บทที่ 118 องครักษ์ที่ถูกทำให้ตกใจ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่118 องครักษ์ที่ถูกทำให้ตกใจ

ใช่สิ!

เย่แจ๋หยิ่งคือท่านอ๋องผู้กระหายเลือดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศก่วงส้า มีผลการรบนับครั้งไม่ถ้วน ทรงพลัง อีกทั้งยังมีการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีเขาอยู่นางจะยังกลัวอะไรอีก?

การยกยอเย่แจ๋หยิ่งอย่างงี้ทำให้เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลย

เพียงแต่เห็นเย่แจ๋หยิ่งขยับนิ้วมือยาว สุดท้ายดูเหมือนกับจะถอนหายใจออกมา หลังจากผ่านไปเนิ่นนานเขาก็ถามเสียงเย็นว่า:

“อะแฮ่ม เจ้ากับป่ายเม่ยเซิงสนิทกับมากหรือ?”

เรื่องเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลานเยาเยาก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรแล้วโพล่งออกไปว่า:

“ก็พอได้นะ! เขาอยากล่วงเกินข้า ข้ายิ่งอยากล่วงเกินเขากว่าอีก!”

วิธีการล่วงเกินของนางกับของป่ายเม่ยเซิงไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ลงมือก็จะไม่เป็นอะไรแต่ถ้าลงมือแล้วก็จะเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้ง

ไม่เห็นท่าทางของป่ายเม่ยเซิงเมื่อครู่นี้หรอ?

ที่อายแม้แต่จะเจอผู้คน

ได้ยินดังนั้น!

หัวคิ้วของเย่แจ๋หยิ่งก็ขมวดขึ้นจากนั้นพูดอย่างชา:

“ผู้หญิงที่สนิทสนมกับเขามีนับหมื่นพัน เจ้าชู้อีก เจ้า······ชอบเขาหรือ?”

นับหมื่นพัน?

จุ๊ๆ! นี่มันสุดยอดเลย

แต่ก่อนรู้สึกว่าป่ายเม่ยเซิงเป็นคนลามก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลามก

“สมองข้าไม่ได้พังนะข้าจะไปชอบเขาทำไม? ถ้าจะชอบข้าควรจะชอบเจ้าสิถึงจะถูก เจ้าว่าใช่ไหมหล่ะ? ท่านอ๋อง”

เพื่อกระชับความสัมพันธ์ เพื่อจูบจูบนึง เพื่อระบบจะได้สามารถเลื่อนขั้นได้ เสียศักดิ์ศรีหน่อยก็ไม่สนใจ

“เฮ้อะ!”

คำพูดของนางเชื่อไม่ได้!

เย่แจ๋หยิ่งไม่มีคำตอบอะไรมีแต่เสียงยิ้มเยาะ หลังจากที่มองไปยังดาดฟ้าเรือลำใหญ่ผ่านทางหน้าต่างก็เห็นเงาของคนหายไปจากแผ่นไม้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น

จากนั้นก็ลุกขึ้นจากไป······

ก็จากไปซะอย่างงั้น ไม่กล่าวทักทายไม่ส่งสายตา

หลานเยาเยาตะลึงเล็กน้อย

เย่แจ๋หยิ่งไม่ใช่ยืนยันให้นางกลับตำหนักหรอกหรือ? และท่าทางเมื่อครู่นี้ดูราวกับว่าถ้านางไม่กลับตำหนักหล่ะก็ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก

แต่ว่าตอนนี้······

คงไม่ไปเรือลำใหญ่นั่นอีกหรอกมั้ง?

สนอะไรเขา! จุดประสงค์หลักของนางตอนนี้ก็คือไปหาพ่อครัวหมายเลข1 แล้วยังมีอาหารเลิศรสโต๊ะใหญ่รอนางอยู่!

ดังนั้น!

นางจึงรีบไปยังสถานที่ที่พ่อครัวหมายเลข1กล่าวไว้และพาเขาไปที่ตลาดมืด

สำหรับว่าทำไมไม่พาเขาไปที่จวนอ๋องเย่ก็เพราะว่าหลานเยาเยามีข้อพิจารณาของตนเอง ประการแรกนางไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตนเอง ประการสองไม่สามารถดึงคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอะไรเข้ามาวุ่นในจวนอ๋องเย่ได้อย่างตามใจใช่ไหม?

เมื่อถึงตลาดมืด

พ่อครัวหมายเลข1ผู้หยิ่งยโสเห็นได้ชัดว่าระแวดระวัง ถามนางขึ้นมาว่านางอยู่ที่ตลาดมืดใช่ไหม ต้องการจะขายเขาใช่ไหม

ถึงอย่างไร!

ตอนนี้นางเป็นชายหนุ่มรูปงามและเที่ยงตรง จะมาค้าขายในตลาดมืดได้อย่างไร?

มาตลาดมืดได้ก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไรอีกทั้งดูเหมือนว่าหลานเยาเยายังดูคุ้นเคยกับสถานที่นี้มากๆ พ่อครัวหมายเลข1รู้สึกกังวลใจแล้ว

มาถึงสถานที่ซื้อขายสัตว์

เนื่องจากนางเคยมาสองสามครั้งก็มีหลายคนที่จำนางได้เมื่อเห็นว่านางสวมชุดผู้ชาย คนเหล่านั้นก็ฉลาดเรียกนางว่าคุณชาย

ถิงเมี่ยนไม่อยู่ แต่ปกติสถานที่ที่เขาไว้ใช้พักก็อนุญาตให้นางเข้าไปได้ อีกทั้งเหล่าของเครื่องใช้ในครัวก็มีหมดทุกอย่าง

หลานเยาเยาหยิบเงินขึ้นมาจ่ายค่าวัตถุดิบที่พ่อครัวหมายเลข1ต้องการให้กับเจ้าของแผงอย่างเจ็บปวด สองชั่วยามผ่านไป พ่อครัวหมายเลข1ทำอาหารโต๊ะใหญ่อย่างกระสับกระส่าย

หลังจากทำจานสุดท้ายเสร็จก็รีบยกมือคำนับบอกลา:

“ลาก่อน!”

พูดจบไม่รอให้นางตอบก็วิ่งออกไปอย่างเร็ว

“……”

อืม……

กลัวอะไรหล่ะ? นางไม่ใช่คนเลวสักหน่อย

แต่ว่า!

ไปก็ดี ขาดคนแบ่งอาหารเลิศรสไปคนก็ดี

แต่เพราะตอนอยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังนั้นกินเยอะเกินไปยังย่อยไม่ทัน ดังนั้นมองอาหารเลิศรสโต๊ะใหญ่ก็ทำได้เพียงแต่มองตาปริบๆ

ท้องใส่ไปไม่ไหวแล้วโว้ย!

ดังนั้นนางต้องห่อกลับไป พอนางไปถิงเมี่ยนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องนั้น สายตาของเขามองไปทางที่หลานเยาเยาหายไปจากนั้นก็ย้ายมามองที่มือตนเอง

บนผิวสีข้าวสาลีนั่นมีรอยขีดข่วนอยู่สองสามรอย……

จวนอ๋องเย่

“ฮู้……”

“คุณชายเสด็จ!”

ที่ประตูจวนอ๋องเย่หลังจากสิ้นเสียง คนดูแลรถม้าคันนึงก็หยุดลงผ่านไปครู่นึงก็มีคุณชายหน้าตาหล่อเหลาออกมาจากข้างใน

นางมาถึงปากประตูใหญ่ที่อลังการ เดิมนางคิดจะยกเท้าแล้วย่ำเข้าไปข้างในเลย

แต่จู่ๆกลับเหลือบเห็นองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ

นัยน์ตาก็เป็นประกาย!

นางเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าองครักษ์ผู้นั้นแล้วบนใบหน้ามีรอยยิ้มมุ่งร้าย:“อ้าว เจ้าดูคุ้นหน้าจังเลย!”

“พระ พระชายา”

สีหน้าขององครักษ์ดูแย่มากแต่เขายังคงคำนับหลานเยาเยาด้วยความเคารพ

“อ้อ~~ข้ารู้แล้ว เจ้าคือองครักษ์ที่เคยไม่ให้ข้าเข้าตำหนักนี่ ตอนนี้เจ้าจบเห่แน่”

องครักษ์ที่หน้าบิดเบี้ยวตรงหน้านางนี้ในตอนก่อนที่ยังไม่ใช่พระชายาเย่ นางย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเย่แจ๋หยิ่งสั่งให้นางมาแต่เขากลับไม่ให้นางเข้าไปที่ตำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนนั้นนางหายใจแทบไม่ได้!

ตอนนี้ ฮิฮิฮิ……

จากนั้นนางก็เรียกองครักษ์นั่นไปย้ายกล่องที่รถม้า ในกล่องก็คืออาหารที่นางห่อกลับมา

“เร็วไม่เร็วไม่ต้องรีบ ที่สำคัญคือต้องถือให้มั่นคง”

“เฮ้ยๆๆ ระวังธรณีประตูมันสูง อย่าไปสะดุด”

“กล่องนี้น้ำซุปเยอะสุดต้องระวังเป็นพิเศษ โอ๊ย บรรพบุรุษ เจ้าอย่าแกว่งสิ!เจ้าแกว่งใจข้าก็สั่น

เมื่อเห็นร่างขององครักษ์โซเซเป็นบางครั้ง ใจของหลานเยาเยาเรียกได้ว่าอกสั่นขวัญแขวนกลัวที่สุดว่าเขาจะไม่ระวังแล้วล้ม

ด้านในนั้นเป็นอาหารเลิศรสทั้งนั้นเลยนะ!

องครักษ์ที่มีจิตใจค่อนข้างดี พอได้ยินหลานเยาเยาพูดถึงบรรพบุรุษมือก็อ่อนแรง!

ตอนนี้หลานเยาเยาคือพระชายาที่นั่งเคียงคู่กับท่านอ๋อง

พระชายาเรียกเขาว่าบรรพบุรุษ งั้นเขาคือท่านอ๋องไม่ใช่หรือ……

นั่นจะได้ยังไง ถ้าท่านอ๋องรู้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?

พระชายาถ้าท่านอยากแก้แค้นก็ฟันเขาสิจะไม่เจ็บกว่าหรอ? ทำไมจะต้องขู่เขาขนาดนี้? จะตกใจตาย

หลานเยาเยาที่ไม่รู้ว่าองครักษ์คิดอะไร ขณะนี้สายตาจ้องไปที่องครักษ์ตลอดเวลาจนกระทั่งหลังจากที่องครักษ์วางกล่องเข้าไปในลานซวนซี ใจที่กังวลของนางสุดท้ายก็ผ่อนคลาย

บนโต๊ะมีหม้อชาและถ้วยชาสองสามแก้ว หลานเยาเยารู้สึกว่ามันขวางหูขวางตา

อย่างไรเสีย!

อีกครู่เดียวโต๊ะนี้ก็จะไว้ใช้วางอาหารแล้ว

แต่ว่าพอเห็นน้ำชาจู่ๆนางก็รู้สึกกระหายน้ำนางจึงรินชาโดยไม่เอ่ยอะไร

ตอนที่กำลังเตรียมเข้าปาก มีร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากคาน

“เดี๋ยวก่อน!”

หลานเยาเยาหันกลับมองก็คือฮัวหยู่อัน นางมานั่งอยู่ข้างๆนางแล้วมองนางด้วยสายตาแวววาว

“เป็นอะไรไป? เสี่ยวฮัว”

เสี่ยวฮัวคือคำเรียกที่นางใช้เรียกฮัวหยู่อัน อย่างไรเสียเรียกฮัวหยู่อันมันไม่คล่อง

“เปลี่ยนคำเรียกได้ไหม?”

ไม่ไพเราะ คัดค้านอย่างมากเสี่ยวฮัวฟังแล้วไม่มีรสนิยมมากๆ เทียบกับชื่อที่สูงส่งของนางไม่ได้สักนิด

“อาฮัว?ฮัวเอ๋อ?”

เหล่าสาวใช้ในทีวีก็เรียกอาแล้วก็อะไรสักอย่างหรือไม่ก็อะไรสักอย่างแล้วก็เอ๋อทั้งนั้น

“……”ฮัวหยู่อันพูดไม่ออก

หลานเยาเยาจะเติมฮัวอะไรขนาดนั้น?

“ใช่สิ เมื่อครู่จู่ๆเจ้ากระโดดออกมาทำไม?”

“ไม่มีอะไร ข้ามาดูท่านดื่มน้ำชา ไม่พูดแล้ว”

เดิมคิดว่าจะเตือนนางว่าในชาถูกวางยาพิษจะบอกให้นางอย่าดื่ม แต่คิดไม่ถึงว่านางจะช่วยตั้งชื่อเล่นที่ไม่เพราะขนาดนี้

นางไม่พอใจ

ดังนั้น…