บทที่ 119 สาวใช้ผู้หยิ่งทนง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่119: สาวใช้ผู้หยิ่งทนง

เกือบจะเสี้ยววินาทีสุดท้าย นางไม่สามารถฉวยแก้วนั้นมาได้แล้ว จากนั้นนางก็เห็นว่าหลานเยาเยายกเอาถ้วยขึ้นไปข้างริมฝีปาก

แต่ว่า……

เมื่อถ้วยถูกยกขึ้นไปที่ข้างริมฝีปากนางก็ไม่ขยับตัวอีกเลย ราวกับภาพวาดที่ถูกตรึงเอาไว้ นั้นทำให้ฮัวหยู่อันยิ่งร้อนใจ

ตกลงจะดื่มหรือไม่ดื่มกันแน่?

ถ้าจะดื่มก็รีบๆดื่มเข้าไปสิ นางใช้เวลาแทบจะเสี้ยววินาทีสุดท้ายเพื่อที่จะหยุดยั้งนาง นั่นยิ่งเป็นเหมือนนางใช้อำนาจอย่างเด่นชัด

ใครจะรู้……

หลานเยาเยาหันหน้ากลับมาหานาง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าไม่ห้ามข้าแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

สีของชามันแปลกไป อีกทั้งกลิ่นของชาก็ไม่ได้เหมือนกับที่นางเคยดื่ม ดังนั้นมันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าชานี้มีปัญหา

“ไว้ท่านดื่มก่อน ข้าค่อยห้ามท่าน” อัวหยู่อันตอบกลับอย่างใจเย็น

“แต่นี่ข้ากำลังจะกินแล้วนะ อีกเพียงนิดเดียวน้ำชาก็จะเข้าปากอยู่แล้ว ข้าก็เลยหยุดไว้เพื่อให้เจ้าห้าม ทำไมเจ้าถึงไม่ห้ามหล่ะ? เพราะเป็นเช่นนี้ ข้าก็สงสัยกับความซื่อสัตย์ของเจ้าเสียแล้วหล่ะ”

“…….”

แบบนี้ก็หมายความว่า หลานเยาเยาล่วงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าชานี้มีปัญหา แต่ก็ยังตั้งใจแสร้งว่าจะดื่ม นั่นก็เพื่อที่จะพิสูจน์ความจงรักภักดีของนางอย่างนั้นเหรอ?

ไอ้หยา!

นางจะเอาอะไรมาซื่อสัตย์เล่า?

นี่นางถูกนางหลอกเข้าแล้วอย่างนั้นเหรอ?

“ช่างมันเถอะ เห็นว่าเจ้าทำเงิน ข้าจะไม่สืบสาวเอาความ” หลานเยาเยาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ

จากการลองใจเมื่อครู่ ฮัวหยู่อันห้ามให้นางไม่ดื่มชา

ดังนั้น คนที่วางยาไม่ใช่ฮัวหยู่อัน ไม่ใช่นางแน่ๆ คนที่ทำน่าจะเป็นคนที่ไม่เต็มใจที่จะเป็นสาวใช้นั่นแหล่ะ

เหอะ!

ก็ถ้าอยู่ไม่สุขแบบนี้ ก็อย่ามาโทษที่นางไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน

ดังนั้น หลานเยาเยาก็ให้ฮัวหยู่อันเอากับข้าวครึ่งกล่องออกมาไว้บนโต๊ะ

เมื่อมองอาหารบนโต๊ะใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมออกมา ฮัวหยู่อันแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความโลภ

“พระชายา ข้ากินได้หรือไม่?”

“ได้แน่นอน! แต่ว่าเจ้าต้องไปทำธุระให้ข้าสองเรื่อง” หลานเยาเยานัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้น

“ได้ๆๆ อย่าว่าแต่สองเรื่องเลย ท่านให้ข้าทำถึงสิบเรื่องก็ย่อมได้” อาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้า จะต้องคิดอะไรให้มากความอีกหล่ะ?

“เรื่องแรก ในกล่องยังมีกับข้าวอีกครึ่งหนึ่ง เจ้าช่วยเอาไปส่งที่ห้องอาหาร ให้พวกเขาเอาไปอุ่นในหม้อ เอาไว้ตอนเย็นก็เอามากินกันได้ตามสะดวก

เรื่องที่สอง ช่วยไปเรียกชิวซวนกับชิงปี้มากินข้าวด้วยนะ ข้าอยากที่จะกำจัดทีเดียว”

ฮัวหยู่อันได้ยินดังนั้นก็นัยน์ตาก็ประกาย

รีบพูดกับหลานเยาเยาทันทีเรื่องที่ว่าที่ฐานเตียงก็ถูกเอาของไปวางด้วยเช่นกัน เดิมทีนั้นเธอคิดว่าหลานเยาเยาจะโกรธ แต่ไม่คิดเลยว่าหลานเยาเยาจะไม่แม้แต่มีความเคืองอยู่บนสีหน้าทั้งยังยิ้มออกมาอีกด้วย

นั่นจึงทำให้ฮัวหยู่อันอดตะลึงไม่ได้!

“เจ้าจะมาอยู่มองข้าทำไม? ทำไมยังไม่รีบไปอีกเล่า?”

เมื่อเห็นฮัวหยู่อันออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หลานเยาเยาก็นึกขำออกมา

ไม่นานนัก ก็มีสาวใช้ใส่ชุดสีมรกตสี่ห้าคนทยอยเดินเข้ามา สาวใช้ที่มาเป็นของหมั้นเองก็มาด้วยหมด

พวกนางล้วนแต่งหน้าจัด ทั้งยังแต่งองค์ทรงเครื่องสละสลวย

ฮ่าฮ่า!

นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮัวหยู่อันใช้เล่ห์วิธีใดถึงได้เรียกพวกนางมาได้หมด อีกทั้งยังมีท่าทีตื่นเต้นมีความสุขอีกเสียด้วย

เมื่อเข้ามาในห้องกันหมดแล้ว

แม้พวกนางจะเก็บรอยยิ้มแย้ม แต่เมื่อมองสายตาของพวกนางก็เห็นได้ชัดว่ามีความอิ่มอกอิ่มใจอยู่บ้าง ราวกับว่าเป็นพวกนางเองที่เป็นพระชายา

“พระชายา” สาวใช้ทั้งสี่แสร้งทักทายอย่างมีมารยาท

สายตาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่อาหารบนโต๊ะ ซึ่งมีกาน้ำชาวางเอาไว้อยู่ด้วย รอยยิ้มของพวกนางก็ยิ่งมากขึ้น

ฮัวหยู่อันวางอาหารไว้บนโต๊ะก่อนจะพูดว่า:

“พระชายา สร้อยข้อมือที่ท่านให้ข้าน้อยเพื่อเป็นรางวัลช่างงามเหลือเกิน”

พูดจบ!

ฮัวหยู่อันก็ชูหยิบเอาสร้อยข้อมือขึ้นมาจากมือของเธอ

“เจ้าชอบก็ดีแล้วหล่ะ” เมื่อรู้แล้วว่าฮัวหยู่อันใช้เครื่องประดับเพื่อล่อพวกนางมา หลานเยาเยาก็หันหน้าไปทางพวกนาง “ข้ามีเครื่องประดับสวยๆอยู่หลายชิ้น รอพวกเจ้ากินข้าวเสร็จ ข้าจะให้เป็นของกำนัล”

แน่นอนหล่ะ!

พอเธอพูดจบแล้ว สายตาของพวกนางชิวซวนก็เป็นประกายกันขึ้นมาทีเดียว

“ขอบพระทัยพระชายา”

ด้วยเหตุเพราะหลานเยาเยาให้สร้อยข้อมือแก่ฮัวหยู่อันอีกทั้งสร้อยข้อมือก็ดูหรูหราดูดีมากเสียด้วย แน่นอนหล่ะว่านั่นดึงดูดพวกนางให้มา และแน่นอนว่าก็ต้องให้เครื่องประดับเงินทองที่ทั้งหรูหราดูดีแก่พวกนางเช่นกัน

สำหรับหลานเยาเยาแล้วที่จู่ๆมาทำดีกับพวกนางนั้น แน่นอนหล่ะว่ามีเรื่องที่จะถาม!

พวกนางชิวซวนต่างก็คิดเช่นนั้น

“มาสิ นั่งกินด้วยกัน”

ขอบพระทัยพระชายา!”

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ พวกนางก็ยิ่งมั่นใจ

ดังนั้น แม้จะรู้ดีว่าสาวใช้ไม่สมควรที่จะนั่งกินข้าวร่วมกับพระชายา แต่พวกนางก็ไม่แม้แต่จะปฏิเสธ นั่งลงที่เก้าอี้ทันที

แถมยังไม่รอให้หลานเยาเยาพูดอะไร พวกนางก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารกิน……

ครั้งนี้หลานเยาเยากับฮัวหยู่อันก็หรี่ตามองกัน!

“วางกับข้าวนั่นลง!” หลานเยาเยาพูดขึ้นอย่างไม่แยแส

กูยังไม่ได้กิน พวกเจ้าคิดอยากจะกินก่อนเลยอย่างนั้นเหรอ?

ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย!

“พระชายา ท่านไม่ได้ให้พวกข้านั่งลงหรอกหรือ! ทำไมถึงไม่ให้พวกข้ากินหล่ะ? หรือว่าจำต้องรอให้ท่านบอกให้เรากินได้เราถึงจะกินได้?” เห็นได้ชัดว่าชิวซวนนั้นหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

อาหารที่อยู่บนโต๊ะก็มองดูช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน!

พอดีกับที่นางเริ่มหิวแล้วด้วย

พอพูดจบนางก็ยิ้มเยาะ หยิบตะเกียบเตรียมคีบอาหารอีกครั้ง……

“ข้าบอกให้พวกเจ้าคีบอาหารแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หลานเยาเยามองอย่างเย็นชา

สาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งอาจหาญที่จะทำกิริยาเย่อหยิ่ง นางจะรอดูว่านางจะเย่อหยิ่งได้มากกว่านี้อีกมากแค่ไหน

“หลานเยาเยา นี่ท่านอยากให้พวกข้าช่วยอะไร หรืออยากให้ยกเป็นพระชายา? นี่ข้าจะบอกให้นะ ว่าหากพวกข้าได้กินกันอย่างไม่มีความสุขหล่ะก็ ท่านอย่าหวังที่จะให้เราช่วยอะไรท่านเลย!”

ชิวซวนโมโหมาก

โยนตะเกียบลงบนโต๊ะทั้งยังมองนางอย่างเย่อหยิ่ง

“อยากให้เจ้าช่วยเหรอ?”

“หรือว่าไม่ใช่? ท่านอยู่แต่ในห้องหนังสือดึงดูดท่านอ๋องไม่สำเร็จ กลับกันรั้งแต่จะทำให้ท่านอ๋องรังเกียจท่าน วันนี้อยู่ข้างนอกก็ทำให้คุณหนูจากแต่ละตำหนักไม่พอใจ ตอนนี้ก็รีบร้อนหาจวนแม่ทัพเพื่อให้เป็นที่พึ่งพาอีก ท่านไม่ควรมาร้องขอพวกข้าอย่างนั้นหรือ?”

ชิวซวนยิ่งพูดอารมณ์ของนางยิ่งเดือดขึ้น!

หลานเยาเยาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

เรื่องในห้องหนังสือวันนี้ การที่ชิวซวนรู้นั้นนางไม่แปลกใจ แต่เรื่องที่ทำให้คุณหนูแต่ละตำหนักไม่พอใจนี่ ชิวซวนรู้ได้ยังไงอีก?

ชิวซวนนี่ดูท่าจะไม่ธรรมดานะ!

ดังนั้น!

นางจึงตีไปที่แขนของตัวเอง

หลังจากชั่วขณะนึงจึงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ! “ท่านเป็นคนของหลานจิ่นเอ๋อ!”

ที่โรงน้ำชา

เหล่าคุณหนูที่ถูกนางให้เขียนบันทึกในพฤติกรรมแย่ๆนั้น ตอนนี้ยังยากที่จะปกป้องตัวเอง จะเอาเวลาไปคุยวิจารณ์คนอื่นกับสาวใช้ตนเอง

มีเพียงถังมู่หวั่นกับหลานจิ่นเอ๋อที่ไม่ได้ถูกให้เขียนบันทึก

ถังมู่หวั่นนั้นเป็นหัวแก้วหัวแหวนของจวนเฉิงเสี้ยงทั้งยังมีจิตใจล้ำลึก จะมาพูดคุยพวกนี้กับชิวซวนคนที่อาจจะถูกฆ่าตายตอนไหนก็ได้ได้อย่างไร?

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะเหลือเพียงแค่หลานจิ่นเอ๋อแล้วหล่ะ

สำหรับเหตุผลอย่างนั้นหน่ะเหรอ?

นั่นก็ยังไม่รู้

เมื่อได้ยินนางพูดมั่นใจเช่นนั้นว่านางเป็นคนของหลานจิ่นเอ๋อ ชิวซวนก็ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นจึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมา

“นี่ ท่านหลอกข้าหรือ?”

“ถูกต้อง” หลานเยาเยาตอบรับอย่างคนใจกว้าง “แต่ว่าไม่ว่าเจ้าเป็นคนของใครก็แล้วแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าต่อไปในวันนี้เหี้ยมโหดมาก”

“ว่ายังไงนะ?” ชิวซวนรู้สึกเหลือเชื่อ

แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งเหลือเชื่อก็คือ ฮัวหยู่อันที่ยืนอยู่ข้างหลังของหลานเยาเยานั้นกระชากหัวชิงปี้ที่ยืนอยู่ข้างๆจนหน้าหงาย

จากนั้นก็จับเอากาน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ กรอกใส่เข้าไปในปากของหล่อน

“อ๊ะ……อึกๆๆๆ……อึกๆๆ……”

ชิงปี้ที่ถูกกระชากหัวแบบนั้นก็ร้องขึ้น พยายามขัดขืนสุดชีวิตกับน้ำชาที่กรอกมา……