ตอนที่ 215 ท่านอาจารย์ผู้มากทักษะและความสามารถ ตอนที่ 216 พวกเดียวกัน ย่อมเห็นอกเห็นใจกัน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 215 ท่านอาจารย์ผู้มากทักษะและความสามารถ

ซ่งอิงงุนงงเป็นไก่ตาแตก

งุนงงมากจริงๆ

นางเป็นคนตัวสูง[1]หรือ ไม่นี่ นางเตี้ยมากต่างหาก แค่เมตรหกสิบห้าเท่านั้นเอง ไม่เพียงแค่ตัวเตี้ย นางยังไม่ใช่คนจิตใจกว้างขว้างด้วย หลังข้ามภพมาคิดเพียงแค่จะใช้ชีวิตเลี้ยงปากท้องไปวันๆ และรอวันตายเท่านั้นเอง

แต่ตอนนี้ มีปีศาจหนังเขียวโผล่มาตัวหนึ่งและอยากเป็นผู้ติดตามนาง

สตินางเลื่อนลอย

“ท่านอาจารย์ โปรดรับลูกศิษย์ด้วยเถิด!” ซ่งอิงไม่ขยับเขยื้อน ปีศาจกบสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของนาง แต่กลับมองไม่ชัดเจน จึงหรี่ตาแล้วคุกเข่าลงบนพื้น เกิดเสียงดัง ‘ปึก’!

ซ่งอิงตระหนกตกใจจนก้าวถอยหลัง

หน้าตาปีศาจกบดูตื่นเต้นเล็กน้อย

ผู้มากทักษะและความสามารถจะต้องดีใจเป็นอย่างยิ่งเป็นแน่ ดูสิ เมื่อครู่ถึงขั้นกระโดดขึ้นมาด้วย!

“หยุด! ข้า…ไม่รับลูกศิษย์” ซ่งอิงจะกล่าวว่าตัวเองไร้ทักษะความสามารถ เป็นแค่เศษขยะชิ้นหนึ่ง ระหว่างการสนทนาข้ามเผ่าพันธุ์น่ะหรือ

คงไม่ดีนัก นั่นทำลายศักดิ์ศรีของเหล่ามนุษย์เกินไปแล้ว

“เสี่ยวเซิงแตกต่างกับปลาดุกตัวนั้น ไม่กล้าทำร้ายผู้คน ช่วงหลายปีก่อน ตอนที่ปลาดุกไม่กินคน หากในหมู่บ้านมีคนตกน้ำ เสี่ยวเซิงยังแอบผลักขึ้นไปบนฝั่งอีกด้วย ฉะนั้นจึงได้สะสมบุญเอาไว้เล็กน้อย ในส่วนการบำเพ็ญเพียร ก็ค่อนข้างล้ำเลิศเช่นกัน…” ปีศาจกบเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“นี่ไม่ใช่เรื่องของความเก่งกาจล้ำเลิศ…เจ้าและข้า…ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน…” ซ่งอิงสรรหาข้ออ้างมากล่าว

“ท่านผู้อาวุโสวางใจได้ เสี่ยวเซิงรู้เช่นกันว่า ตัวเองเป็นแค่กบตัวน้อยๆ มิกล้าเป็นลูกศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสหรอกขอรับ ขอเพียงผู้อาวุโสอนุญาตให้เสี่ยวเซิงอยู่บำเพ็ญเพียรที่นี่ ได้มองเห็นผู้อาวุโสบ้างเป็นครั้งคราวก็พอแล้วขอรับ…” ปีศาจกบเขียวรีบบอกกล่าว “แมลงที่แห่งนี้…อร่อยเหนือความคาดหมาย”

“…” ซ่งอิงนิ่งเงียบ

นางถอนหายใจ มองแปลงนาของตัวเองแวบหนึ่งและมองเห็นแมลงบินที่ผ่านไปพอดี

ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “เจ้าจับแมลงได้ใช่หรือไม่”

ปีศาจกบเขียวไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน เขาขึ้นบกมาสังเกตชาวนาทำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับท้องนาอยู่บ่อยครั้ง แม้ใช้ชีวิตในบ่อน้ำทะเลสาบ แต่ตอนเยาว์วัยก็ต้องหาอาหารในแปลงนาข้าวอยู่บ่อยๆ อย่างไรเสียอาหารในแปลงนาก็อร่อยกว่ามาก

“เสี่ยวเซิงเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง ทั้งยังกินจุด้วย…รับประกันได้ว่า แปลงนาของครอบครัวชาวนาแห่งนี้จะได้รับความเสียหายจากแมลงน้อยลงมาก” ปีศาจกบเขียวรีบกล่าว

เขาเป็นบรรพบุรุษกบเขียว การร้องเรียกน้องๆ กบเขียวบางส่วนมาช่วยกันกินแมลงไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

ทว่า จะกำลังแมลงให้เกลี้ยงเกลาเลยก็ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นย่อมผิดหลักธรรมชาติ แต่แปลงนาผืนนี้แตกต่างออกไป หากไม่จัดการ ครั้นถึงฤดูเก็บเกี่ยว เจ้าของอาจไม่ทันได้เก็บเกี่ยวผลผลิต เกรงว่าจะถูกแมลงแย่งไปเสียก่อน…

“แปลงนานี้เป็นของข้า” ซ่งอิงกล่าว

ปีศาจกบเขียวตาลุกวาว “มิน่าจึงได้รสเลิศเช่นนี้!”

“…” ซ่งอิงทำหน้าตาเฉย “ข้ายังมีแปลงนาบริเวณอื่นอีก รสเลิศเช่นเดียวกัน ในเมื่อเจ้า…ถนัดจับแมลง เช่นนั้นก็…มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วกัน?”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วย” ปีศาจกบเขียวเผยสีหน้าตื่นเต้น “ขอบคุณมากท่านอาจารย์ผู้มากทักษะและความสามารถ!”

“…”

ซ่งอิงขานรับอย่างหน้าไม่อาย

“ไม่ทราบว่า…เจ้านามว่าอะไร” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“เสี่ยวเซิงตั้งชื่อให้ตัวเองไว้ว่าชิงเหลียน” ปีศาจกบเขียวกล่าวอีกครั้ง

ซ่งอิงแทบกระอักเลือด

ชิงเหลียน?! ที่หมายถึงดอกบัวน่ะหรือ

แม้ว่าเจ้าปีศาจหนังเขียวตัวนี้หน้าตาไม่นับว่าอัปลักษณ์ แต่รูปกายก็เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ตั้งชื่อแบบนี้ทำให้คนประหลาดใจไม่พอ ยังทำให้คิดว่าแปลกพิลึกด้วยน่ะสิ!

“ชิง…เสี่ยวชิง…” ซ่งอิงคลี่ยิ้มมุมปาก “ข้าเรียกเจ้าอย่างนี้แล้วกัน ต้องการให้ข้าพาไปรู้จักแปลงนาหรือไม่”

“ท่านอาจารย์วางใจได้ เสี่ยวเซิงแยกออก แปลงนาของท่านอาจารย์มีความแตกต่าง” ปีศาจกบเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เขาได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่งมาแต่ไกล และน้ำในแปลงนาดุจฝนแรกก็ไม่ปาน

แน่นอนว่า ก็มีเพียงนาแปลงนี้เท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ส่วนพื้นที่แห้งแล้งเหล่านั้นจะแย่กว่าหน่อย

ตอนที่ 216 พวกเดียวกัน ย่อมเห็นอกเห็นใจกัน

เดิมทีซ่งอิงนึกว่า ต้องก่อสงครามครั้งใหญ่กับกบเขียวเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า จะได้ลูกศิษย์ที่สายตาและสมองล้วนใช้งานได้ไม่ค่อยดี?

แต่มีแรงงานส่งตรงมาถึงที่ หากไม่ใช้ก็คงจะเสียดายแย่…

“หากเจ้ามีธุระก็ไปหาข้าได้ที่เรือนด้านนั้น อย่างไรเสียเจ้าก็มีรูปลักษณ์มนุษย์ ยามไปหาข้าก็อาศัยรูปลักษณ์นี้มาหาแล้วกัน” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

“เสี่ยวเซิงรับทราบขอรับ” ปีศาจกบเขียวกล่าวทันควัน

เขาใช้ชีวิตร่วมกับพวกมนุษย์มาตั้งแต่เยาว์วัย ย่อมรู้แนวทางการปฏิบัติของมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อครู่เขาจึงได้หลบซ่อนอยู่ในนาข้าว เพียงแต่เห็นว่าอาจารย์ผู้มากทักษะและความสามารถเดินเข้ามาจึงได้เผยตัวพ้นผิวน้ำ

ในยามนี้ ภูตโสมรอไม่ไหวแล้ว จึงเดินเข้ามาหาแล้วเดินวนรอบตัวปีศาจกบเขียวพลางสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ส่วนปีศาจกบเขียวก็มองดูภูตโสมอยู่เช่นเดียวกัน

เพียงครู่เดียว ทั้งคู่ก็โอบกอดกันและกัน!

“ว้าว! ข้านึกว่าบริเวณใกล้ๆ นี้มีข้าเป็นปีศาจตัวเดียวเสียอีก! คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพวกเดียวกันด้วย!”

“นั่นน่ะสิ เมื่อก่อน ข้าคิดเช่นกันว่า บริเวณใกล้ๆ นี้มีเพียงปลาดุกแก่เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าบนเขาจะยังมีพืชที่มีจิตวิญญาณและสติปัญญาเช่นเจ้าด้วย!”

ถูกต้องแล้ว กบเขียวเป็นปีศาจ โสมเป็นพืชที่มีจิตวิญญาณ พลัง และสติปัญญา

ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ต่างกัน ทั้งคู่ล้วนเป็นภูตที่มีสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลม อีกทั้งกลิ่นอายตามเนื้อตัวก็สะอาดมาก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเดียวกันจะเกิดความเห็นอกเห็นใจกันและกัน

ซ่งอิงหนังตากระตุก เมื่อครู่ นางคิดว่าสองจะทะเลาะกันเสียอีก

คิดไม่ถึงเลยว่า จะกอดกันอย่างแนบแน่นเช่นนี้!?

“พี่กบ สถานที่ที่ท่านใช้ชีวิตอยู่เมื่อก่อนสนุกหรือไม่ แล้วมีปีศาจตนอื่นด้วยหรือไม่ เมื่อก่อนข้ามีปู่ท่านหนึ่ง ทว่าเขาสิ้นชะตาชีวิตไปแล้ว หลายปีมานี้บริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านนี้ก็เหลือเพียงข้าตนเดียว!” ภูตโสมยังไม่วายปั้นหน้าเศร้าสลดใจ

ภูเขาซิ่งใหญ่โตขนาดนี้ บางทีในเขาอาจมีปีศาจตนอื่นอยู่ด้วย แต่ส่วนมากปีศาจในเขาจะแบ่งแยกอาณาเขต มีน้อยที่จะชื่นชอบการอยู่อาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม

“น้องโสม ก่อนหน้านี้ข้ารู้จักภูตปลาดุก แต่…เขาถูกท่านอาจารย์กำจัดไปแล้ว ร่างเดิมถูกฝังลงดินแล้วด้วย แม้ว่าปลาดุกแก่บำเพ็ญเพียรไม่ถูกต้องตามหลัก แต่หลายปีมานี้ ข้าก็รู้จักแค่เขาเพียงตนเดียว เขาตายไปแล้ว ข้าก็เสียใจ ทว่าโชคดีที่ตอนนี้มีน้องโสมอย่างเจ้า จากนี้เราทั้งสองก็อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันนะ!” ปีศาจกบเขียวปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ “จริงสิน้องโสม ชีวิตเจ้าสุขสบายดีหรือไม่ หรือเราทั้งสองมาใช้ชีวิตอยู่ในแปลงนาด้วยกันดี”

แรกเริ่มภูตโสมมีสีหน้าประทับใจ

หลังได้ยินประโยคหลัง น้ำตายิ่งไหลนองหนักเข้าไปใหญ่ “พี่กบ ท่านไม่รู้อะไร ชีวิตข้าลำบากสุดๆ เลยละ!”

“เกิดอะไรขึ้น ลองว่ามาสิ!? ข้าเห็นอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่คล้ายว่ามิใช่ของที่จินตนาการออกมา เจ้าน่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์สินะ? ถูกคนเขารังแกหรือ เจ้าเป็นถึงพืชที่มีจิตวิญญาณ พลัง และความชาญฉลาดเชียวนะ ระวังจะมีคนจับเจ้าไปทำยาด้วยละ” ปีศาจกบเขียวกล่าวอีกครั้ง

ซ่งอิงกลอกตาอย่างเอือมระอา

สองภูตตัวแสบ

หากไม่เห็นแก่ภูตโสมที่นานๆ ทีจะได้เจอพวกเดียวกัน นางจะไม่อดทนเด็ดขาด

“ฮือๆๆ แม่ข้ารังแกข้า! ข้าอาศัยอยู่กับแม่ ต้องอยู่อย่างเช่นมนุษย์ ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ต้องตื่นมาอ่านหนังสือ ทั้งต้องวิ่งและรำไทเก็กทุกวัน เมื่อใดที่แม่ข้าไม่สุขใจก็จะตีกลางฝ่ามือข้า เจ้าดูสิ ผิวโสมของข้าแทบถลอกปอกเปิดหมดแล้ว” ภูตโสมสูดน้ำมูก ยื่นมือน้อยๆ ออกมาแล้วทำท่าทางน่าสงสาร

ซ่งอิงแอบหัวเราะเยาะ

เห็นได้ชัดว่า ภูตโสมตื่นเต้นกับการได้เจอสหาย เขาร้องไห้น้ำตาไหลพราก นัยน์ตามีเพียงปีศาจกบเขียวเท่านั้น ได้ยินเสียงของซ่งอิงที่ไหนกันเล่า?

“เป็นคนช่างลำบากเหลือเกิน แม่ข้ายังจะให้ข้าไปสอบจอหงวนอีกด้วย พี่กบ ท่านเคยเห็นโสมเรียนหนังสือหรือ สำหรับข้า มันยากจริงๆ!” ภูตโสมกล่าวต่อ

“ท่านแม่เจ้าเป็นใครกันหรือ ถึงได้กล้ารังแกเจ้าเช่นนี้! เป็นภูตต้นไม้หมื่นปีใช่หรือไม่ จริงสิ มีท่านอาจารย์ผู้มากทักษะและความสามารถอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าได้เกรงกลัวไป ท่านอาจารย์ตวัดแสงสีแดงออกมาได้ด้วยมือเดียว ยอดเยี่ยมมากเลยละ ปลาดุกแก่ตัวนั้นก็ถูกท่านอาจารย์กำราบจนตายเช่นกัน” ปีศาจกบเขียวกล่าว

———————————

[1] ผู้เขียนต้องการเล่นมุขคำว่า高人แปลตรงตัวได้ว่า คนตัวสูง แต่ในความหมายเชิงเปรียบเทียบหมายถึง ผู้มากทักษะวิชาและความสามารถ ซึ่งสอดคล้องกับบริบทในตอนที่แล้ว