“เฒ่าจันทรา โปรดอย่ากังวลไปเลย…มันไม่อาจให้ความฝันแก่เซียนต้าหลัวจินได้เพราะพวกเขาอยู่เหนือโลก แต่เซียนจินและเซียนเทียนนั้นย่อมมิใช่ปัญหา แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์ที่มีชีวิตอยู่เพียงร้อยกว่าปีเท่านั้น”
เขากล่าวต่อว่า “ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ท่านควรรู้ มันสามารถพูดคุยได้เพียงแค่ในความฝัน แต่ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นสมบัติที่เต๋าสวรรค์ประทานให้เพื่อแสดงพลังแห่งศาลสวรรค์ซึ่งใช้เพื่อล่อหลอกผู้คนเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เซียนผู้น้อยเช่นข้า ตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า หอเสิ่นเว่ยขอรับ”
“ตราบใดที่อีกฝ่ายหนึ่งฟุ้งซ่าน หรือเมา จิตใจสับสนเฉื่อยชา เหนื่อยล้า อ่อนแอ นั่นคือ เมื่อจิตใจผ่อนคลายและสงบลง หรืออยู่ในห้วงแห่งการรู้แจ้ง เมื่อถึงยามนั้น ท่านย่อมสามารถเชิญอีกฝ่ายให้เข้าฝันได้ แต่หากอีกฝ่ายไม่อยากฝัน ก็ไม่มีทางอื่นใดอีก ท่านกำลังมองหาศิษย์ของสำนักตู้เซียน หลี่ฉางโซ่ว ใช่หรือไม่ ไม่ต้องกังวล เขาเป็นแค่ศิษย์น้อย ข้าขอเวลาสักครู่ขอรับ…”
“หือ? เหตุใดข้าจึงค้นหาคนผู้นี้ไม่พบ”
เจ้าหน้าที่เซียนผู้สวมเกราะสีทองยืดคอของเขาออกมาข้างหน้าขณะจ้องมองไปที่เครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ในเวลานั้น เฒ่าจันทราที่ยืนอยู่ด้านข้างยังคงรอต่อไปพร้อมเผยรอยยิ้มอบอุ่น
และชั่วขณะนั้น เจ้าหน้าที่เซียนในชุดเกราะทองคำก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เทพเฒ่าจันทราขอรับ ท่านแน่ใจหรือว่านี่คือชื่อของเขา ท่านมีวันเกิดของเขาหรือไม่ขอรับ”
“ได้สิ ได้ ข้ามีวันเกิดของเขาที่ตำหนักครองคู่” เทพเฒ่าจันทราตอบด้วยรอยยิ้มแล้วรีบหยิบบันทึกออกมาจากแขนเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว
คราวนี้ เจ้าหน้าที่เซียนในชุดเกราะทองคำก้มศีรษะลงครู่หนึ่ง และในที่สุด เครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัวขนาดมหึมาก็เริ่มหมุนไปช้าๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจ้าหน้าที่เซียนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกพลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา
“ฟู่! เครื่องเชิญฝันพบเขาแล้ว ในขณะนี้ เขาอยู่ในสำนักตู้เซียนขอรับ”
ไม่แปลกเขาเป็นศิษย์ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากสมบัติเซียนเทียน จึงยากยิ่งนักที่จะหาเขาเจอได้จริงๆ!
“เทพเฒ่าจันทรา โปรดมองมาทางนี้ เมื่อแสงดาวส่องสว่างขึ้น แสดงว่าเขากำลังหลับหรือฟุ้งซ่านอยู่ เราสามารถเชิญเขาเข้าสู่ความฝันได้ขอรับ…”
“เท่านั้นหรือ” เทพเฒ่าจันทราถามเสียงแผ่วเบา
เจ้าหน้าที่เซียนยิ้มและกล่าวว่า “ขอรับ ท่านเทพเฒ่าจันทราโปรดรอสักครู่ โดยทั่วไปแล้ว ภายในครึ่งวัน เขาจะเสียสมาธิอย่างแน่นอน”
เทพเฒ่าจันทรารีบขอบคุณขณะที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา แต่เจ้าหน้าที่เซียนรีบโบกมือของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และกล่าวอย่างสุภาพว่าที่เขาช่วยเหลือนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในวังเดียวกัน
ทว่าครึ่งวันต่อมา…
และหลังจากหนึ่งวัน…
จนมาถึงสองวันต่อมา…
“ไฉนแสงยังไม่สว่างอีกเล่า” เจ้าหน้าที่เซียนที่ดูแลการส่งเชิญความฝันพึมพำออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
เทพเฒ่าจันทรายิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้ารบกวนสหายเต๋าแล้ว”
“แค่เรื่องเล็กน้อยขอรับ เซียนผู้น้อยก็ไม่ใคร่ได้พบคนมาเยี่ยมเยียนที่นี่ขอรับ ข้าไม่เชื่อว่า เขาจะจดจ่อโดยไม่เสียสมาธิใดๆ เลยในเวลาหนึ่งเดือนขอรับ”
และในเวลาหนึ่งเดือนต่อมา
บัดนี้ เทพเฒ่าจันทราและเจ้าหน้าที่เซียนต่างนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่เครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัว
สองเดือนต่อมา…
ในเวลานี้ ดวงตาของเจ้าหน้าที่เซียนแดงก่ำ
ทันใดนั้นเขาก็กล่าวออกมาอย่างสับสนด้วยเสียงแหบแห้งว่า “สมบัติชิ้นนี้พังแล้วหรือไม่…
…ศิษย์ผู้หนึ่งของสำนักเซียนสามารถอยู่ในสำนักเซียนเป็นเวลานานโดยไม่ผ่อนคลายจิตใจเลยได้อย่างไรกัน ข้ายังไม่ต้องรอเวลาที่เซียนจินจะฟุ้งซ่านนานถึงเพียงนี้เมื่อยามที่เชิญเซียนจินเหล่านั้นเข้าสู่ความฝัน…”
“นี่…”
เทพเฒ่าจันทราพลันกล่าวกระซิบ “เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด”
ทว่าเจ้าหน้าที่เซียนโบกมือพลางกล่าวหนักแน่นว่า “ไม่มีทาง!…
ข้าต้องทำตามที่รับปากเอาไว้ให้ได้ขอรับ!
…ไยท่านเทพเฒ่าจันทราไม่กลับไปที่ตำหนักครองคู่ก่อนขอรับ ข้าจะรอที่นี่ต่อไป! แล้วจะรีบแจ้งให้ท่านทราบเมื่อมีความคืบหน้าอีกครั้งขอรับ!”
เทพเฒ่าจันทรารีบกล่าวว่า “การครองคู่ย่อมเป็นไปตามลิขิตแห่งเต๋าสวรรค์ ข้าจัดการเฉพาะกับผู้ที่มาเยี่ยมเพื่อขอครองคู่ และการซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก็สงบสุขดี อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณสหายเต๋ามาก”
หากมีชะตากรรมเกี่ยวกับการครองคู่ใดๆ ที่เต๋าสวรรค์ในตำหนักครองคู่ต้องการให้เขาตัดขาด เทพเฒ่าจันทราย่อมจะสามารถสัมผัสได้และการอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ
“ยินดี ยินดีขอรับ”
และสามเดือนต่อมา…
เจ้าหน้าที่เซียนหันศีรษะไปมองเทพเฒ่าจันทรา และเนื่องจากเขาเอาแต่จับจ้องจนไม่ได้กะพริบตามาเป็นเวลานาน บัดนี้ ดวงตาของเขาจึงปูดโปน เบ้าตาก็ลึกโบ๋ลงไปในขณะที่เขารู้สึกกังวลใจ
มันต้องพังแล้วแน่ๆ!
สมบัติที่เต๋าสวรรค์ประทานให้พังแล้วใช่หรือไม่
ผ่านมานานแล้ว ทว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าเทพเฒ่าจันทราอย่างยิ่ง!
เขายังมีแผนที่อยากจะขอให้เทพเฒ่าจันทราช่วยเขาจับคู่ให้เขาในอนาคตด้วย แล้วเขาจะปล่อยให้สมบัติชิ้นนี้ก่อเรื่องขึ้นได้อย่างไรกัน!!
เจ้าหน้าที่เซียนพึมพำคร่ำครวญอย่างหดหู่ “เอ๋…แต่เครื่องมือสวรรค์ชิ้นนี้รวมเข้ากับศาลสวรรค์มิใช่หรือ แล้วมันจะเสียไปได้อย่างไรกัน”
บัดนั้น เทพเฒ่าจันทราพลันขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “สหายเต๋า เหตุใดไม่…”
“รอก่อน! ข้าจะรอต่อไป! หากท่านมีอะไรต้องทำก็กลับไปก่อนได้ขอรับ งานนี้ข้าต้องทำให้ได้ ข้าจะก้มหน้ารอเจ้าเด็กคนนี้เอง! หากไม่ได้ผล ข้าก็จะลงไปหาเขาเองขอรับ!”
ทันใดนั้น เทพเฒ่าจันทราก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่าไม่มีความจำเป็นในเรื่องนั้นและยังคงรอต่อไปอย่างอดทนอยู่ข้างๆ จากนั้น เขาก็ใช้สัมผัสเซียนรับรู้เฝ้าสังเกตตำหนักครองคู่ ด้วยเกรงว่าจะมีผู้เป็นเซียนใหญ่ปรากฏกายขึ้น
ครึ่งปีต่อมา…
บัดนี้ เจ้าหน้าที่เซียนนอนราบลงไปกับพื้นแล้วถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเบาๆ ว่า “หรือพวกเราจะเปลี่ยนความคิดดีหรือไม่ขอรับ ข้าจะเชิญศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักตู้เซียนเข้ามาในความฝันก่อนแล้วจึงขอให้คนอื่นแจ้งเรื่องนี้ไปให้เจ้าเด็กคนนี้เพื่อให้เขาพบท่านในความฝันของเขา ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ”
แล้วจู่ๆ เทพเฒ่าจันทราที่ง่วงซึมก็มีพลังขึ้นมากะทันหัน “เป็นความคิดที่ดีจริงๆ!”
“ข้ารู้สึกเหมือนถูกเจ้าศิษย์น้อยผู้นี้เล่นงาน พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าหายไปไม่ได้รับการฟื้นฟูเลย…”
“นี่…”
“อ่า…เขาทำได้อย่างไร เขาไม่ให้โอกาสข้าแม้แต่ครั้งเดียวในตลอดครึ่งปีมานี้!”
ดังนั้น ในครึ่งวันต่อมา…
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับ ‘พระสูตรนิรกรรม’ ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ก็รีบบินออกมาจากป่า ทำให้เขาต้องหยุดฝึกบำเพ็ญและปิดการใช้งานค่ายกลภายนอก
“ศิษย์พี่!…
…มีเทพในชุดเกราะทองคำบนสวรรค์มาเยี่ยมข้าในความฝันเมื่อครู่ก่อนนี้ เขาบอกว่าเขาอยากให้ท่านฝัน เขาอยากให้ท่านผ่อนคลายจิตใจ เขาบอกว่าเทพเฒ่าจันทราจากตำหนักครองคู่แห่งศาลสวรรค์ต้องการพบท่านด้วยเรื่องสำคัญบางอย่างเจ้าค่ะ!”
ฝัน? เทพเฒ่าจันทรา?
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและตระหนักได้ในทันใดว่าอาจมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
ในเมื่อพวกเขาตามหาเขาโดยไม่มีเหตุผล เช่นนั้นย่อมต้องมีกับดักบางอย่างที่เขายังไม่รู้!
ก่อนหน้านี้ จู่ๆ จิตใจของเขาก็ว้าวุ่นยุ่งเหยิง และหลังจากนั้น ก็เต็มไปด้วยความคิดวอกแวกฟุ้งซ่านจนเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำสมบัติลับของเขาออกมาใช้ นั่นคือภาพจักรพรรดินีชราไป่เหมย
แล้วจากนั้น เขาก็คันรักแร้โดยไม่มีเหตุผล…
เรื่องนี้ต้องมีปัญหาบางอย่างแน่นอน!
ย้อนกลับไปเมื่อยามที่ดูเหมือนว่า เขาจะวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่รูปแบบของสำนักตู้เซียนบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาจึงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของเฒ่าจันทราและด้ายแดงแห่งโชคชะตา
เป็นไปได้หรือไม่ที่เฒ่าจันทราเล่นตลก เขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ หรือ
แต่ไฉนเฒ่าจันทราจึงกล้าลงมือกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเช่นนี้ได้…
แล้วชั่วขณะนั้น หลันหลิงเอ๋อร์ก็รีบเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านรีบเข้าสู่ความฝันเร็วๆ เถิดเจ้าค่ะ”
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันหรี่ลงขณะกล่าวอย่างสงบว่า “อย่าเพิ่งดีกว่า ข้าจะยังไม่ไปในตอนนี้”
“ไม่หรือเจ้าคะ…ท่านปฏิเสธได้ด้วยหรือเจ้าคะ”
“หากพวกเขาสามารถเข้ามาในความฝันของข้าได้ แล้วไยต้องขอให้เจ้ามาบอกข้าเช่นนี้ด้วย”
หลี่ฉางโซ่ว ยิ้มแล้วชี้แจงว่า “คราวนี้ น่าจะเป็นเทพเฒ่าจันทราอยากขอความช่วยเหลือจากข้า เจ้าไม่ต้องห่วง รอให้ข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อน”
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าไปเอนหลังแล้วนอนพักที่เก้าอี้สักครู่เถิด เจ้าจงผ่อนคลายไม่ต้องเพ่งสมาธิใดๆ หากเทพสวรรค์ที่สวมเกราะทองคำนั้นพยายามจะให้เจ้าฝันอีกครั้ง เจ้าก็ขอรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้จากเขาได้ บอกว่า ข้ากำลังยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สะดวกที่จะเข้าสู่ความฝัน”
“อืม…เจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและตอบรับอย่างเชื่อฟังก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้โยกด้านนอกประตู
เฮ้อ ข้าถูกศิษย์พี่ใช้เป็นเสมือนอาวุธเวทอีกครั้งแล้ว
นางถอนหายใจเบาๆ ทว่าเผยรอยยิ้มเบิกบานออกมา
ความจริงแล้ว นางดีใจอย่างยิ่งที่ได้ช่วยเหลือเขา