ตอนที่ 30: ความเข้าใจที่เฉียบแหลม

เซินเหยาในตอนนี้แทบอยากจะร้องไห้ออกมา เธอเปรียบเสมือนกับเจ้าหญิงแห่งวงการแฟชั่นสุดทันสมัยซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าชายมากหน้าหลายตามาโดยตลอด อีกทั้ง เธอยังเคยพบปะกับผู้ชายมาแทบจะทั่วทุกมุมโลกแล้ว

ในฐานะแอร์โฮสเตสผู้มีรอยยิ้มที่สวยสง่า เซินเหยามักจะเป็นคนที่ได้ครองใจเพศตรงข้ามมาโดยตลอด จนกระทั่งเธอได้พบกับเสี่ยวเฉิง… ชายที่กล้าแสดงท่าทีเฉยเมยต่อเธอ ชายที่เข้ามาทำลายทุกความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อตัวเอง

ในตอนแรก เธอพลันคิดว่าเสี่ยวเฉิงนั้นชอบเล่นตัวและเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่น แต่ทว่า เขากลับเป็นผู้ชายที่ไม่สนใจอะไรเลย ไม่สนใจแม้แต่ความจริงที่ว่าเซินเหยานั้นเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดีและเพรียบพร้อมขนาดไหน อีกทั้งในตอนนี้ เขากลับใช้กำลังกับเธออีก! เสี่ยวเฉิงเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาเป็นเหมือนอันธพาลที่ชอบใช้ฝ่ามือแทนคำพูดกับหญิงสาวหรือยังไงกัน? อันที่จริง เซินเหยาพลันรู้สึกว่าความเข้าใจทั้งหมดของเธอที่มีต่อผู้ชายทั่วทั้งโลกนั้นต้องมาพังเพราะผู้ชายอย่างเสี่ยวเฉิงเพียงคนเดียว

ท้ายที่สุดแล้ว กลับกลายเป็นว่าเสี่ยวเฉิงนั้นเป็นผู้ชายที่ไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลหรือยังไงกัน?!

แม้เสี่ยวเฉิงจะยื่นข้อเสนอว่าตนจะยืนอยู่ที่เดิมและปล่อยให้เซินเหยาทุบตีจนกว่าเธอจะพอใจ แต่เซินเหยาเองก็รู้สึกว่าเธอก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะรับข้อเสนอไร้สาระแบบนั้น… ด้วยเหตุนี้ จากการรวบรวมเรี่ยวแรงและความเกลียดชังทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เสี่ยวเฉิงได้ทำกับเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เซินเหยาจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปตบหน้าเขาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ระหว่างที่คิดเช่นนั้น เธอก็พลันหันหลังให้เสี่ยวเฉิงและกัดฟันแน่น เธอเริ่มกางมือขวาออกพร้อมกับรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี ทันใดนั้น เธอจึงรีบลุกขึ้นและพร้อมที่จะเหวี่ยงฝ่ามือไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างสุดแรงเกิดเพื่อที่จะเอาคืน

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าเขาได้ทำร้ายหญิงสาวที่น่ารักไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย เขาพลันถอนหายใจทันทีที่เห็นว่าเซินเหยาสะอึกสะอื้นไม่หยุด แถมเสี่ยวเฉิงยังคิดอีกด้วยว่าถ้าเซินเหยาจะพุ่งเข้าทำอะไร เขาก็จะปล่อยให้เธอทำจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น

แต่ทว่า ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเสี่ยวเฉิงก็เริ่มสั่นและดังขึ้น!

“ลิ้มรสหัตถ์เทวะของฉันหน่อยเถอะ!” เซินเหยาพลันตะโกนออกมาพร้อมพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเฉิง เธอหมุนตัวและฟาดฝ่ามือไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างเต็มแรง

แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่คาดคิดเอาไว้ว่าเธอจะพุ่งเข้ามาตบเขาจริงๆ เพราะว่าเมื่อครู่เธอยังสะอึกสะอื้นอยู่เลย ด้วยความคิดเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงจึงหันกลับไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างกาย

“ว่าไงครับผู้กอง?”

“เสี่ยวเฉิง ฉันได้ยินมาว่านายไปมีเรื่องกับพวกแก๊งเต่าดำงั้นเหรอ?” ผู้กองพลันถามขึ้น

“พอดีว่ามีเรื่องที่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเองครับ” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ เนื่องจากมันเป็นเรื่องงาน เสี่ยวเฉิงจึงคิดขึ้นมาได้ว่าควรจะเดินไปคุยที่อื่น แต่ทว่า ทันทีที่กำลังเดินออกไป เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าเซินเหยากำลังพุ่งตัวเข้ามาตบเขาอย่างเต็มแรง และแน่นอน ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าประหลาด ทันทีที่หมุนตัวฟาดเสี่ยวเฉิงไปเต็มแรง เซินเหยาก็พลันล้มลงไปกองกับพื้น

หรานจิงพลันหลับตาปี๋ เธอพลันรู้สึกได้ว่าเซินเหยาแทบจะคุมสติไม่อยู่แล้ว

“เธอเป็นอะไรมากไหม?” หรานจิงรีบวิ่งเข้าไปพยุงเซินเหยาให้ลุกขึ้น

เซินเหยาพลันกระพริบตาที่กำลังจะกลายเป็นสีแดงก่ำ เธอกลันกัดฟันและกล่าวคำพูด “ฉันร้องไม่ได้! ฉันจะไม่ร้อง! ฉันคือเซินเหยาผู้เข้มแข็ง! “

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงวางสาย เขาก็พลันลืมเรื่องที่เพิ่งจะขอโทษเซินเหยาเมื่อครู่ไป ไม่นานนัก เขาก็รีบกล่าวคำพูดขึ้นมาทันที “ฉันต้องไปทำงานแล้ว”

หลังจากนั้น เขาก็รีบเดินออกจากห้องไป แค่นั้นเลย…

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงเปิดประตูและเดินออกไป น้ำตาที่กำลังไหลรินอยู่ข้างแก้มของเซินเหยาก็พลันพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำท่วม

“ฉันไม่เคยเจอใครที่นิสัยแย่เท่าหมอนั่นมาก่อนเลย! เสี่ยวเฉิง! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

หรานจิงพลันวางมือลงที่ไหล่ของเซินเหยาเพื่อปลอบใจ “ปล่อยหมอนั่นไปเถอะ ตั้งแต่ตอนแรกที่พบกัน ฉันประเมินพละกำลังที่แท้จริงของหมอนั่นไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว… ลุกขึ้นสิ ฉันมีอะไรจะให้เธอดูหน่อย”

เซินเหยายังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุดในระหว่างที่เธอถูกพยุงไปยังโต๊ะทำงานของหรานจิง ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นรอยฝ่ามือของเสี่ยวเฉิงที่ยุบติดอยู่กับแผ่นไม้

“นี่มันอะไรกัน?” เซินเหยาถามขึ้นพร้อมปาดน้ำตา

“ตอนที่เธอยังนอนอยู่บนโซฟา หมอนั่นเดินมาตรงนี้แล้วก็วางมือเอาไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็เดินไปปลอบเธอ… เห็นแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะว่าหมอนั่นมีพละกำลังมากขนาดไหน ยังไงก็เถอะ ยิ่งฉันรู้จักหมอนั่นมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ”