ตอนที่ 109 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 21

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 109 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 21

“พวกเรา…” ทีมสีแดงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คนที่เหลืออยู่ไหน?”

“สมาชิกที่เหลือจากทีมพวกนายอยู่ในบ้านไม้หลังอื่น” สมาชิกในทีมสีเขียวบิดขี้เกียจ หาว และพูดต่อว่า “ลุกขึ้นและไปเดินรอบ ๆ ซะ จะได้รู้ว่าร่างกายของพวกนายมีปัญหาอะไรไหม ถ้าเกิดไม่เป็นอะไรร้ายแรง พวกนายก็เข้าไปดูแลเพื่อนร่วมทีมต่อซะ พวกเราจะไปเตรียมอาหาร”

สมาชิกในทีมสีแดงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มองดูเพื่อนร่วมทีมที่กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ และยังไม่ตื่นขึ้นมา ก่อนจะขยับไปนั่งด้านข้างและไม่พูดอะไรออกมาอีก

หากมีคำหนึ่งที่บรรยายความรู้สึกของพวกเขาในขณะนี้ มันคงเป็นคำว่าน่าอายจัง

หากพวกเขารู้ว่าตัวเองจะโดนเหวี่ยงไปมาแบบนี้ แถมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง พวกเขาคงเลือกที่จะอยู่ใกล้ก้นบึ้งในหลุมนั่นต่อไป บางทีอาจจะได้กินอาหารอร่อย ๆ และไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอากาศหนาวแบบนั้น

ฉินหยวนมองไปที่องค์หญิงสามและพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“มีอะไรให้ต้องขอบคุณ ฉันช่วยชีวิตนายเพราะต้องการต่อรองเงื่อนไข นายจะต้องมาเป็นทาสของฉันสักสองสามวัน” สวี่หลิงอวิ๋นดีดนิ้วขณะพูดต่อ “นายจะต้องทำทุกอย่างไม่ว่าฉันจะต้องการอะไร และในฐานะที่ฉันช่วยชีวิตนาย พวกเราได้ใช้พลังงานไปมากเลยทีเดียว”

“อะไรนะ? ทาส?” ฉินหยวนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “องค์หญิงสาม ผมรู้สึกเป็นพระกรุณาที่ท่านช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ แต่การที่พวกเราต้องกลายเป็นทาสของท่านมันมากเกินไปหรือเปล่าครับ?”

“มากเกินไป? นายรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่มากเกินไป?” สวี่หลิงอวิ๋นเยาะเย้ย “การที่นายต้องเอาชีวิตรอดให้ได้มันมากเกินไปไงล่ะ แต่นายกลับเอาชีวิตรอดไม่ได้ นายเลยปล่อยให้ฉันเข้าไปทำแทน ไม่อย่างนั้นพวกนายคงไม่ได้เสพสุขแบบนี้หรอก”

เธอกลอกตา “ถ้านายไม่อยากให้ฉันเกินเลยก็ไม่เป็นไรหรอกนะ งั้นก็ยอมแพ้และส่งสมบัติของนายมาซะ ทุกอย่างระหว่างเราจะได้จบลงสักที แล้วนายก็กลับไปเป็นลูกเทวดาจอมหลอกลวงบนห้วงดวงดาวซะ ว่ายังไงล่ะ?”

ควรเลือกอย่างไร? คงมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่รู้ดี

“ก็ได้ พวกเราจะยอมเป็นทาสของท่าน” ฉินหยวนกัดฟัน

“ถูกต้องแล้ว ยอมรับความจริงซะเถอะ” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือ “การรู้จักอ่อนข้อเป็นสิ่งที่ชายผู้ยิ่งใหญ่ควรมี”

ชาวเน็ตทั้งหลายเริ่มฉุนเฉียว!

ตอนนี้ผู้คนรู้สึกสะเทือนใจและปาดน้ำตาเพียงเพราะองค์หญิงสาม และเริ่มเปลี่ยนจุดยืนอีกครั้ง!

‘เด็กพวกนี้น่าสงสารเหลือเกิน โธ่เอ๊ย!’

‘น่าสงสารอะไรขนาดนี้นะ องค์หญิงสามบอกกับพวกเขาว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีชีวิตรอด แต่ถ้าต้องไปต่อสู้กับเอเลี่ยน คนนับหมื่นคนคงจะมีจำนวนลดลงแน่ ๆ อะไรจะเทียบได้กับชีวิตของพวกเขาอีก?’

‘ฉันรู้สึกสะเทือนใจกับองค์หญิงสามจนน้ำตาไหลเป็นสาย ฉันอยากจะบอกว่ายังไงองค์หญิงสามก็เป็นคนเดิมวันยังค่ำ เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด’

‘ทำได้ดีมาก องค์หญิงสาม’

‘พวกเราก็คงจะเป็นคนดีไม่ได้หรอก พวกเขาทั้งเอาหนังสัตว์ของพวกเราไป แถมยังสะบัดก้นหนีทันทีที่กินอาหารจนเกลี้ยง จะไปหาความดีความชอบแบบนี้ได้ที่ไหนอีก?’

ลมด้านนอกยังคงพัดกระหน่ำ ถึงแม้ว่าฉินหยวนจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่องค์หญิงสามร้องขอ แต่การเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่รุนแรงเช่นนี้ หากพวกเขาไม่หลบซ่อนตัวกับองค์หญิงสาม ก็คงจะตายลงในไม่ช้า

พวกเขาทำได้เพียงรอคอยอากาศให้ดีขึ้นเท่านั้น และปฏิบัติตนเป็นทาสให้แก่คนจากฝั่งสีเขียวเป็นเวลาสองสามวัน จากนั้น…ถ้าองค์หญิงสามปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ยังหวังว่าตัวเองจะคว้าชัยชนะมาได้

หลังจากการต่อสู้มาหลายวัน เขาไม่เคยคาดหวังว่าพวกตนจะคว้าชัยชนะมาได้เลยหรืออย่างไรกัน?!

จอมพลก็อดวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองดูทีมสีแดงที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในตอนต้น แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือความมั่นใจอะไรเลย คงต้องบอกว่าวิธีการขององค์หญิงสามนั้นทรงพลังมาก

เธอขจัดความเย่อหยิ่งและความมั่นใจของอีกฝ่ายไปทีละน้อย จากเสือโคร่งกลายเป็นเพียงแมวน้อยธรรมดาเท่านั้น ทรงอิทธิพลยิ่งนัก…

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกปล่อยตัวและได้รับโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าพวกเขายังคงหวาดกลัวและสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ…

เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง กองพะเนินหิมะก็พุ่งเข้ามาในบ้านไม้ทันทีที่พวกเขาเปิดประตู ปรากฏว่าบ้านไม้ทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ!

ทันทีที่สมาชิกในทีมพบปะกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยหิมะจำนวนมาก พวกเขาก็รู้สึกตกใจกับฉากตรงหน้า!

หิมะหนาทึบสูงถึงสามเมตร! แล้วเหล่านักเรียนจะเคยเห็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้ที่ไหน?

เพียงแค่นอนลงไปบนกองหิมะก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของมัน และบริเวณนั้นได้กลายเป็นรูปร่างของคน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ามันสนุกมากแค่ไหน!

สมาชิกจากทีมสีเขียวออกมาเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่สมาชิกจากทีมสีแดงออกมาพร้อมกับไม้กวาดขนาดใหญ่เพื่อทำความสะอาดกองหิมะ

สวี่หลิงอวิ๋นคืนเครื่องจักรกลให้กับฉินหยวน แต่ฉินหยวนกลับไม่ได้มีความสุขมากนัก เนื่องจากเธอมอบเครื่องจักรกลให้เขาเพียงเพราะต้องการให้เขาทำความสะอาดได้เร็วขึ้น…

ฉินหยวนขับเครื่องจักรกล มือเครื่องจักรกลขนาดใหญ่กวาดเอากองหิมะบริเวณรอบบ้านออกไปด้านข้างด้วยสองถึงสามกำมือเท่านั้น จากนั้นสมาชิกในทีมจึงกวาดหิมะออกไปด้วยกำลังมือของพวกเขา ก่อนจะโยนหิมะเข้าไปในด้านหนึ่งของป่า

สวี่หลิงอวิ๋นพาสมาชิกของเธอออกไปล่าอีกครั้ง

หิมะที่เพิ่งตกลงมาทำให้ตามล่าสัตว์ป่าพวกนี้ง่ายขึ้น สัตว์ป่าทั้งหลายหิวโหยและออกมาอาหาร และพวกมันคงลืมไปว่าพวกมันไม่สามารถปิดรอยเท้าบนพื้นหิมะได้ ดังนั้นสวี่หลิงอวิ๋นจึงจับพวกมันได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งมีจำนวนคนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องล่าสัตว์ป่าพวกนั้นมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อก่อนใช้เพียง 5-6 ตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับต้องใช้เป็นโหล

หลังจากได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นก็พบว่าแม้แต่ต้นไม้ยังถูกลมหนาวและพายุหิมะเมื่อคืนนี้ก็ถล่มจนสิ้นซาก ทว่าเธอทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนบนพื้นที่แห่งนี้ได้แล้ว

เธอเก็บสะสมผลไม้ป่าและรากของพืชบางส่วน หลังจากลิ้มลองรสชาติของมันแล้วจึงพบว่ารสชาติของพวกมันไม่ได้ดีมากนัก แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะประทังความหิวโหยได้แล้ว

ถ้าเอาไปปรุงในน้ำซุปก็คงจะดีไม่น้อย

น่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บผักป่าได้ เพราะผักป่าทั้งหลายถูกฝังอยู่ภายใต้กองหิมะที่หนาทึบ

อย่างไรเสีย ผักกาดดองของเธอก็พร้อมรับประทานแล้ว!

หลังจากขุดเจาะน้ำแข็งบนแม่น้ำสำเร็จ ปลาทั้งหลายก็แหวกว่ายออกมาทีละตัว และนี่ก็คือการเก็บเกี่ยวครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ทุกครั้งที่สวี่หลิงหวิ๋นเห็นจำนวนอาหารเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ของเธอก็จะดีขึ้นเป็นพิเศษ

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นนำทีมของเธอกลับไปที่ค่าย เธอก็พบว่าทั้งค่ายได้รับการปรับปรุงไปจากเดิม!

นักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมจำนวนหนึ่งเรียกคนจากทีมสีแดงมาช่วยกันตัดไม้และสร้างบ้านเพิ่ม

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีและทำหน้าตาบูดบึ้ง นักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมก็พูดออกมาอย่างเหยียดหยามว่า “พวกเราสร้างบ้านพวกนี้ก็เพื่อพวกนาย ถ้าไม่อยากนอนหนาวกับกองหิมะในตอนกลางคืน ก็นั่งเงียบ ๆ ไปซะ”

ก็ได้!

ใบหน้าของคนจากฝั่งสีแดงแดงก่ำ

สมาชิกทีมสีแดงบางคนรู้สึกไม่พอใจที่ต้องให้ความร่วมมือ ทว่าฉินหยวนกลับจ้องมองมาที่พวกเขา

บ้านไม้พวกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อพวกเขา พวกเขาจะไม่ต้องการหรือไง?! อีกฝ่ายพูดถูก พวกเขาไม่ได้ทำงานหนักเพื่อคนอื่น แต่พวกเขาทำมันเพื่อตัวของพวกเขาเอง!

แถมยังได้ใช้โอกาสนี้เรียนรู้วิธีการสร้างบ้านจากไม้ด้วย

เมื่อก่อนผู้คนเอาแต่คิดว่านักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมเป็นพวกนอนรอความตาย แต่วันนี้ความคิดของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

คนพวกนี้สร้างบ้านได้!

เมื่อเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ที่งุ่มง่ามของพวกเขาแล้ว ทักษะฝีมือของพวกเขากลับดีกว่าของอีกฝ่าย ทำออกมาได้ดีและรวดเร็ว!