ตอนที่ 12-1 ซุปไก่

ท่ามกลางความมืดมิด เว่ยหยางนั่งอยู่เพียงเดียวดาย และบริเวณบาดแผลที่ขาซึ่งถูกตัดออกไปนั้น มีเลือดไหลรินออกมาโดยมิยอมหยุด…

โอ! หลี่เว่ยหยางลืมตาตื่นขึ้น มันเป็นเพียงความฝัน มันเป็นฝันร้าย!

ขอบคุณสวรรค์ที่ให้มันเป็นเพียงแค่เพียงความฝัน

เหงื่อไหลออกมากจนชุ่มร่างนั้น แม้แต่เสื้อผ้าและผ้าห่มของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเช่นกัน

เว่ยหยางหอบเสียงดังเสียจนไป๋จื่อ ต้องเปิดผ้าม่านสีฟ้าออกดู และเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ

“คุณหนูสาม ท่านเป็นอันใดหรือไม่?”

หลี่เหว่ยหยางเหลือบมองไปยังบริเวณรอบเตียงที่กำลังนอนอยู่โดยสัญชาตญาณ

จึงทราบว่า อันที่จริงแล้วมันเป็นเพียงความฝัน นางใช้มือคลำไปที่หัวใจของตนเอง

เฮ่อ! มันยังเต้น ยังมีชีวิตอยู่ และความมืดมิดได้คืบคลานเข้ามาปกคลุมจิตวิญญาณของหลี่เว่ยหยางอีกครั้ง

ตอนนี้สีหน้าเริ่มมีความคลุมเครือ เส้นผมเปียกโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ และมันได้ไหลลงมาที่บริเวณหน้าผากของนาง

“คุณหนูสาม ท่านฝันร้ายอีกแล้วหรือ” ไป๋จื่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ท่านต้องการดื่มน้ำหรือไม่”

หลี่เว่ยหยางส่ายหน้า พร้อมกับมีอาการเหม่อลอย

จากนั้นโม่ฉูได้เดินเข้ามาหาและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า

“คุณหนูสาม ท่านรู้สึกมิสบายหรือไม่”

คืนนี้เป็นเวรของโม่ฉู และไป๋จื่อในการเฝ้ายามช่วงเวลากลางคืน เว่ยหยางเหลือบมองไปยังไป๋จื่อชั่วครู่

ไป๋จือจึงเอ่ยขึ้นทันทีว่า

“อ่อ! สงสัยว่า ผ้าห่มจะหนาเกินไปเลยทำให้เหงื่อออกมาก!”

หลี่เว่ยหยางคิดในใจว่า ไป๋จือเป็นสาวใช้ที่เฉลียวฉลาดมาก

ในชาติที่แล้วนั้น บ้านหลี่ในผิงเฉิงได้มอบไป๋จื่อและจื่อหยานให้นางเช่นเดียวกันนี้

แต่น่าเสียดาย ที่เว่ยหยางรู้สึกสงสารทั้งสองคน ที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับนาง

และเมื่อได้ฟังคำแนะนำของฮูหยินใหญ่ จึงปล่อยให้พวกนางจากไป เพื่อสร้างครอบครัวของตนเอง

ตอนนี้เว่ยหยางต้องการความช่วยเหลือ จึงต้องการที่จะทดสอบสาวใช้ทั้งสองคนนี้อีกครั้ง

โม่ฉูเป็นสาวใช้อันดับสองของท่านย่าใหญ่ ในตอนนี้นางจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสาวใช้อันดับหนึ่งเมื่อได้รับคำสั่งให้มารับใช้คุณหนูสาม

หลังจากฟังคำอธิบายของไป๋จื่อแล้ว โม่ฉูจึงหันกลับ แล้วก้าวออกไป และกลับเข้ามาพร้อมกับถือกาน้ำร้อนอยู่ในมือ

“ข้าจะช่วยเช็ดตัวให้คุณหนู”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า

โม่ฉูเทน้ำต้มสุกลงในอ่างด้วยความรวดเร็ว จากนั้นได้หยิบผ้าสะอาดออกมาผืนหนึ่ง ซึ่งมันมีกลิ่นหอมมาก

นางจุ่มมันลงไปในน้ำ จากนั้นจึงช่วยกันกับไป๋จือเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าของหลี่เว่ยหยาง

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นเหงื่อออกไปแล้ว อารมณ์ของเว่ยหยางจึงดีขึ้น และนางก็รู้สึกสงบลง จึงมองไปยังบ่าวทั้งสองแล้วยิ้มให้

“มิมีอะไรต้องทำอีกแล้ว เจ้าทั้งสองคนควรรีบไปพักผ่อน หากต้องการอันใด ข้าจะเรียกหาเอง”

บ่ายวันรุ่งขึ้น จื่อหยานนำชามกระเบื้องเคลือบสีเขียวใบเล็กเข้ามา พร้อมกับกล่าวว่า

“คุณหนูสาม พ่อครัวกล่าวว่า วันนี้นายท่านได้เชิญแขกมาที่บ้าน

ดังนั้นพวกเขาจึงมิสามารถเตรียมอาหารกลางวันได้ ท่านควรดื่มซุปไก่รองท้องเสียก่อน”

เว่ยหยางมิเหมือนกับจางเล่อ ที่มีครัวส่วนตัวของตนเอง และนางต้องกินข้าวกับคนอื่น ๆ

เมื่อได้ฟังจื่อเหยียนกล่าวเช่นนั้นหลี่เว่ยหยางจึงยิ้มและกล่าวว่า

“ตกลง”

นางเปิดฝา และก้มมองเพียงชั่วครู่จึงได้เห็นว่า ในซุปไก่ถ้วยนี้ มีน้ำซุป และเนื้อไก่เพียงสี่ชิ้น

ซึ่งประกอบด้วยหัว คอ ก้นและกระดูกช่วงอก อย่างไรก็ตาม พวกมันส่วนใหญ่เป็นกระดูก มิมีอันใดที่สามารถกินได้

หลี่เว่ยหยางทำได้เพียงยิ้ม

มีกฎที่ต้องปฏิบัติตามในบ้านตระกูลหลี่แห่งนี้

หากมองเพียงผิวเผินจะเห็นว่า พวกเขาปฏิบัติต่อบุตรของเมียน้อยด้วยความยุติธรรม และปราศจากการลำเอียงแม้แต่น้อย

เครื่องประดับต่าง ๆ ที่มอบให้เป็นของหรูหรา และมีราคาแพง จากรูปลักษณ์ดูเหมือนว่า ฮูหยินใหญ่เป็นผู้ที่มีความยุติธรรมมาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งของราคาแพงเหล่านี้ได้รับการจดบันทึก และติดตามดูอยู่ตลอดเวลา

มิสามารถโยนทิ้ง หรือทำให้เสียหายได้ มิฉะนั้นจะต้องมีการชดเชย

โดยรวมแล้ว นางมีเสื้อผ้าเพียงสองชุดที่สามารถสวมใส่ เพื่อรับแขกได้

เว่ยหยางอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว

แม้ว่าฮูหยินใหญ่มักจะส่งคนมาวัดตัวเพื่อที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้ แต่เสื้อผ้าใหม่เหล่านั้นก็ยังมิได้ถูกส่งมาสักที

ในชาติที่แล้ว เจียงชิมิได้ทำปฏิกิริยาเช่นนี้ นางมิได้ใส่ใจถึงเพียงนี้

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนกันคือ ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของแม่เลี้ยงที่จิตใจดี และมีเมตตา

น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่า นางกำลังรู้สึกเสียใจจากครั้งที่แล้ว ที่เว่ยหยางทำให้หลี่จางเล่อบุตรสาวที่มีรักต้องเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า

จางเล่อมีอาการป่วยเล็กน้อยเป็นเวลาประมาณสองถึงสามวัน

ดูเหมือนว่า แม้แต่คนรับใช้ก็เริ่มดูถูกคุณหนูสาม หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปที่น้ำซุปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ดวงตาของจื่อหยานเริ่มแดงขึ้น

“คุณหนูสาม ข้าเคยบอกกล่าวกับคนในครัวแล้ว แต่พวกเขากล่าวว่ามันเป็นกฎ ที่แม้แต่คุณหนูคนอื่น ๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม

พวกเขายังกล่าวอีกว่า

เมื่อคุณหนูท่านอื่นต้องการทานอันใดเป็นพิเศษ พวกนางจะจ่ายเพิ่ม และท่านก็ทำได้เช่นเดียวกัน”

จ่ายเพิ่มหรือ? หลี่เว่ยหยางส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะอย่างขำขัน

นางเป็นเพียงแค่บุตรสาวของเมียน้อย ที่มิมีผู้ใดให้ความสนใจ นางมิมีเงินที่จะให้คนรับใช้ และคนงานเหล่านั้นหรอก

ฮูหยินใหญ่เป็นผู้ที่มีนิสัยหน้าอย่างหลังอย่าง

นางมอบของขวัญให้กับเว่ยหยางมากมาย แต่มิได้มอบเงินที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

ยิ่งไปกว่านั้น เว่ยหยางมิสามารถนำของขวัญเหล่านี้เป็นแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้

คนครัวเหล่านั้นต้องคิดว่า เว่ยหยางมิมีเงินเลย นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ!

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางเป็นประกายสว่างขึ้น และมองไปยังจื่อหยาน

“ไปหยิบกรรไกรมาให้ข้า”

จื่อหยานมิรู้ว่า เว่ยหยางต้องการทำอันใด แต่ก็ทำตามที่นายหญิงสั่ง

สายตาของสาวใช้จับจ้องไปที่เว่ยหยางอย่างประหม่า เพราะกลัวว่าเว่ยหยางคิดจะทำอันใดที่ขาดสติ

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย และได้ถอดเสื้อคลุมของตนเองออกมา

นางใช้กรรไกรตัดแขนเสื้อออกครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้จื่อเหยียนทำการปะชุนมัน

เมื่อเสร็จแล้ว จึงสวมใส่เสื้อคลุมกลับเข้าไปตามเดิม มองจากภายนอกแล้วมันดูเหมือนว่า มิมีสิ่งใดที่ผิดปกติ