที่ลูบผมของบลานช์ก่อนจะจับแก้มเธอ บลานช์ผู้หลับใหลอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์นั้นช่างดูเป็นหญิงสาวที่งดงามเหลือเกิน สำหรับฟาร์มาแล้วเธอคือน้องสาวร่วมสายเลือดที่แสนล้ำค่า เขาหวังว่าเธอคงจะดีขึ้นในไม่ช้า

「บางทีระบบนิเวศน์จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเธออาจจะไม่สมดุลก็ได้ (gut flora)」

「จุลินทรีย์ในลำไส้คืออะไรเหรอ? นายกำลังพูดถึงทุ่งดอกไม้อยู่หรือเปล่า? (fleurs) 」

ฟลอร่านั้นเป็นมีรากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษ แต่บนโลกใบนี้ไม่มีภาษาอังกฤษดังนั้นถึงจะถามเอเลนเธอก็คงไม่รู้

「มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับทุ่งดอกไม้สำหรับแบคทีเรียภายในลำไส้น่ะ」

และมันเหมือนกับ ทุ่งดอกไม้ฝั่งตรงข้ามของหาดที่งานเลี้ยงซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามหลากสีไม่ว่าจะขาวหรือเหลืองที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน

「นั่นแหละ เราจะเห็นได้ว่าที่ทุ่งนั้นวิวของมันจะเปลี่ยนไปตลอดใช่หรือเปล่า? บางทีก็มีดอกสีขาวอยู่มาก บางทีก็มีสีเหลืองอยู่มาก ไม่ก็บางทีอาจจะมีพวกวัชพืชอยู่เยอะแทน」

ฟาร์มาได้อธิบายโดยใช้ดอกไม้สีขาวกับเหลืองเป็นตัวช่วย

「ก็ใช่ที่ว่าพวกมันไม่ได้อยู่แบบเดิมไปเสมอ」

เอเลนตอบอย่างมั่นใจ หากไม่เข้าไปยุ่งอะไรแล้ว ตามกฎการแข่งขันของธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดย่อมมีการผลัดเปลี่ยนเสมอ

「ในกรณีเดียวกัน ร่างกายนั้นมีแบคทีเรียอยู่มากในลำไส้จำนวนมาก ซึ่งมันก็เพิ่มและลดลงอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับดอกไม้ที่ทุ่งนั้น ซึ่งสถานะของมันนั้นก็มีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกันออกไปในแต่ละคนไม่เท่ากัน และตอนนี้ผมคิดว่าทางด้านของบลานช์น่าจะมีส่วนไม่ดีอยู่มากกว่า」

「เป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะมีแบคทีเรียในลำไส้เยอะขนาดนั้น….ใช่ไหม? 」

“นายก็พูดเกินจริงไปได้” เอเลนหัวเราะออกมา

「ถึงจะไม่ใช่หัวข้อที่น่ารื่นรมย์นัก แต่คุณคิดว่าอุจจาระในร่างกายเรานั้นเกิดมาจากอาหารสินะ? 」

“เอาเถอะ” ฟาร์มาถามกับเอลเลนถึงส่วนตัวเขาคิดว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไรหากคุยกันหลังทานข้าวเสร็จแล้ว แต่มันก็ยังเป็นหัวข้อที่ไม่น่ารื่นรมย์นัก

「แน่นอนสิ」

เอเลนตอบด้วยความมั่นใจและลอตเต้ก็ไม่แย้งอะไร “ของที่ออกมานั่นคืออาหารทั้งหมดใช่หรือเปล่าล่ะ? เพราะสิ่งที่เรากินเข้าไปก็มีแต่อาหารนี่นา”

「นั่นเป็นเรื่องที่ผิดนะ」

ฟาร์มาส่ายหัวก่อนจะยกนิ้วทีละนิ้วขึ้นมา

「หากปริมาณส่วนประกอบของอุจจาระนั้นโดยไม่รวมความชุ่มชื้นจะประกอบไปด้วย 1. เซลล์ของเยื่อเมือกภายในลำไส้ 2. แบคทีเรียภายในลำไส้ 3.คือของเสียจากอาหาร โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย」

「ส่วนประกอบของอาหารมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ?!」

เอเลนเหมือนจะตกใจกับข้อมูลดังกล่าว

「สัดส่วนของอาหารที่กินเข้าไปมีเพียง 4-5% เท่านั้นเอง」

「แค่นั้นเนี่ยนะ?!」

โดยจำนวนของแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ภายในลำไส้ ผู้ใหญ่จะมีปริมาณอยู่ที่ 1-1.5 กิโลกรัม จากนั้นฟาร์มาก็ได้ทำการสอนว่าจุลินทรีย์พวกนี้คืออะไรให้กับลอตเต้และเอเลน ก่อนที่ลอตเต้จะเอามือไปจับที่ท้องเธอโดยไม่รู้ตัว

「มันสำคัญขนาดนี้เลยเหรอคะ ว้าว〜,ต้องมองพวกคุณแบคทีเรียภายในลำไส้ใหม่เลยนะคะ แบบนี้เราก็จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีมากขึ้นสินะคะ เพราะฉันรู้สึกว่าภายในนี้มันอาจจะน้อยเกินไป」

ทางเอเลนก็ลูบท้องของเธอราวกับแสดงความขอบคุณต่อจุลินทรีย์ด้วยเช่นกัน

「แบบนี้ก็ต้องจำกัดพวกวัชพืชแล้วใส่ปุ๋ยเพื่อให้ดอกออกมางดงามสินะ เหมือนกับภายในลำไส้ของนาย」

「นั่นสินะคะ!」

ลอตเต้ได้ยกมือของเธอขึ้นมาตามกับเอเลน เพื่อจะวางแผนการปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในลำไส้ของพวกเธอให้ดียิ่งขึ้นภายในวันนี้เลย แต่ถึงเธอจะฮึดแบบนั้นก็ตาม..

「ว่าแต่ พวกเราจะไปเพิ่มพวกแบคทีเรียดีได้ยังไงเหรอ? 」

สำหรับแบคทีเรียที่ดีนั้นจะประกอบไปด้วยแบคทีเรียกรดแลคติกและแลคโตบาซิลลัส พวกมันจะช่วยพยายามเสริมสร้างแบคทีเรียภายในลำไส้ของบลานช์

「ยกตัวอย่างนะหากมีทุ่งดอกไม้ตรงหน้าคุณนั้นเป็นทุ่งที่โล่ง จำนวนของดอกไม้ที่ปลูกเข้าไปก่อนนั้นย่อมต้องเพิ่มปริมาณก่อนอยู่แล้วใช่ไหม? 」

「ก็จริงบางทีถ้าหากไม่มีอะไรไปขัดขวางมันก็น่าจะปกคลุมได้ทั้งทุ่งเลย」

นับตั้งแต่วันที่ทารกนั้นเกิดมา พวกเขาจะได้รับแบคทีเรียดีมาจากแม่ หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็จะเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้นและสร้างแบคทีเรียอื่นๆ ตามเข้ามาภายในระบบนิเวศลำไส้นั้นด้วย

「อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องยากในการปลูกเพิ่มใช่ไหมล่ะพอดอกไม้มันเต็มทุ่ง」

「อื〜ม แบบนี้ถ้าอยากจะปลูกเพิ่มก็ต้องไปถอนต้นอื่นออกก่อนสินะคะ? 」

“ร่างกายของมนุษย์ช่างมีอะไรที่น่าซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเยอะจริงๆ เลยน้า〜” , เอเลนถึงกับปวดหัว

「นั่นแหละ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราทานแต่อาหารที่มีแลคโตบาซิลลัสไม่ได้」

ถ้าใครถามว่าอาหารที่มีแลคโตบาซิลลัสคือแบบไหน ก็คงจะยกตัวอย่างไป ว่าเป็นโยเกิร์ตไม่ก็ชีส เพราะหากเป็นอาหารที่ทานเข้าไปปกติ พวกมันคงจะตายจากกรดที่อยู่ภายในกระเพาะอาหาร แม้ว่าจะเป็นแบคทีเรียชนิดพิเศษที่สามารถไปถึงลำไส้ได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างพื้นที่ของตัวเองเพิ่มภายในนั้น และหากเกิดหยุดทานมันขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นอุจจาระ (แบคทีเรียที่ตายแล้ว) ก่อนจะถูกขับออกมา

ในระบบนิเวศภายในลำไส้นั้นถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ถึงเราจะทานแบคทีเรียดีเข้าไปแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่เมื่อพื้นที่ของมันไม่เหลือแล้ว อย่างไรก็ตาม แลคโตบาซิลลัสนั้นก็ยังมีส่วนจำเป็นในการสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดแบคทีเรียไม่ดีแม้ว่าตัวเองจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงจำเป็นต้องทานมันในปริมาณที่เหมาะสม

「ถ้าแบบนั้น บางทีเราน่าจะหาปุ๋ยที่สามารถส่งผลให้ดอกไม้ที่เราอยากให้โตอย่างเดียวก็ได้นะ แต่มันจะมีหรือเปล่านี่สิ? 」

เอเลนจุดประกายความคิดเธอออกมา

「ยอดเยี่ยม นั่นเป็นไอเดียที่ดีเลย」

สิ่งที่เอเลนกำลังพูดนั้นคือแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า พรีไบโอติก นำแค่แบคทีเรียดีจากภายนอกไปเพิ่มแบคทีเรียที่ดีภายในระบบนิเวศของลำไส้

โอลิโกแซ็กคาไรด์และใยอาหารเป็นอาหารของพรีไบโอติก

「ถ้าแบบนี้เมนูของบลานช์น่าจะเป็น…」

แล้วฟาร์มาก็คิดได้ว่าลาสซี่น่าจะเหมาะกับเธอ มันเป็นเมนูที่ทำง่ายจากการผสมโยเกิร์ต นม มะนาว และน้ำผึ้งซึ่งประกอบไปด้วยโอลิโกแซ็กคาไรด์และโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส

และเขานำมันไปให้บลานช์พร้อมกับน้ำองุ่นที่มีโอลิโกแซ็กคาไรด์ในช่วงมื้อค่ำ

「ไม่เอา〜หนูไม่ชอบนม」

บลานช์ทำหน้ามุ่ยและปฏิเสธมัน

「ทำไมกันล่ะ? 」

「หนูไม่ชอบรสชาติมัน ดื่มไม่ไหวหรอก」

ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบรสของมัน บางทีเพราะแบบนี้เธอเลยพยายามจะห่างๆ จากมัน

「คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ก็เลยใส่น้ำผึ้งที่ เธอชอบให้แล้วนะดีหรือเปล่า? 」

ฟาร์มาชักจูงบลานช์

「อื่อออ……」

แล้วเธอก็เริ่มทานลาสซี่แม้จะไม่เต็มใจนัก

「หวานแล้วก็อร่อยจังเลยค่ะ! ไม่เหมือนรสนมที่นึกไว้เลย!」

เพราะมันเป็นเมนูพิเศษที่ราวกับขนมหวานไงล่ะ

“ดูเหมือนความเกลียดนมของเธอจะเปลี่ยนไปเสียแล้ว” ฟาร์มาคิด

หลังจากนั้นลาสซี่ก็ถูกเสิร์ฟให้กับลอตเต้และพนักงานร้านขายยา

「ช่างเหมาะกับการกินพร้อมแกงกะหรี่จริง! มันช่วยลดความเผ็ดลงได้เยอะเลย」

「อ่ะจะว่าไปผมก็ลืมไปเลยว่ามันเหมาะจะทานด้วยกัน! ถ้าเป็นร้านแกงกะหรี่พวกนี้คงมีกันทุกร้านแหละ」

ก็อย่างที่ว่า ลาสซี่กับแกงกะหรี่นั้นมักจะเสิร์ฟมาคู่กันในมื้ออาหาร

สำหรับเรื่องของบลานช์ต่อจากนั้น อาการปวดท้องของเธอทุเลาลง และตอนนี้เธอก็สามารถกินแกงกะหรี่พร้อมกับลาสซี่ได้แล้ว

แล้วแกงกะหรี่ก็กลายเป็นเป็นเมนูประจำบ้านของบ้านเมดิซิสเรียบร้อยแล้ว

เบียทริชและบรูโน ทั้งสองต่างชอบมันมากจนทานเพิ่มอีกจานตลอด ซึ่งภาพนี้เป็นสิ่งที่ปกติแล้วจะไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆ

—————-

Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913