บทที่ 107 โปรดชี้นำผมที

เจ้าของร้านพิศวง

“ติดยาเหรอ? บุหรี่พวกนี้… มีปัญหาเหรอ?”

วินเซนต์ได้สติอย่างรวดเร็ว เขามองสีหน้าเคร่งขรึมของหลินเจี๋ยแล้วส่ายหน้าอย่างรุนแรง “เป็นไปไม่ได้!”

หลินเจี๋ยไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของบาทหลวงเลย ในเมื่อเขารับบุหรี่นี้มาอย่างไม่รู้เรื่องราวแล้วไม่ตระหนักถึงอาการที่ทรุดลงของตัวเองได้นั้นหมายความว่าที่มาของบุหรี่เหล่านี้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้…

และเหตุผลนี้แหละที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเย็นเยือกหนักไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านที่เขาซื้อมันมาหรือใครก็ตามที่ให้มันมา

การเอาเปรียบแบบนี้ใจดำสุด ๆ

“นรกคือผู้อื่น (อ้างอิงจากวรรณกรรมของ ฌ็อง-ปอล ซาทร์) คุณไม่มีทางรู้สิ่งที่คนอื่นคิด และไม่ว่าใครก็เชื่อใจอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ครับ”

แขนของหลินเจี๋ยยังคงกอดอกในขณะที่เขาพูดช้า ๆ “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ คุณพ่อครับ ตอบคำถามสักสองสามคำถามก่อนดีไหมครับ?”

แล้วเรามีทางเลือกด้วยหรือไง?! วินเซนต์คิดกับตนเอง แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะพูดออกเสียงออกมาได้

จริงตามนั้น หลินเจี๋ยไม่ได้รอคำตอบว่าได้หรือไม่ แล้วเริ่มคำถามของเขาเลย “บุหรี่พวกนี้มาจากไหนครับ?”

วินเซนต์เหลือบมองบุหรี่ในมือ ลังเลครู่หนึ่งแล้วเทมันทั้งหมดออกมาจากในกล่องปกแข็ง

ลายพิมพ์จาง ๆ รูปมงกุฏต้นซิลเวอร์สามารถเห็นได้ลาง ๆ จากใจกลางมวนบุหรี่ที่เกินมาเหล่านั้น

แม้ว่าการค้าขายสิ่งเหนือธรรมชาติควรจะเป็นความลับก็ตาม แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องลับอะไรเมื่อเขากำลังพูดคุยกับบุคคลเหนือธรรมชาติที่อยู่ในระดับภัยพิบัติเป็นอย่างต่ำ

“หอการค้าแอช”

วินเซนต์ปิดกล่องบุหรี่อีกครั้งแล้วสูดหายใจลึก ๆ

“พ่อได้รับมันจากหอการค้าแอช มันมีชื่อว่า ‘แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์’ และเพิ่งจะวางขายไม่นานนี้…ที่จริงมันก็ยังอยู่ในช่วงทดลองและถูกส่งให้แค่นักบวชที่ถูกเลือกในโบสถ์เท่านั้น”

“อัครสาวกลำดับ 7 อนุมัติในผลของมันแล้ว เชื่อว่ามันช่วยในการทำสมาธิและสร้างความเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งกับดวงจันทร์ได้”

เพราะเหตุนี้เอง ในตอนที่ประสิทธิภาพการทำสมาธิของเขาร่วงลง วินเซนต์จึงคิดว่าเป็นปัญหาจากตัวเขาเองและไม่เคยสงสัยเลยว่าบุหรี่เหล่านี้จะเป็นปัญหา

สำหรับเหล่านักบวชแล้ว ‘ความเชื่อฟัง’ ก็เป็นบทเรียนภาคบังคับหนึ่งด้วย

อัครสาวกนั้นมีอำนาจเหนือนักบวชและเป็นลำดับที่ 3 ในลำดับชั้นของนักบวช สื่อถึงส่วนหนึ่งของเจตจำนงแห่งดวงจันทร์และมีสิทธิ์อันแน่นอน

แต่ในตอนนี้ หลังจากที่เจ้าของร้านหนังสือพูดถึงมันขึ้นมา เค้าลางแห่งความเคลือบแคลงก็เริ่มคืบคลานในใจวินเซนต์

หรือมันอาจจะมีปัญหาจริง ๆ

วินเซนต์ส่ายหน้าอีกครั้ง “แต่มันเป็นไปไม่ได้นี่!”

“ความน่าเชื่อถือของหอการค้าแอชไม่เคยถูกตั้งคำถาม ยิ่งกว่านั้น ตัวอัครสาวกเองและเหล่าบาทหลวงที่พ่อรู้จักต่างก็พูดว่าแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทำงานดีมาก…”

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่มีอาการในทางตรงข้าม

หอการค้าแอช?

หลินเจี๋ยแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินชื่อที่คุ้นหูนี้ออกมาจากปากของบาทหลวง

ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจนัก…หอการค้าแอชมีทรัพยากรมากมาย การที่พวกเขาสามารถสร้างตัวตนปลอมในเมืองหลวงนอร์ซินได้อย่างง่ายดายก็คือตัวอย่างหนึ่ง

พวกเขาอาจจะไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ แต่พวกเขาเป็นเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งอย่างแน่นอน

หากจะให้เปรียบเปรยกับโลกสมัยใหม่แล้ว บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ก็จะเป็นบริษัทใหญ่ที่ผลิตสินค้าหลากหลาย ในขณะที่หอการค้าแอชคือเว็บเถาเป่า

ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะหาสิ่งของที่แจกจ่ายเฉพาะในหมู่นักบวชได้ในแพลตฟอร์มการค้าแบบนั้น

หลินเจี๋ยพอเข้าใจได้ว่าทำไมบาทหลวงตรงข้ามเขาจึงเชื่อในคุณภาพของบุหรี่เหล่านี้อย่างไม่กังขา หากมันมาจากหอการค้าแอชแล้วล่ะก็

ต่อให้เขาจะไม่ได้พบกับเชอร์รี่มาก่อน หลินเจี๋ยก็ยังรู้อยู่ดีว่าหอการค้าแอชเป็นแพลตฟอร์มการค้าที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้สุด ๆ แห่งหนึ่ง

เหนือกว่านั้น บาทหลวงยังพูดอีกด้วยว่าสิ่งนี้ได้รับการอนุมัติจากอัครสาวกผู้หนึ่ง และยังมีคนอื่นที่ใช้มันด้วย

แต่อาการที่บาทหลวงผู้นี้แสดงออกมานั้นก็จริงมากเช่นกัน

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนยิ่งกว่าที่หลินเจี๋ยจินตนาการไว้เสียแล้ว

“อย่างที่ผมพูดก่อนหน้านี้แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ผมจะถามเกี่ยวกับหอการค้าแอชทีหลัง แต่ตอนนี้ คุณสำคัญที่สุดครับ คุณพ่อครับ คุณจะเต็มใจเชื่อใครครับ?”

เชื่อในโบสถ์ หรือ…เชื่อเขา? วินเซนต์เงียบไปทันทีที่เขาตระหนักถึงความหมายที่แฝงในคำถามนั้น

ร้านหนังสือเงียบกริบลงอีกครั้ง วินเซนต์อยากจะสวดภาวนาต่อดวงจันทร์เพื่อสงบใจ แต่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาจากตรานักบวชในมือเขา

เขาหยิบบุหรี่อีกมวนออกมาอย่างไม่รู้ตัวแล้วจะจุดมัน แต่เขาหยุดตัวเองได้กลางคัน

วินเซนต์ฝืนยิ้มขมขื่นพลางจ้องบุหรี่ในมือเขา เขาต้องยอมรับว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อจ้องมองที่บุหรี่นั่น วินเซนต์รู้สึกถึงสัมผัสที่ไม่น่าอภิรมย์อย่างรุนแรงลามไปทั่วตัวเขาอีกครั้ง ด้วยความที่ไม่มีความคิดอะไรเบี่ยงเบนสติของเขา สัมผัสของเขารู้สึกอย่างชัดเจนถึงความรู้สึกที่เหมือนมีมดเป็นฝูงไต่ทั่วร่างของเขา แล้วกระทั่งรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในคันขึ้นมาหน่อย ๆ ด้วย

มันเป็นความรู้สึกกลัวมหาศาลอย่างชัดเจน!

ทว่าเขาไม่มีทางสงสัยโบสถ์ได้เลย ทุกการเรียนการสอนที่เขาเคยได้รับมาห้ามไม่ให้เขาตั้งข้อสงสัยในโบสถ์

“ผมไม่รู้…ผมไม่รู้จริง ๆ โปรดชี้นำผมทีเถอะ!” วินเซนต์โน้มตัวมาข้างหน้า กำกล่องบุหรี่ไว้แน่น

หลินเจี๋ยถอนหายใจราวกับได้พบเฒ่าไวลด์เมื่อสองปีก่อน

ในตอนนั้น ไวลด์เองก็กำลังประสบช่วงเวลาอันเจ็บปวดอยู่ ในตอนนั้น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อความเชื่อมั่นของเขาพังทลายลง และเดินไปบนเส้นทางแห่งการทำลายตัวเอง

โชคดีที่เขาเดินเข้ามาในร้านหนังสือนี้แล้วพบกับพลเมืองดีผู้อบอุ่นอย่างหลินเจี๋ย แล้วในตอนนี้ชีวิตของเขาก็กลับเข้าที่เข้าทาง

แต่เทียบกับเฒ่าไวลด์แล้ว บาทหลวงตรงหน้าหลินเจี๋ยอาจจะกำลังเผชิญเรื่องที่ขมขื่นยิ่งกว่าก็ได้…

มันโหดร้ายพอตัวที่จะทำให้บาทหลวงเคลือบแคลงโบสถ์ของตัวเอง

แต่ทว่า…มันก็เลี่ยงไม่ได้หากจะเกิดความคิดอิสระขึ้นมา

หากโบสถ์แห่งจุดสูงสุดมีปัญหาภายในและกำลังทรมานบาทหลวงน้ำดีผู้ลำบากถ่อมาไกลแค่เพื่อจะช่วย ‘ปัดรังควาน’ ให้ศาสนิกชนของเขาอย่างต่อเนื่องจริง ถ้าอย่างนั้นนั่นก็โหดร้ายอย่างแท้จริง

“ใจเย็นเถอะครับ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนได้ การตรวจสอบก็ทำทีหลังก็ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือสภาพร่างกายของคุณนะครับ” หลินเจี๋ยปลอบใจ

“คุณคงไม่ได้สูบมากนักนะครับ” หลินเจี๋ยวิเคราะห์ต่อ

“จากที่คุณพูด เพื่อนร่วมงานของคุณไม่ได้มีผลแง่ลบอะไร ในทางกลับกัน พวกเขาสูบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ และดูปกติมากเมื่ออยู่ภายใต้ผลของ ‘แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์’”

“ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”

วินเซนต์เงยหน้ามอง สงบตนเองลงด้วยการสูดหายใจลึก ๆ แล้วในที่สุดก็พูดขึ้น “ผมเห็นดวงจันทร์ในจินตนาการของผม แต่เรื่องนี้เป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย”

การที่คนตาบอดจะมองเห็นนั้นเป็นไปไม่ได้จริง ๆ นี่คงเป็นความฝันไม่ก็ภาพหลอน

แต่หากมาถึงจุดนี้ได้ก็ดูจะรุนแรงไปหน่อยแล้ว

“การหักดิบหยุดสูบ ‘แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์’ อาจทำให้คุณมีผลแปลก ๆ พวกนี้แล้วทำให้คุณกระวนกระวายได้นะครับ”

“ลองทำอะไรอย่างอื่นที่จะดึงความสนใจของคุณไปสิครับ”

หลินเจี๋ยยืนขึ้นแล้วหยิบหนังสือสามวันเพื่อการมองเห็นฉบับอักษรเบรลล์ขึ้นมา

“ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณมาก บางทีคุณอาจจะได้ ‘เห็น’ บางอย่างที่แตกต่างในนั้นก็ได้ครับ”

วินเซนต์จ้องหนังสือในสายตาที่เปล่งแสงอย่างเจิดจ้าราวกับเพลิงสีขาวอันเผ็ดร้อนด้วยสายตาว่างเปล่า

บางอย่างที่แตกต่าง…จริง ๆ ด้วยแฮะ