ตอนที่ 148 ไม่ตายดี

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 148 ไม่ตายดี

ฮ่องเต้หย่งไท่ออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก

งานอภิเษกของจ้งซูอวิ้นกับเซียวเฉิงอี้ถูกกำหนดแล้ว

เถาฮองเฮากลับมีความรู้สุกเหมือนยกหินทับเท้าของตนเอง

สิ้นเปลืองแรงไปมากเพียงนี้ นำความจริงใจออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่เพียงไม่อาจทำให้องค์หญิงเฉิงหยางท้อถอย อีกทั้งยังกลับทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เดินหน้าถอยหลังไม่ได้

พระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกออกมาแล้ว เถาฮองเฮาแอบโกรธเคืองกับตัวเอง

หลายวันนี้นางไม่พบหน้าองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้

หากไม่ใช่เขาให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องตระกูลจ้งมั่วซั่วก็ไม่ต้องเป็นเช่นนี้

เมื่อพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกออกมา องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ก็โล่งใจ ในที่สุดเขาก็มีคำอธิบายให้จ้งซูอวิ้นได้เสียที

แต่ภายในใจก็เกิดความรู้สึกผิด เขารู้สึกผิดต่อการอบรมสั่งสอน และการทุ่มเทของเสด็จแม่ที่มีต่อเขาในหลายปีนี้

เสด็จแม่ทรงไม่ยอมพบหน้าเขา

เขาจึงยิ่งรู้สึกผิด

เมื่อไม่มีที่ระบาย เขาจึงหิ้วสุราเดินทางไปหาพี่สอง เซียวเฉิงเหวินที่จวนองค์ชายสอง

เมื่อถึงจวนองค์ชายสอง เขาถึงรู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอก็อยู่

อากาศดี เยียนอวิ๋นเกอถือผลไม้สดใหม่มาเยือนพี่สอง เยียนอวิ๋นฉี

สองพี่น้องกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้

เมื่อเห็นในทะเลสาบมีปลา นางก็เกิดความคิดที่จะตกปลา

“พี่สองอยากกินปลาหรือไม่ พวกเราตกปลา กลางวันข้าเข้าครัวทำอาหารให้พี่สองด้วยตัวเองดีหรือไม่เจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ปลาในจวนท่านหญิงถูกเจ้าทำลายจนหมดสิ้นแล้ว เจ้าจึงคิดจะมาทำลายปลาในจวนองค์ชาย ปลาเหล่านี้พบกับเจ้าถือว่าโชคร้าย”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “ปลาอร่อย ย่อมต้องดูแลพวกมันให้มาก ปลาในฤดูใบไม้ผลิไม่อ้วนพอ อันที่จริงข้าไม่ได้ชอบมากนัก”

ถึงแม้ปากจะบอกไม่ชอบ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์อย่างมาก

นางนั่งลงในศาลาใจกลางทะเลทราบ ตั้งไม้ตกปลาสามอัน เริ่มลงมือตกปลา

สาวรับใช้ถวายน้ำชาและของว่าง

พลางตกปลา พลางดื่มน้ำชากินขนมพูดคุย ชีวิตดีงามอย่างยิ่ง

บ่าวรับใช้รายงานว่าองค์ชายสามมาเยือน องค์ชายสองเชิญคนไปรับรองในห้องโถงด้านใน

เยียนอวิ๋นฉีพูด “ข้ารู้แล้ว บอกให้ห้องครัวจัดสำรับอาหารหนึ่งโต๊ะ กลางวันเชิญองค์ชายสามอยู่เสวยในจวน”

บ่าวรับใช้น้อมรับคำสั่งจากไป

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา

เยียนอวิ๋นฉีถาม “น้องสี่หัวเราะอันใดหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ไม่มีเถาชี แต่มีซูอวิ้น องค์ชายสามหนีโชคชะตาที่ต้องสมรสกับน้องสาวไม่พ้น”

เยียนอวิ๋นฉีหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น กัดเบาๆ พลันถามขึ้น “สมรสกับน้องสาวไม่ดีหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอไม่อาจพูดได้ว่าการสมรสกับญาติจะเป็นอย่างไร นางพูดเพียง “ได้ยินว่าฮองเฮาไม่ทรงพอพระทัยกับการอภิเษกครั้งนี้นัก เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีจิบน้ำชา พลันพยักหน้า “ย่อมเป็นเรื่องจริง เจ้าไม่เห็นหรือ หลังจากพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกลงมา ฮองเฮาก็ทรงใช้ข้ออ้างไม่สบาย ปฏิเสธการเข้าเฝ้าขององค์ชายสาม วันนี้เขามาเยือนคงเพราะเรื่องนี้ หากให้ข้าพูด เขาก็สมควร!”

“อย่างไรหรือ”

อย่างไรก็ตามเยียนอวิ๋นเกอก็ไม่ใช่คนในราชวงศ์ ข่าวไม่ได้ว่องไวเหมือนเยียนอวิ๋นฉี

เยียนอวิ๋นฉีโบกมือเป็นเชิงบอกให้บ่าวรับใช้ถอยไป จากนั้นจึงเล่าให้เยียนอวิ๋นเกอฟังขึ้นมา

“งานอภิเษกนี้ ฮองเฮาทรงไม่ยินยอมตั้งแต่แรก เพียงแต่ไม่อาจหักหน้าองค์หญิงเฉิงหยาง จึงทรงถ่วงเวลาเอาไว้ หวังว่าองค์หญิงเฉิงหยางจะรับรู้ถึงความลำบากจนท้อถอยไปเอง แต่ไม่คิดว่าองค์ชายสาม จะให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องตระกูลจ้งเป็นการส่วนตัวว่าเขาจะอภิเษกกับจ้งซูอวิ้น”

“องค์หญิงเฉิงหยางพุ่งตรงไปยังตำหนักเว่ยยางบีบบังคับให้ฮองเฮารับปากงานอภิเษก ถึงแม้ข้าจะไม่เห็นฉากนั้นกับตา แต่ได้ยินว่าเหตุการณ์ในเวลานั้นตึงเครียดอย่างมาก เจรจากันถึงท้ายที่สุด ฮองเฮาก็หมดหนทาง ถูกบังคับให้พยักหน้ายอมรับงานอภิเษกนี้ หลังจากนั้นก็ขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก”

เยียนอวิ๋นเกอลูบคางด้วยความสงสัย “องค์หญิงเฉิงหยางสามารถบีบบังคับจนฮองเฮาหมดหนทาง ช่างน่าประหลาดเสียจริง!”

เยียนอวิ๋นฉีส่งเสียงในลำคอ “ก็เป็นเพราะองค์ชายสามยื่นจุดอ่อนให้อีกฝ่าย หากเขาควบคุมปากของตนเองไว้ ไม่ให้คำมั่นสัญญา งานอภิเษกนี้ย่อมไม่มีทางสำเร็จ”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “มิน่าฮองเฮาถึงไม่ยอมพบเขา ไม่เคยเห็นบุตรชายที่ก่อความวุ่นวายให้มารดาเช่นนี้มาก่อน พี่สอง ท่านก็ดูไม่เห็นด้วยกับการอภิเษกนี้”

เยียนอวิ๋นฉีถอนหายใจ “อันที่จริงไม่ว่าองค์ชายสามจะอภิเษกกับผู้ใดล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้า แต่เมื่อนึกถึงว่าข้าต้องเป็นสะใภ้ร่วมกับจ้งซูอวิ้น ต่อจากนี้ต้องพบหน้าเป็นประจำ ภายในใจของข้าก็อึดอัดเล็กน้อย ต่อหน้าน้องสี่ ข้าจะพูดตามตรง ข้าไม่ชอบนาง นางเองก็ย่อมไม่ชอบข้า

ข้าเป็นสะใภ้กับนาง นางมีองค์หญิงเฉิงหยางเป็นที่พึ่ง เพียงแค่คิดก็รู้แล้วว่านางจะข่มข้าทุกทาง ข้าไม่แย่งชิงกับนาง สถานการณ์ร่างกายขององค์ชายสองก็ไม่อนุญาตให้ข้าไปแย่งชิง แต่นางจะปล่อยข้าไปหรือ ในฐานะสะใภ้ย่อมไม่อาจขาดการเปรียบเทียบ ใส่ร้าย หรือใช้วาจาแขวะข้า โดยเฉพาะเรื่องบุตร ข้าไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย…”

พูดถึงตรงนี้ เยียนอวิ๋นฉีก็พูดต่อไปไม่ได้แล้ว

สมรสมาสองปีเต็ม ไม่มีบุตรเสมอมา หากจะบอกว่าไม่รีบร้อนย่อมเป็นเรื่องหลอกลวง

เพียงแต่เรื่องของบุตร ไม่ใช่แค่ความพยายามของนางคนเดียวก็จะมีได้

เยียนอวิ๋นเกอกุมมือของนางเอาไว้ “พี่สองไม่ต้องกลัดกลุ้ม สำหรับจ้งซูอวิ้น อยู่ให้ห่างก็เพียงพอ หากนางยั่วยุท่าน ท่านก็ไม่ต้องกลัวนาง นางมีที่พึ่ง ท่านก็มีที่พึ่ง อย่างมากข้าจะนำคนไปพังจวนองค์ชายสามด้วยก็เท่านั้น”

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะขึ้นมือ ยื่นมือจิ้มลงบนหน้าผากของเยียนอวิ๋นเกอ “อย่าล้อเล่น พวกเราไม่พังจวนองค์ชายสาม ไม่จำเป็น”

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าฟังพี่สอง อันที่จริงพี่สองกังวลมากเกินไป ท่านพูดเองว่าฮองเฮาทรงไม่พอพระทัยกับการอภิเษกนี้ รอพวกเขาทั้งสองอภิเษกแล้ว ฮองเฮาจะมีสีหน้าที่ดีให้จ้งซูอวิ้นหรือ ไม่แน่ฮองเฮายังทรงต้องการให้พี่สองออกหน้าข่มนาง”

เยียนอวิ๋นฉีกลับส่ายหน้า “ข้าไม่เข้าร่วมการปะทะระหว่างฮองเฮากับจ้งซูอวิ้น นอกจากเสียงองค์ชายสองลงสนามแย่งชิงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ข้าจึงจะมีส่วนร่วม”

“พี่สองฉลาดยิ่งนัก!” เยียนอวิ๋นเกอประจบ

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “สิ่งที่ข้าคิดได้ เจ้าย่อมคิดได้ก่อนอยู่แล้ว พวกเราสามพี่น้อง พี่ใหญ่สุขุมที่สุด เจ้าฉลาดที่สุด ส่วนข้าอดทนได้มากที่สุด!”

พูดจบ นางก็ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง

ชีวิตในเวลานี้ ไม่อดทนจะทำอย่างไรได้

ผู้ใดให้นางสมรสกับชายรูปงามที่อ่อนแอ แต่ก็เป็นผู้ที่มีจุดยืนของตนเองอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอถามอย่างระมัดระวัง “องค์ชายสองไม่ยอมให้บุตรกับท่านหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้า “เขารับปากจะให้บุตรกับข้า แต่ร่างกายของเขา…”

ความหมายคือองค์ชายสองมีใจ แต่ไร้เรี่ยวแรง

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “เขาไม่มีแม้แต่บุตร จะใช้สิ่งใดไปแข่งขัน หรือเขากำลังหลอกพี่สอง”

เยียนอวิ๋นฉีผงะ “เป็นไปไม่ได้! เรื่องใหญ่อย่างเชื้อสาย เขาจะล้อเล่นได้อย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอพยายามเสนอความคิดแทนนาง “พี่สองลองถามเขาโดยตรงว่าปีนี้มีบุตรสักคนดี สงครามทางใต้สิ้นสุดลงแล้ว แผ่นดินสงบสุข เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการมีบุตร”

เยียนอวิ๋นฉีตกอยู่ในห้วงความคิด

นางอยากได้บุตร แต่ต้ององค์ชายสองให้ความร่วมมือ

จะลองใช้วิธรการของน้องสองดีหรือไม่

ทุ่นตกปลาขยับแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอยกไม้ตกปลาขึ้น พลันหัวเราะร่า “ปลากินเหยื่อแล้ว”

ปลาตะเพียนขนาดสองจินหนึ่งตัว สามารถทำน้ำแกงปลาตะเพียน อีกทั้งยังสามารถทำอาหารทั่วไปกินได้อีก

เกี่ยวเหยื่อล่อเพื่อตกปลาต่อ

เยียนอวิ๋นฉีมองปลาในถังไม้ พลันพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสี่ตกปลาได้เก่งนัก พวกเราพูดคุยเสียงดังเช่นนี้ ยังมีปลามากินเหยื่อ”

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ปลาในทะเลสาบถูกคนเลี้ยงจนโง่ มีเหยื่อล่อย่อมกินเหยื่อ ไม่เหมือนปลาที่อยู่ตามธรรมชาติ พวกมันฉลาดอย่างมาก ไม่มีทางกินเหยื่ออย่างง่ายดาย”

“มีเหตุผลอย่างยิ่ง! ยิ่งลำบากยิ่งมีการพัฒนา”

เยียนอวิ๋นฉีเอ่ยความรู้สึก

เยียนอวิ๋นเกอหันกลับไปมองนาง “พี่สองคิดดีแล้วหรือ วิธีของข้าอาจไม่สำเร็จ หัวใจของบุรุษลึกยิ่งกว่ามหาสมุทร บางทีอาจล้มเหลวก็เป็นได้”

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “น้องสี่ก็กลัวเป็นด้วยหรือ ช่างพบเห็นได้น้อย เจ้าวางใจเถิด มันเป็นการตัดสินใจของข้า ไม่ว่าผลจะดีหรือร้าย ข้าล้วนยอมรับได้ ภายในใจของเจ้าไม่ต้องมีภาระ”

เยียนอวิ๋นเกอส่งเสียงตอบรับ “พี่สองมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ สามารถบอกข้าได้ทันที”

องค์ชายสามพลางดื่มสุราพลางบ่นกับองค์ชายสอง

“ข้าทำผิดจริงหรือ”

องค์ชายสองดื่มชาสมุนไพร อีกทั้งยังสวมชุดผ้านุ่นบาง สมกับคนรักษาสุขภาพ

เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เหตุใดน้องสามจึงต้องถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว”

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้หัวเราะขมขื่น “ข้าผิดจริงที่ให้คำมั่นสัญญาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จแม่ แต่เรื่องมาถึงเวลานี้แล้ว เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกแล้ว เสด็จแม่ยังคงไม่ทรงยกโทษให้ข้า ทุกวันที่ข้าเข้าวังหลวงไปถวายบังคม เสด็จแม่มักทรงใช้ข้ออ้างเรื่องพระวรกาย ไม่ยอมพบข้า เสด็จพี่สอง พระองค์ว่าข้าควรทำอย่างไร”

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก เจ้าก็รองานอภิเษกอย่างสบายใจ ส่วนทางเสด็จแม่เวลานี้ยังทรงโกรธ เมื่อวันเวลาผ่านไป รอเสด็จแม่ทรงหายโกรธ ย่อมจะพบเจ้าเอง”

เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้ว มีเพียงวิธีนี้หรือ

พูดเหมือนไม่พูด

เซียวเฉิงเหวินเอนพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าสบาย “หากเจ้ามีวิธีอื่น ข้าก็ไม่รั้งเจ้า แต่ผลที่ตามมา ไม่ว่าเป็นอย่างไร เจ้าต้องรับผดชอบเอง เพียงแค่เจ้าต้องรับผิดชอบไหว”

เซียวเฉิงอี้อ้าปาก สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้น “ข้าไม่มีวิธีอื่น ข้าแค่กำลังคิดว่าจะออกจากกองทัพเหนือ กลับเข้ามาในราชสำนักใหม่ดีหรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินลืมตาเหลือบมองเขา “ถึงแม้จะกลับราชสำนัก ก็ควรขอพระราชโองการกลับมาหลังจากอภิเษก เหตุผลอยู่ต่อหน้า หลังจากอภิเษกแล้วต้องเร่งรีบมีบุตร เสด็จพ่อย่อมทรงเห็นด้วย เวลานี้เจ้าขอพระราชโองการกลับมารับหน้าที่ในราชสำนัก ระวังเสด็จพ่อทรงลงโทษเจ้า”

เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “เสด็จพี่สองตรัสได้ถูกต้อง”

เซียวเฉิงเหวินถามขึ้น “ระยะนี้เจ้าได้พบเสด็จพี่ใหญ่หรือไม่”

“ทางเสด็จพี่ใหญ่ ข้าไปมาแล้วรอบหนึ่ง อีกทั้งยังพบกับหลานตัวน้อย หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่ง”

สีหน้าของเซียวเฉิงอี้สงบอย่างมาก เขาไม่มีอคติกับที่เสด็จพี่ใหญ่มีบุตรก่อนแม้แต่น้อย

เซียวเฉิงเหวินกระแอมไอเสียงเบา “เจ้ารีบมีบุตรเสียเถิด! เสด็จแม่ทรงร้อนพระทัยที่จะอุ้มหลาน เมื่อเจ้ามีบุตร ปัญหาใดย่อมไม่เป็นปัญหา”

เซียวเฉิงอี้ฉงนเล็กน้อย “เสด็จพี่สองหลอกข้าหรือไม่ มีบุตรแล้วจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้ จะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างนั้นหรือ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย “เพียงแค่เจ้าไม่ทะเยอทะยาน เมื่อมีบุตรแล้ว เจ้าย่อมจะจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เพียงแต่เจ้าต้องถามตัวเองก่อนว่าเจ้ามีความทะเยอทะยานมากเพียงใด”

เซียวเฉิงอี้เงียบ

เซียวเฉิงเหวินพูดต่อ “สงครามกับเหล่าท่านอ๋องถูกสยบ บารมีของเสด็จพ่อสูงส่งแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เสด็จพ่อในเวลานี้ทรงผูกขาดราชสำนัก เจ้ารู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไรหรือไม่ หมายความว่าองค์ชายทุกคน รวมทั้งเจ้ากับข้า นับจากนี้ต้องระมัดระวัง หากบังอาจท้าทายบารมีของเสด็จพ่อ ย่อมต้องไม่ตายดี”