ตอนที่ 217 ข้อได้เปรียบ ตอนที่ 218 กลับตัวใหม่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 217 ข้อได้เปรียบ

ปีศาจกบเขียวชักสีหน้าจริงจัง ดูสุภาพและสง่างามกว่าภูตโสมเล็กน้อย

หากซ่งอิงไม่เห็นเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์กับตา ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่เชื่อว่า คนที่รูปลักษณ์เช่นนี้จะเป็นกบเขียวตัวหนึ่ง

“ก็นางอย่างไรล่ะ! นางก็คือแม่ข้า” ภูตโสมหันกลับไปมองอย่างเศร้าสลด

“…” ปีศาจกบเขียวปล่อยมือของภูตโสมทันทีทันใด “น้องโสม เช่นนี้คงเป็นเจ้าที่ทำไม่ถูก การเรียนหนังสือ ได้รู้จักตัวอักษรเป็นเรื่องดี เจ้าดูอย่างข้า เลื่อมใสในตัวคนร่ำเรียนหนังสือที่สุดและฝันอยากจะเป็นผู้มากความสามารถและมีไหวพริบด้วยละ!”

พูดจบก็โค้งตัวให้ซ่งอิง “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องดื้อรั้น ต้องการให้เสี่ยวเซิงช่วยสั่งสอนแทนท่านสักหน่อยหรือไม่ขอรับ”

“…” ภูตโสมตะลึงงัน

จากนั้นก็กระโดดไปอยู่ด้านหลัง มองเขาอย่างขลาดกลัว!

คิดจะสั่งสอนเขา!

ยังมีความรักใคร่ในพวกเดียวกันอยู่หรือไม่!

แม้ว่าเขาเป็นพืช พี่กบเป็นสัตว์ แต่อย่างน้อยก็เป็นปีศาจเช่นเดียวกันนี่!

“เจ้ามีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ” ซ่งอิงถามอย่างประหลาดใจ

ภูตโสมรู้จักแต่กิน

กินของนาง ดื่มของนาง แล้วยังกล่าวหาว่านางดุอีกหรือ นางอ่อนโยนมากแล้วต่างหาก เป็นลูกชายก็ต้องมีสำนึกของความเป็นลูกชาย! มีลูกดื้อคนไหนบ้างที่ไม่ถูกมารดาสั่งสอน? ก็แค่ตีกลางฝ่ามือไม่กี่ครั้งเองไม่ใช่หรือ!

ปีศาจกบเขียวเข้าใจ มนุษย์ผู้นี้จะรับลูกศิษย์ทั้งที ต้องทำการทดสอบพรสวรรค์ด้วยเป็นแน่ ฉะนั้นหนังตาที่ไม่ค่อยสู้แสงจึงพยายามเบิกขึ้น “เสี่ยวเซิงทำได้ไม่เยอะ นอกจากการปกป้องแปลงนา เสี่ยวเซิงกระโดดได้สูงมากขอรับ…”

เขาเงยหน้ามองดูภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกล่าวต่อไป “ต้นไม้ใหญ่สูงสิบเมตรมิใช่ปัญหา หากท่านอาจารย์ต้องการเด็ดสิ่งใด แค่เรียกเสี่ยวเซิงเป็นพอ”

“แม้จะเห็นเสี่ยวเซิงดวงตาไร้แววตา แต่ความจริงเสี่ยวเซิงสายตาดีมากนะขอรับ ในระยะหนึ่งร้อยเมตร ภายใต้สถานการณ์ที่รอบข้างถูกบดบัง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เสี่ยวเซิงล้วนมองเห็นชัดเจนทั้งนั้นขอรับ!” ปีศาจกบเขียวกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค

ซ่งอิงตกตะลึงปนประหลาดใจ

“เสี่ยวเซิงยังมีความสามารถอีกอย่าง นั่นคือตัวเสี่ยวเซิงหลั่งเมือกได้…ก่อนหน้านี้ในบ่อทะเลสาบของหมู่บ้านสือโถว เมือกที่ปรากฏออกมาค่อนข้างธรรมดา หากท่านอาจารย์มีความจำเป็น เสี่ยวเซิงหลั่งของเหลวที่สามารถหยุดเลือด ลดการอักเสบ ล้างพิษ และลดอาการบวมได้ด้วยนะขอรับ…” ปีศาจกบเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่า ตามตัวคางคกผลิตของเหลวมีพิษได้…”

“เป็นหลักการเดียวกันขอรับ เสี่ยวเซิงกับคางคกก็นับว่าเป็นตระกูลเดียวกัน หลังกลายเป็นภูตก็มีความสามารถนี้เช่นกัน เพียงแต่เสี่ยวเซิงไม่ชอบทำร้ายคน อย่างไรก็กระโดดได้สูง ขอเพียงบริเวณรอบๆ มีหญ้า การหลบซ่อนตัวและหลีกหนีล้วนไม่ลำบาก จึงไม่อยากใช้พิษในการป้องกันตัวและเลี่ยงการทำร้ายมนุษย์ตายโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะพาลให้มีบาปติดตัวเปล่าๆ ขอรับ” ปีศาจกบเขียวกล่าวขึ้นอีกครั้ง

หลังซ่งอิงฟังจบก็ค่อนข้างตกตะลึงไม่น้อย

ภูตโสม..ด้อยกว่าเขาเยอะเลย

แล้วยังมีหน้าต่อว่านางอีก

ดูอย่างปีศาจกบสิ ของอย่างเมือกที่หลั่งออกมาล้วนทำยาได้ ประสิทธิภาพในการรักษาต้องไม่เลวเป็นแน่ ภูตโสมแม้เป็นยาได้เช่นกัน แต่ไม่สามารถเอามาหั่นเป็นแว่นๆ โดยตรงได้ อย่างมากสุดก็คือนำมาแช่น้ำอาบและเอากลิ่นหอมมาใช้ก็เท่านั้น

เมื่อเห็นซ่งอิงมองปีศาจกบเขียว ภูตโสมเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย

“ท่านแม่!” ภูตโสมรีบพุ่งเข้าไปกอดหน้าขาทันที “ให้กบอยู่เฝ้านาข้าวที่นี่เถอะ! ข้ายังต้องกลับไปทำการบ้านอีกนะ! ไม่สิ พวกเรายังต้องขึ้นเขาไปหาต้าไป๋อีก ไปกัน ท่านแม่!”

“ฮ่าๆ” ซ่งอิงหัวเราะขำขัน “เมื่อครู่ยังเรียกเขาว่าพี่กบอยู่เลยมิใช่หรือ”

“อย่างไรเสียก็ไม่ค่อยสนิทคุ้นเคย ไม่รู้เช่นกันว่า กบตัวนี้ดีหรือร้าย ป้องกันไว้หน่อยดีกว่า!” ภูตโสมชักสีหน้าจริงจังกล่าว

ปีศาจกบเขียวไร้เดียงสายิ่งกว่าอะไรดี เขามองภูตโสมอย่างไม่เข้าใจ

จากนั้น เห็นเพียงภูตโสมพยายามฉุดให้ซ่งอิงเดิน ก่อนจะจากไปยังไม่วายถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง

“…” ปีศาจกบเขียวรู้สึกคล้ายสมองตนถูกธนูพุ่งเข้าใส่

ภูตโสมยกท่อนขาป้อมดุจหัวไชเท้าปีนป่ายขึ้นเขา ท่าทางว่านอนสอนง่าย

เขาครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็คิดไม่ออกว่าตนมีข้อได้เปรียบอะไรบ้าง

เมื่อก่อนเขาเป็นภูตตัวเดียว แม่เขาจึงรักและเอ็นดูเขา แต่ภายหลังล่ะ เขาจะอาจไร้ความหมายแล้ว!

ต้าหวงขันได้ แล้วยังทำให้แม่ไก่ออกไข่ได้ ทั้งคอยปกป้องดูแลลูกเจี๊ยบ ถึงขั้นช่วยดูแลเป็ดได้ด้วย ต้าไป๋เฝ้าบ้านได้ ลากรถสินค้าได้ แล้วยังลากหินโม่ได้อีก…

ตอนที่ 218 กลับตัวใหม่

ต้าไป๋และต้าหวงก็ไม่เท่าไร อย่างไรเสียก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นภูตปีศาจแต่อย่างใด

แต่พี่กบ! ความสามารถเขาเยอะแยะเหลือเกิน!

“ท่านแม่! ท่านคอยอยู่นี่ ข้าจะมุดดินไปตรวจดูว่า ต้าไป๋อยู่ตรงไหน!” ภูตโสมนึกถึงความสามารถของตัวเองขึ้นมาได้ฉับพลัน จึงรีบบอกล่าว

เขามุดดินได้นี่ ต้าไป๋จะต้องอยู่ไม่ไกลเกินไปเป็นแน่ และรากฝอยของเขาเพียงพอที่จะใช้งานได้ด้วย

“ตกลง เจ้าลองดูแล้วกัน” ซ่งอิงไม่ปฏิเสธ

ขณะมองแววตาของเขาก็คลี่ยิ้มออกมา

ในสายตานาง ภูตโสมค่อนข้างแตกต่างกับปีศาจตนอื่น อย่างไรเสีย ยามอยู่ต่อหน้านาง เจ้าเด็กน้อยนี่ก็เผยรูปลักษณ์มนุษย์เป็นส่วนใหญ่ หน้าตาขาวอมชมพูดูมีน้ำมีนวล ยิ่งไปกว่านั้นคือดูมีไหวพริบ นางจึงเลี้ยงดูเขาเป็นบุตรชายคนหนึ่งอย่างจริงจัง

มิเช่นนั้น มีหรือจะให้ปีศาจตนหนึ่งไปร่ำเรียนหนังสือ?

มีหรือจะให้เขาสอบคัดเลือกขุนนางจริงๆ ?

นางในฐานะมนุษย์ แม้คาดหวังไว้สวยงามว่า จะได้เป็นเทพเซียนหลังเสียชีวิต แต่ความเป็นไปได้ต่ำมาก ดังนั้นหลายสิบปีหลังจากนี้ นางคงเป็นเพียงคนหนึ่งที่ต้องลงไปนอนใต้ดิน ทว่าภูตโสมกลับยังมีชีวิตอยู่อีกเนิ่นนาน เพื่อชีวิตในภายภาคหน้า ให้เรียนรู้ทักษะ ความสามารถอย่างมนุษย์คนหนึ่งให้มากๆ หน่อยจึงจะดี จะได้เลี่ยงการถูกหลอกลวง

ภูตโสมมุดอยู่ใต้ดิน จากนั้นลงมือตามหาต้าไป๋จากใต้ดินดุจปลาว่ายน้ำก็ไม่ปาน

ไม่นานนักก็โผล่หัวขึ้นมา “ท่านแม่ พวกเรามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกจะก็จะเห็นเขาแล้ว ต้าไป๋ได้รับบาดเจ็บ!”

ได้รับบาดเจ็บ?

ซ่งอิงขมวดคิ้วแน่น รีบเดินไปข้างหน้า

ภูตโสมไม่กล้าอยู่ใต้ดินเช่นกัน จึงเลือกเดินตามไปด้วยแข้งขาเล็กๆ

ไม่ทันไรก็มองเห็นต้าไป๋จริงๆ

ด้านข้างต้าไป๋มีคนอยู่ด้วย เป็นหลี่จิ้นเป่านั่นเอง

ตอนที่ซ่งอิงมาถึง หลี่จิ้นเป่ากำลังมองต้าไป๋อย่างลังเล ในมือถือเชือกเส้นหนึ่ง คล้ายคิดจะคล้องคอของต้าไป๋ ต้าไป๋ติดกับดักเข้าแล้ว โลหิตกำลังไหลริน ท่าทางกระสับกระส่ายเล็กน้อย

“เจ้ากำลังจะทำอะไร!?” ซ่งอิงน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

หลี่จิ้นเป่าตระหนกตกใจสะดุ้งโหยง จากนั้นก็รีบกล่าวทันควัน “น้องอาอิง! เจ้ามาพอดี ข้าเห็นลาของบ้านเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว คิดจะจูงมันกลับไปให้เจ้า แต่ลาตัวนี้ดื้อรั้นไปหน่อย เลยเข้าใกล้ไม่สะดวกสักเท่าไร…”

ซ่งอิงเดินเข้าไปใกล้

“น้องอาอิงระวังด้วย!” หลี่จิ้นเป่ารีบส่งเสียงตะโกน “หลังได้รับบาดเจ็บ ลาตัวนี้ก็ลนลานเหลือเกิน ระวังมันจะเตะจนเจ้าได้รับบาดเจ็บเอา ข้าว่าเอาเช่นนี้ดีกว่า ข้าช่วยเฝ้าแทนเจ้า ส่วนเจ้าลงไปเรียกคนมาลากลาตัวนี้กลับไปเถิด”

ลาตัวนี้ของซ่งอิง…เป็นที่รู้จักไม่น้อย

เพราะซ่งอิงดูแลลาได้อย่างดี แม้จะให้มันทำงาน แต่เมื่อมีเวลาว่างก็จะให้ลาไปเดินเล่นตามขุนเขาด้วยตัวเอง ลาตัวนี้ค่อนข้างชาญฉลาด มันเดินหากินตามขุนเขาด้วยตัวเองบ่อยครั้ง เมื่ออิ่มหนำจึงกลับบ้านอย่างว่าง่าย

ต้าไป๋เป็นลาขาว ค่อนข้างพบเห็นได้ยาก ผู้คนในหมู่บ้านมองเห็นต่างก็อดชี้มือชี้ไม้และอมยิ้มใส่มันไม่ได้ ผู้ที่ใจกล้าหน่อยก็เดินเข้ามาลูบและอาจถึงขั้นให้เด็กน้อยนั่งบนหลังมัน

เดิมทีหลี่จิ้นเป่าคิดว่าลาตัวนี้ดูไม่ดุร้าย ใครจะรู้ว่า เมื่อครู่ปลุกปล้ำอยู่ตั้งนาน แต่จะเป็นจะตายอย่างไร ลาตัวนี้ก็ไม่ยอมเดินไปกับเขา!

ซ่งอิงมองเขาอย่างมาดร้าย “ต้าไป๋บ้านข้าบาดเจ็บได้อย่างไร ไฉนเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้?”

นางไม่มีความประทับใจดีๆ ต่อหลี่จิ้นเป่าเลยแม้แต่น้อยจริงๆ

แต่คร้านจะสนใจเขาแล้ว

หลี่จิ้นเป่าได้ยินก็เผยสีหน้าแววตาเศร้าเสียใจทันที

“น้องอาอิง…ข้ารู้ว่าเจ้ามีอคติต่อข้า ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนไม่ได้เรื่อง เข้าใจเจ้าผิดไป ตอนนี้พ่อข้าป่วยหนักได้แต่นอนอยู่บนเตียง ข้าเองก็ทรมานใจ นับวันยิ่งพบว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองทำไม่ถูก แต่คิดๆ ดู ข้าก็ยังหนุ่ม แก้ตัวใหม่ตอนนี้ยังไม่สาย ฉะนั้นจึงขึ้นเขามาเก็บผักป่าทุกวัน จะได้ทุเลาความลำบากในครอบครัว…วันนี้ก็เลยบังเอิญ…”

“หากไม่เชื่อ เจ้าลองดูก็ได้ ในตะกร้าข้ามีผักไม่น้อยเชียวละ…” หลี่จิ้นเป่าเสริมอีกหนึ่งประโยค

ซ่งอิงกวาดตามอง ปรากฏว่าเห็นผักป่าจำนวนไม่น้อยในตะกร้าของหลี่จิ้นเป่า ทุกต้นดูเหมือนเพิ่งขุดขึ้นมาจากดิน ตามเนื้อตัวและฝ่ามือหลี่จิ้นเป่าก็ยังมีดินโคลนและหญ้าหลงเหลืออยู่ด้วย