บทที่ 112 ของขวัญวันเกิดที่แสนวิเศษ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

เขาเอ่ยปากพูดว่า “เสี่ยวถาง ผมมอบให้กับคุณ ผมจะใส่มันให้คุณ”

หลานเสี่ยวถางตาเป็นประกายแล้วพยักหน้า ให้สือมูเฉินอยู่ข้างหลังเธอ

เขาสวมให้เธอ เมื่อผ่านการสะท้อนของน้ำหลานเสี่ยวถางเห็นสีฟ้าของอัญมณีและสีฟ้าของท้องฟ้ามีความกลมกลืนกัน บริเวณโดยรอบล้อมรอบด้วยปราสาทยอดสีฟ้าและสีขาว เป็นภาพภาพสะท้อนของทั้งสองยืนอยู่บนน้ำ สวยมาก เหมือนเทพนิยาย

สือมูเฉินกอดหลานเสี่ยวถางจากด้านหลัง แล้วหันศีรษะไปจูบเธอ

เธอมองไปที่เงาสะท้อนและรู้สึกว่ากระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง เธอตัวสั่นและทิ้งตัวไปอยู่บนร่างของสือมูเฉิน

เขาจูบที่ติ่งหูของเธอ ค่อยๆ เคลื่อนไปที่มุมริมฝีปากของเธอ จากนั้นค่อยสัมผััสร่างของเธอเบาๆ ลูบไล้ไปที่ริมฝีปากของเธอ

หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นเร็วขึ้น และการหายใจของเธอก็ค่อยๆ ไม่เป็นจังหวะ

ในขณะนี้เขามองมาที่เธอแล้วพูดว่า “อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดของคุณ แต่เนื่องจากไม่สะดวกเพราะต้องนั่งเครื่องบิน ผมจะให้ของขวัญคุณล่วงหน้า……”

หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นแรง เขาจำวันเกิดของเธอได้! อันที่จริงเธอคาดไม่ถึงหรอก เพราะเขายุ่งมาก แม้แต่วันเกิดตัวเขาเองยังลืมเลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยฉลองวันเกิด

หัวใจของเธอสั่นและแก้มของเธอแดงเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปโอบเอวของสือมูเฉินแล้วถามเขาว่า “ของขวัญอะไรคะ?สร้อยคอไพลินเมื่อกี้นี้เหรอ?”

สือมูเฉินแสร้งทำเป็นลึกลับ “ไม่ใช่ อีกสักครู่คุณจะรู้เอง”

หลานเสี่ยวถางกะพริบตาแล้วตระหนักได้ว่า “คุณไปซื้อสร้อยคอเมื่อไหร่?”

“ที่งานประมูล” สือมูเฉินมองดูเธอ “เมื่อตอนที่คุณเดินไปผิดห้อง”

หลานเสี่ยวถางนึกถึงตอนนั้นก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะขอโทษ “มูเฉิน ฉันจะระวังให้มากๆ และจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้”

สือมูเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หลังจากนี้ผมจะให้เอกสารข้อมูลแก่คุณ เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้ได้”

“โอเค” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า จำคำถามในวันนั้นได้และอดไม่ได้ที่จะถาม “มูเฉิน ถ้าคุณมิวิลล์ไม่สละสิทธิ์จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา?”

สือมูเฉินมองไปที่ดวงตาของหลานเสี่ยวถาง เจตนาทำให้เธอกลัว “ถ้าอย่างนั้นก็โดนควักลูกตา”

หลานเสี่ยวถางตัวสั่น หยุดนิ่งสักครู่แล้วส่ายหัว “ฉันจริงจังนะ คุณถือแบบนั้นคุณยังไปเดิมพันได้อย่างไร? ถ้าเขาสุ่มหยิบจริงๆ งั้นคุณก็……”

“ในตอนนั้น ไม่มีทางเลือกอื่น” สือมูเฉินพูดว่า “ทุ่มเทของทั้งหมดที่มี ถึงจะมีความหวังในการชนะ” ขณะที่เขาพูดเขาได้บีบจมูกของหลานเสี่ยวถาง“ถ้าอย่างถ้าผมไม่เดิมพัน ต้องรอดูคุณเสียดวงตาไปงั้นเหรอ?”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกซาบซึ้งจนอยากร้องไห้

สือมูเฉินรู้สึกขำเธอ “คุณคิดดูสิ ถ้าคุณตาบอดจริง ๆ คุณต้องน่าเกลียดแน่นอน คุณไม่สามารถทำสิ่งที่ผมชอบกิน แล้วผมจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณได้อย่างไร? สำหรับสิ่งนี้ผมต้องใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของผมเดิมพัน”

หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกขบขันเขา “สิ่งที่คุณทุ่มเทมันมีมูลค่าสูงเกินไปหรือเปล่า?”

“เพราะผมรู้ว่ามิวิลล์ไม่กล้า” สือมูเฉินหรี่ตาและพูดอย่างจริงจัง “ท้ายที่สุดไม่ใช่ทุกคนที่มีความกล้าที่จะตอบโต้”

หลานเสี่ยวถางติดนิสัยจากเขา อดไม่ได้ที่จะเขย่าแขนของสือมูเฉิน”มูเฉิน คุณเก่งมาก!”

สือมูเฉินเลิกคิ้ว “แล้วคุณคิดว่าผมเก่งหรือJarvisเก่ง?”

“หือ?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกงุนงง

“คุณไม่ใช่บูชาเขานักหนาหรอกเหรอ?” สือมูเฉินเหลือบมองเธอ

หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในหัวใจของเธอเปรียบเทียบไปมา “พวกคุณทั้งสองเก่งเหมือนกัน!”

“ไม่มีอะไรในบ่าย ไปเดินเล่นกันนะ” สือมูเฉินพร้อมกับดึงหลานเสี่ยวถางไปตามถนนหินอ่อนของคฤหาสน์

หลานเสี่ยวถางสังเกตว่าไม่มีใครอยู่ในคฤหาสน์จริงๆ และเธอก็นึกถึงทรัพย์สินเดิมพันของเมื่องวาน แล้วตระหนักได้ว่าทุกอย่างคืออะไร

เธอหันหน้าไปมองสือมูเฉินแล้วพูดว่า”มูเฉิน มิวิลล์เสียคฤหาสน์ให้คุณใช่ไหม?!”

พูดตามตรง ไม่ใช่ว่าเธอตอบสนองช้า แต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเธอเมื่อวานนี้ไม่ใช่เงินจากการพนัน แต่สือมูเฉินพึ่งพาไพ่แย่ๆ และปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้นในจิตใต้สำนึกของเธอพวกเขาได้ปลอดภัยแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ เธอมักจะพบว่ามันไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง…….

“นอกจากคฤหาสน์แล้ว ยังมีสโมสรขี่ม้าโปโลและสโมสรฟุตบอลของเขาด้วย” สือมูเฉินพูดเบาๆ ว่า “แต่ไม่ได้อยู่ใกล้คฤหาสน์ ไว้ผมจะพาคุณไปดูในครั้งหน้า”

หลานเสี่ยวถางตกตะลึง: “มูเฉิน นั่นเป็นของคุณจริงๆ เหรอฉันเห็นว่าคุณเซ็นสัญญา มันถูกต้องหรือไม่?”

“แน่นอน ” สือมูเฉินเลิกคิ้ว “ดังนั้นผมต้องขอบคุณภรรยาของผมที่ไปผิดห้อง ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่สามารถชนะหลายสิ่งได้!”

หลานเสี่ยวถางอย่างจริงใจ “อย่างไรก็ตามถ้าฉันสามารถทำได้อีกครั้ง ฉันจะไม่เลือกผิดห้องอย่างแน่นอน”

“ไม่มีเอากล้าหาญเอาซะเลย” สือมูเฉินพูดพร้อมกับดึงเธอเข้าไปในปราสาทแห่งหนึ่ง “ดูสิ บ้านในอนาคตของเรา”

บางทีคฤหาสน์และปราสาทอาจเป็นความฝันในวัยเด็กของเด็กผู้หญิงทุกคน

ดังนั้นเมื่อหลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปในปราสาทศิลปะ เธอเพียงรู้สึกราวกับว่าเธอเดินผ่านศตวรรษและเข้าสู่อาณาจักรของหนังสือเทพนิยาย

มิวิลล์มีเชื้อสายผู้สูงศักดิ์และใส่ใจในคุณภาพชีวิต ดังนั้น แผนผังของปราสาททั้งหมดจึงอยู่ในสไตล์อังกฤษของศตวรรษที่ 19 หรูหราและหนักหน่วง ตั้งแต่ทางเดินเล่นไปจนถึงห้องโถง ภาพนูนต่ำนูนสูง พรม เตาผิง และ ไฟคริสทัลที่งดงาม และภาพวาดที่อุดมไปด้วยหมึกและสี

“สวยจัง!” หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปในห้องโถงและมองดูบันไดเวียนในห้องโถง เมื่อมองขึ้นบันไดเธอเห็นหน้าต่างเหนือปราสาท

หน้าต่างเป็นกระจกสี ดังนั้นเมื่อพระอาทิตย์ตก บันไดจะเต็มไปด้วยสีสัน

สือมูเฉินพูดว่า “นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของคฤหาสน์ หลังจากที่เราออกไปแล้วคุณยังสามารถเห็นวิลล่าริมทะเลได้ เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองทางตอนใต้ของฟลอริดา ติดทะเล คุณน่าจะเห็นแล้วตอนนั่งเครื่องบิน ”

ตาของหลานเสี่ยวถางเบิกกว้างขึ้นทันที “จริงเหรอ?”

“แน่นอน แต่อยู่ไกลหน่อย คาดว่าจะใช้เวลาเดินครึ่งชั่วโมง แต่หลังจากนี้เราสามารถนั่งรถยนต์ไฟฟ้าไปได้”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้าอย่างตื่นเต้น แต่ก็ยังมีความไม่น่าเชื่อเล็กน้อย “มูเฉิน มิวิลล์ให้สถานที่นี้แก่คุณจริงๆ หรือ?”

“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะอยู่ที่นี่ในคืนนี้ ไม่มีใครมาขับไล่พวกเราออกไปได้” สือมูเฉินกำลังพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

หลังจากที่เขารับสาย เขาก็รีบพูดกับเธอว่า “พวกเราต้องออกไปก่อน ต้องรับสิ่งของบางอย่าง”

ทั้งสองมาถึงสนามหญ้า ไม่นานก็มีรถคันเก่าขับเข้ามาชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถแล้วพูดว่า “ท่านทั้งสองครับ นี่คือขั้นตอนการย้ายกรรมสิทธิ์ของคฤหาสน์ นอกจากนี้นี่คือแผนที่คฤหาสน์ และคำแนะนำต่างๆ ”

สือมูเฉินรับมัน ตรวจเอกสาร แล้วพยักหน้า “ขอบคุณครัับ” จากนั้นเขาก็ให้ค่าทิปแก่ชายคนนั้น

ทันทีที่ชายคนนั้นออกไป รถยนต์อีกหลายคันก็ขับผ่านไปเข้ามา สือมูเฉินเลิกคิ้วขึ้น “เสี่ยวถาง เครื่องนอนและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันมาส่งแล้ว”

ไม่นาน ชายหนุ่มสองสามคนก็กระโดดลงจากรถ และเมื่อพวกเขาเห็นสือมูเฉินพวกเขาก็ทักทายแล้วย้ายของเข้าไป

สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางกำลังนั่งอยู่ในรถของพวกเขา และสั่งพวกเขาว่าจะวางของไว้ตรงไหน หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว

ในตอนเย็นคนรับใช้ชั่วคราวของสือมูเฉินนำวัตถุดิบมาให้ทั้งสองทำอาหารง่ายๆ ในครัวและไปที่ทะเลสาบด้วยกัน

สือมูเฉินจุดเทียนสองเล่ม เทไวน์แดงสองแก้ว แล้วชนแก้วกับหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง ฉลองที่คุณเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้แล้ว!”

หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอแต่งงานกับสือมูเฉิน แม้ว่ามิวิลล์จะมอบให้สือมูเฉิน แต่เธอก็มีสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมา”ฉลองให้กับพวกเราในฐานะที่เป็นเจ้าของมัน !”

“ชนแก้วแล้ว ผมจะบอกคุณอย่างหนึ่ง” สือมูเฉินพูดแล้วชนแก้วกับเธออีกครั้ง

หลานเสี่ยวถางดื่มอย่างรวดเร็วก็รู้สึกว่ามีแอลกอฮอล์พุ่งเข้าใส่สมองของเธอ เธอมองไปที่สือมูเฉินที่อยู่หน้าแสงเทียน “เรื่องอะไร?”

“ของขวัญวันเกิด” สือมูเฉินพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปด้านหลังเพื่อหยิบเอกสารและปากกา แล้วยื่นให้หลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง เซ็นชื่อ”

หลานเสี่ยวถางมองไปที่ภาษาอังกฤษ เธอเข้าใจว่าได้เพียงครึ่งเดียว เธอเงยหน้าขึ้น”นี่ดูเหมือนจะเป็นเอกสารการโอนทรัพย์สิน?”

“ฉลาดมาก!” สือมูเฉินพูด “ถ้าคุณเซ็นสัญญา คฤหาสน์แห่งนี้จะเป็นของคุณคนเดียว”

หลานเสี่ยวถางตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองสือมูเฉิน”เดิมทีมันเป็นทรัพย์สินร่วมของพวกเรา คุณมอบมันให้ฉันแบบนี้……ที่จริงแล้วคงจะดีถ้าเราครอบครองมันด้วยกัน!”

“นี่คือของขวัญสำหรับวันเกิดครบรอบยี่สิบห้าปีของคุณ” สือมูเฉินพูด “นี่เซ็นเลย เมื่อวานมีคุณอยู่ครึ่งหนึ่งอยู่ในเกมการพนันด้วย ดังนั้นนี่คือรางวัล!”

หลานเสี่ยวถางเหลือบมองไปรอบๆ แล้วหยิบปากกาขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อเซ็นชื่อของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา

เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและถามสือมูเฉิน “มูเฉิน ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่ไหม?

“อย่ากังวล แม้ว่าจะเป็นความฝันผมจะทำมันร่วมกับคุณต่อไป” สือมูเฉินพูดพร้อมกับเก็บเอกสาร แล้วยกแก้วขึ้นดื่มกับหลานเสี่ยวถาง “ในเมื่อมันเป็นของคุณแล้ว ก็ตั้งชื่อใหม่ให้มันเถอะ!”

หลานเสี่ยวถางกะพริบตา คฤหาสน์ริมทะเลที่สวยงามเช่นนี้ มีทะเลสาบและภูเขา เรียกว่าอะไรดี?

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ถ้าอย่างงั้น ให้เรียกว่าคฤหาสน์ทิงไห่แล้วกัน”

“โอเค มันเป็นของคุณอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับคุณ” สือมูเฉินพูดจบก็กินเม็ดมะม่วงหิมพานต์แล้วพูดต่อ “แต่คฤหาสน์ยิ่งใหญ่โตยิ่งต้องบำรุงรักษามากขึ้น รอสักครู่ค่อยเข้าไปดูอย่างละเอียด มีหลายห้องที่มีฟังก์ชันที่แตกต่างกัน เช่น ห้องสมุด ศูนย์ฟิตเนส ศูนย์กายภาพบำบัด และสนามกีฬาหลายแห่ง ซึ่งทั้งหมดต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ การบำรุงรักษาทั้งหมดต้องใช้เงินทุนด้วย”

หลานเสี่ยวถางตกตะลึงครู่หนึ่งและตระหนักได้ว่าบ้านหลังเล็ก ๆ ของเธอยังต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ หากมีสวนยิ่งต้องตัดแต่งกิ่งดอกไม้และสนามหญ้าด้วย

อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกสับสนว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

ดูเหมือนว่าสือมูเฉินจะสังเกตเห็นความสงสัยของเธอ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “และคฤหาสน์นี้เคยเป็นกึ่งเปิดกึ่งปิดมาก่อน ส่วนที่เปิดสามารถสร้างผลกำไรได้ตามธรรมชาติ และผลกำไรเหล่านี้สามารถส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายรายวันของคฤหาสน์ ดังนั้นผมให้คุณ คุณต้องจัดการเอง ผมจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินใดๆ แก่คุณ คุณต้องหาวิธีขับเคลื่อนผลประโยชน์ เมื่อสิ้นปีผมจะให้การประเมินคุณ ดังนั้นผมหวังว่าสิ้นปีคฤหาสน์ที่ผมเห็นนี้จะไม่มีวัชพืชรก และเฟอร์นิเจอร์ที่มีแต่ฝุ่น”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ความกระตือรือร้นของหลานเสี่ยวถางก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที และเธอก็พูดตรงๆ ว่า “โอเค เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ฉันจะวางแผนอย่างรอบคอบว่าจะจัดการมันอย่างไร และปล่อยให้มันสร้างความมั่งคั่งให้กับฉันมากขึ้น!”