สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 154 โจรขึ้นบ้าน
แม้ว่าเฉินไฉ่อีจะผิดหวังเล็กน้อย ที่พ่อของนางไม่เห็นด้วย แต่ในใจกลับไม่คิดอย่างนั้น!
หรือว่านายน้อยหลี่จะไม่ใช่คนเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะใช่ ผู้หญิงพวกนั้นก็เข้าไม่ถึงหัวใจของเขา เฉินไฉ่อีรู้สึกได้ว่าบางทีนายน้อยหลี่อาจเป็นเช่นชายหนุ่มผู้ร่ํารวยในหนังสือนิยาย
เป็นไปได้ว่าอาจจะมาผูกพันธ์แน่นแฟ้นกับหญิงสาวในหมู่บ้านนี้
หลังจากได้อ่านหนังสือบางเล่ม เฉินไฉ่อีก็รู้สึกอยู่ในใจว่าไม่อาจรับฟังพ่อแม่ได้ เมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้ต่อต้าน แต่ก้มหน้าลงอย่างเฉยเมย
ขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังมีความสุขกับตัวเอง อีกด้านหนึ่งเฉินเจียวเจียวก็ถ่มน้ําลายลงบนพื้นด้วยความอิจฉาริษยา
เป็นแค่ลูกไม่มีพ่อไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหนแต่โชคดีจับหยุนเคอได้ ถ้าไม่มีหยุนเคอ นังเด็กสารเลวนี้คงถูกหลินชวนฮวาทรมานจนตาย
ในทางกลับกัน เฉินผิงอันกลับนิ่งเงียบ!
ยิ่งตอนนี้ยิ่งชีวิตของนังเด็กหน้าตายนั่นดีขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของลูกชายก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ได้ยินว่านางส่งเจ้าเด็กตัวเหม็นไปโรงเรียน ก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน ต่อไปในอนาคตมีความเจริญก้าวหน้า เขาก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเฉินผิงอัน!
เมื่อไม่มีหลินชวนฮวาคอยยุยงให้เกิดความขัดแย้งอยู่ข้างๆ เฉินผิงอันก็สงบลงมาก อีกทั้งตอนนี้เขาเริ่มเสียใจที่ขายลูกชายคนเดียวของตัวเองไป
สิ่งที่คนในหมู่บ้านพูดก็สมเหตุสมผล หากเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นตามมาอยู่กับเขาจริงๆ ไม่เพียงจะอ่านหนังสือไม่ออก เกรงว่าตอนนี้เขาจะยังขี้อายและเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
เมื่อเห็นลูกชายเดินตามนังเด็กขี้ครอกไป ร่างกายของเขาสูงขึ้นและแข็งแรงขึ้นมาก! เขาดูสุภาพแม้จะออกไปข้างนอก และไม่เห็นความขี้ขลาดที่เคยมีในอดีต แม้จะไม่อยากยอมรับในใจแต่ก็ต้องบอกว่าหญิงผู้นี้ทําดีที่สุดแล้วเช่นกัน!
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคาดหวังให้หยุนเถียนเถียนดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่ลูกชายของเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน!
แต่ความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขามีสติสัมปชัญญะ เมื่อใดที่เขาเมา ความคิดของเฉินผิงอันก็ยิ่งแคบลง ไม่เพียงแต่เขาจะตัดพ้อถึงความโหดร้ายของหลินชวนฮวาเท่านั้น เขายังคร่ําครวญถึงเจ้าลูกกระต่ายที่เห็นแก่ตัวอีกด้วย เมื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นคงลืมพ่อไปนานแล้ว!
เวลาพลบค่ํา ในขณะที่เฉินผิงอันกําลังกลับมาจากในเมือง หลังจากดื่มเหล้าเมาจนเซ ก็เห็นร่างเล็กๆวิ่งอยู่ในความมืด ย่องเข้าไปในโรงงานของนังผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าทําอะไร?
มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ถึงต้องแอบทําลับๆล่อๆในตอนกลางคืน! เฉินผิงอันสร่างขึ้นเล็กน้อยและรีบตามเขาไป!
คนในหมู่บ้านมักอยู่กันแบบเรียบง่าย บ้านของคนอื่นในหมู่บ้าน แม้แต่ประตูก็ไม่ค่อยได้ลงกลอน แต่หยุนเถียนเถียนที่มาจากยุคปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ร่างลึกลับบิดกลอนประตูอยู่นานแต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ จึงกระทืบเท้าด้วยความรําคาญแล้วหันหลังกลับออกไป!
ทันทีที่นางหันกลับมา เฉินผิงอันก็สามารถเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน
กลายเป็นเฉินเจียวเจียว นี่คือเฉินเจียวเจียวที่เพิ่งมีเรื่องราวฉาวโฉ่
เฉินผิงอันนึกได้ในใจ ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะตกหลุมรักหยุนเคอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางสร้างเรื่องวุ่นวาย แต่สุดท้ายกลายเป็นตัวนางเองที่ต้องอับอาย
ผู้ใดจะรู้ว่านางจะป้องกันถึงขึ้นติดกลอนสองอันไว้ที่ประตูนี้! ไม่มีใครสามารถเปิดประตูนี้ได้เว้นแต่ว่าจะถูกพังอย่างรุนแรง!
หากใช้ความรุนแรงย่อมเกิดเสียงดังขึ้นที่นี่ หยุนเถียนเถียนซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านก็จะค้นพบได้ในไม่ช้า!
แต่ตอนนี้นางเพิ่งจับกลอนประตูและยังไม่ได้ลงมือใดๆเลย เฉินผิงอันจึงไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงสิ่งเลวร้ายที่เฉินเจียวเจียวทําได้!
อย่างไรก็ตาม เฉินผิงอันที่เคยถูกหลินชวนฮวาเปาหูอยู่ข้างๆนั้นได้สติขึ้นมาก! แม้ว่าเขาจะเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาก็อยู่กับนาง หากหญิงสาวประสบกับความสูญเสีย เกรงว่าลูกชายของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย!
เฉินผิงอันยังคงกังวล แทนที่จะกลับบ้าน เขาเดินกลับเข้าไปในเมือง…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนเถียนเถียนเพิ่งเปิดประตูออกมาก็เห็นลูกสุนัขอยู่ที่ประตู! แม้จะยังตัวเล็กแต่ก็ดุดัน เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนก็เห่าใส่ทันที
ไม่ไกลจากลูกสุนัข ผมของเฉินผิงอันยังคงเปียกน้ําค้างอยู่ ดังนั้นเขาจึงยืนรับแดดยามเช้า
ในตอนที่หยุนเถียนเถียนเห็นเฉินผิงอันก็เริ่มระวังตัว
“ท่านมาทําอะไรที่นี่?”
เฉินผิงอันไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่มองไปที่หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวตรงหน้า จู่ๆก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้นเมื่อหลายปีก่อน!
โดดเด่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังดูถูกเขาอีกด้วย! แต่กลับปรากฏอยู่ในใจของเขาทั้งวันทั้งคืน ทรมานเขาอยู่ตลอดเวลา!
“ข้าเก็บลูกสุนัขตัวหนึ่งได้จากถนน อยากถามพวกเจ้าว่า เลี้ยงมันได้หรือไม่! ถึงอย่างไรในหมู่บ้านก็มีแค่พวกเจ้าที่เลี้ยงมันได้ ยังไม่มีใครคอยดูในโรงงานของเจ้า มีสุนัขไว้เฝ้าถือเป็นการดี”
เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ “เฉินผิงอัน ท่านรู้สึกสงสารสุนัขจริงๆหรือ? แม้แต่ชีวิตคนก็ไม่มีความหมายในสายตาของท่าน ขายได้กระทั่งลูกชายของตัวเอง! ท่านพูดว่าสงสารสุนัข! ฮ่าฮ่า!”
เฉินผิงอันถูกเสียดสีและไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ใบหน้าของเขาก็มีดดําไปแล้ว! นังเด็กเหลือขอนี่ยังน่ารําคาญเหมือนเดิม!
“สุนัขตัวนี้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะเอาหรือไม่เอา! ถึงอย่างไรก็ต้องมีของสําคัญบางอย่างในโรงงานของเจ้าใช่หรือไม่? หากถูกขโมยจะเป็นเรื่องใหญ่!”
หลังจากพูดจบเฉินผิงอันก็หันหลังเดินจากไป
แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะยังคงระแวง แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างเมื่อเห็นเฉินผิงอันออกไป! บางทีความคิดของอีกฝ่ายอาจไม่ธรรมดา แต่ประโยคสุดท้ายเหมือนเป็นการเตือนอยู่ในที
หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจไปที่โรงงานทันที เฉินผิงอันย่อมไม่พูดเช่นนั้นโดยไม่มีเหตุผล
เพราะยังเช้าอยู่ที่โรงงานจึงค่อนข้างเงียบ มีแม่กุญแจทองแดงสองอันคล้องเอาไว้ เนื่องจากจีชื่อเอาให้จึงมีสนิมสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์
หยุนเถียนเถียนหยิบกุญแจออกมาเพื่อจะเปิดไข แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึง
เดิมทีสนิมทองแดงบนนั้นเป็นสีทึบๆ แต่ในส่วนของตัวแม่กุญแจมีสีสดปรากฏขึ้นมา
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวสําหรับร่องรอยเหล่านี้ นั่นคือมีคนบิดแม่กุญแจอย่างแรง
ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันจะไม่ใช่คนตื่นตระหนก หรือเขาเห็นอะไรบางอย่างแต่พูดออกมาไม่ได้ จึงทําได้เพียงเตือนอย่างคลุมเครือเท่านั้น
แต่เฉินผิงอันเกลียดนางมาตลอดไม่ใช่หรือ? จู่ๆจะมาช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร?
โชคดีที่ระวัง จึงไปที่บ้านของจี๋ซื่อเพื่อเอาแม่กุญแจทองแดงมาสองอัน ไม่อย่างนั้นใครจะเข้าไปในโรงงานก็ไม่รู้?