บทที่ 111.1 ตบหน้า (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

เดิมทีกู้เจียวว่าจะไปร้านตีเหล็กสักหน่อย ทว่านางกลับเจอเรื่องติดขัดเล็กน้อย

อันที่จริงนางก็สัมผัสได้ว่าในตัวอำเภอมีองครักษ์แน่นขนัดมากยิ่งกว่าเดิมตั้งยามเช้าที่มานางมาถึงแล้ว เพียงแต่นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงได้ถามเถ้าแก่ร้านซาลาเปา

เถ้าแก่ร้านซาลาเปามีน้ำใจยิ่งนัก เขาไม่ได้เพิกเฉยนางเพราะนางไม่ได้ซื้อซาลาเปา “แม่นางคงไม่รู้สินะ ได้ยินมาว่ามีจวิ้นอ๋องเสด็จมาในตัวอำเภอ องครักษ์พวกนั้นก็มาเพื่อถวายชีวิตคุ้มกันเขา!”

แต่องครักษ์นั้นไม่ได้มีเพียงเท่าที่เห็น กู้เจียวยังสังเกตเห็นว่ามียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยแฝงตัวอยู่กับพวกชาวบ้านได้อย่างแนบเนียน

ทำการใหญ่โตเสียจริง

ถนนที่มุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็กถูกปิดกั้น กู้เจียวตั้งใจว่าจะมาใหม่วันหลัง

นางมายังโรงเรียนเอกชนเพื่อรอเสี่ยวจิ้งคงและกู้เหยี่ยน คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญเจอกู้จิ่นอวี้ได้

กู้จิ่นอวี้มาซื้อของในตัวอำเภอกับคุณหนูจวง ทั้งสองกำลังรอขนมดอกกุ้ยฮวาของร้านหลี่จี้

แน่นอนว่าคุณหนูจวงไม่มีทางต่อแถวรออย่างว่าง่าย นางใช้เงินกว้านซื้อขนมดอกกุ้ยฮวาที่เหลือทั้งหมด เพียงแต่ขนมดอกกุ้ยฮวาไม่ได้ออกจากเตาเร็วขนาดนั้น

“ท่านพี่” กู้จิ่นอวี้เห็นกู้เจียวก็ผละมือจากคุณหนูจวง แล้วเดินมาทักทายกู้เจียว

กู้เจียวไม่ค่อยอยากสนใจกู้จิ่นอวี้สักเท่าไหร่ เหลือบตามองนางเพียงครู่ทั้งยังไม่มีความคิดว่าจะหยุดฝีเท้าลงแต่อย่างใด

กู้เจียวอวี้เดินตามไป “ท่านพี่!”

กู้เจียวหงุดหงิด “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่พี่สาวเจ้า วันหลังเจ้าอย่าได้เรียกเช่นนี้อีก”

กู้เจียวอ้าปากค้าง “แต่ว่า…”

“นี่! พูดจาอะไรของเจ้า”

จู่ๆ คุณหนูจวงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายกู้จิ่นอวี้

เพราะกู้จิ่นอวี้ให้แบบคัดอักษรและยกยอนาง คุณหนูจวงจึงได้สงบศึกแล้วพันมาผูกมิตรกับกู้จิ่นอวี้แล้ว ทั้งยังเห็นกู้จิ่นอวี้เป็นสหายคนหนึ่งของตัวเอง

ในเมื่อเพื่อพูดจานอบน้อมกับเสียขนาดนั้นแล้ว แต่กลับยังคงได้รับเพียงแต่ความเย็นชาจากอีกฝ่าย คุณหนูจวงจึงรู้สึกว่าตัวนางเองก็พลอยขายหน้าไปด้วย

กู้เจียวไม่รู้จักคุณหนูจวง และไม่อยากรู้จักด้วย นางเดินจากทั้งสองไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

คุณหนูจวงไม่เคยถูกผู้ใดเพิกเฉยเช่นนี้มาก่อน ไฟโทสะก็เดือดดาลขึ้นมา “ข้าบอกให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”

กู้จิ่นอวี้รั้งแขนเสื้อคุณหนูจวงเอาไว้ “คุณหนูจวง ช่างเถิดเจ้าค่ะ”

คุณหนูจวงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ช่างเถิดได้อย่างไรกัน นางเป็นแค่ไพร่ กล้าดีอย่างไรถึงได้ชักสีหน้าใส่คนจากตระกูลสูงส่ง! นางไปเอาความกล้าจากผู้ใดมากัน”

“นาง…” กู้จิ่นอวี้เอ่ยอย่างลำบากใจ “นางเป็นพี่สาวของข้า”

คุณหนูจวงเอ่ยเสียงหลง “นางเป็นพี่สาวของเจ้าอย่างนั้นหรือ ไพร่เช่นนั้นจะคู่ควรได้อย่างไร”

กู้จิ่นอวี้อธิบาย “ข้าไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ นางเป็นลูกของท่านพ่อข้าจริงๆ”

คุณหนูจวงมองกู้เจียวหัวจรดเท้า “ทั้งจนทั้งอัปลักษณ์…หึ ข้าเข้าใจแล้ว นางเป็นลูกนอกสมรสของท่านเจ้าสินะ!”

ท่านโหวกู้มีลูกสาวที่ยอมรับออกหน้าออกตาเพียงคนเดียว หากเขามีลูกคนอื่นอีก เช่นนั้นก็ต้องมาจากอนุภรรยาแน่นอน ลูกที่เกิดจากภรรยารองก็คือลูกนอกสมรส!

กู้จิ่นอวี้รั้งนางไว้แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่เช่นนั้น คุณหนูจวง… เรื่องค่อนข้างซับซ้อน… กลับไปแล้วข้าจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟัง…”

คุณหนูจวงหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าไม่ต้องพูดแก้ต่างแทนนาง ก็แค่พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแถมยังไม่เอาไหน เหตุใดถึงต้องไว้หน้านางถึงเพียงนั้น คนเช่นนั้นข้าพบเจอมามากนัก คิดว่าแม่ตัวเขาหน้าตางดงามเก่งกาจ ริอาจยกตนเทียบกับลูกภรรยาหลวง ไก่ป่าก็คือไก่ป่าอยู่วันยังค่ำ บินขึ้นต้นไม้แล้วก็มิได้ทำให้กลายเป็นหงส์!”

แน่นอนว่าคำพูดนั้นกำลังก่นด่ากู้เจียวอยู่ แต่กู้จิ่นอวี้กับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนด่า จนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

กู้เจียวสีหน้าเรียบเฉยเป็นยิ่งนัก ราวกับคนที่ถูกด่ามิใช่นาง

คุณหนูจวงผู้นี้ ด่าคนอื่นแท้ๆ แต่ดันเจ็บแสบไปถึงเพื่อนฝูงตัวเองเสียได้…

คนหนูจวงสบถด่าอยู่นอนสองนานแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านให้เห็น นางรู้สึกเหมือนตนเองกำหมัดชกปุยนุ่น นางเดินก้าวมาข้างหน้าหลายก้าว ชี้นิ้วไปที่จมูกของกู้เจียว “เจ้า ขอโทษเพื่อนข้าเดี๋ยวนี้!”

กู้เจียวมองนางแวบหนึ่งอย่างฉงนใจ

แววตานั้นยั่วโมโหคุณหนูจวงได้อย่างดี จังหวะเดียวกันนั้น โรงเรียนเอกชนก็เลิกเรียนพอดี กู้เหยี่ยนและเสี่ยวจิ้งคงเดินออกมา

ทั้งสองเห็นกู้เจียวพร้อมกัน เสี่ยวจิ้งคงวิ่งฉิวมาหยุดอยู่ข้างกายกู้เจียว

กู้เหยี่ยนวิ่งไม่ได้ จึงทำได้เพียงมองเณรน้อยโผเข้ากอดกู้เจียวตาปริบๆ

เสี่ยวจิ้งคงกอดกู้เจียวเข้าหมับ!

คุณหนูจวงยืนอยู่ใกล้กู้เจียว ยามที่เสี่ยวจิ้งคงวิ่งมาหานางก็เหยียบโดนชายกระโปรงของนางเข้าโดยไม่ทันระวัง

คุณหนูจวงเดือดดาลในทันใด “เดินเช่นไรของเจ้า ทำกระโปรงข้าเปื้อนหมดแล้ว!”

แววตาของกู้เจียวเย็นยะเยือกขึ้นมา

แววตาของกู้เหยี่ยนเองก็เย็นชายิ่งกว่าเดิมเช่นกัน

เสี่ยวจิ้งคงไม่เข้าใจคำพูดจิกกัดของนาง เขาคลายฝ่ามือน้อยที่กอดพี่สาวอยู่ ก่อนจะเพ่งมองกระโปรงอย่างพินิจพิเคราะห์ “ข้าทำกระโปรงของเข้าเปื้อนอย่างนั้นหรือ ไหนข้าดูซิ!”

คุณหนูจับชายกระโปรงสะบัดไปมา “อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องข้า!”

กู้เหยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วนั่งย่อเข่าลงแล้วคว้ามือของเณรน้อยมาเช็ดทุกซอกทุกมุม

เสี่ยวจิ้งคงมองกู้เหยี่ยนด้วยความมึนงง

กู้เหยี่ยนโยนผ้าเซ็ดหน้าทิ้งไปอีกทางอย่างไม่สนใจไยดี “คราวหลังอย่าได้จับของสกปรกเรื่อยเปื่อย”

คุณหนูจวงเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา

นางไม่ได้หูฟาดไปใช่หรือไม่

คุณหนูจวงเดือดเป็นไฟ

เมื่อครู่เพิ่งจะร่ำร้องอยู่ในใจว่าชีวิตคนเราช่างสวยงามเสียเหลือเกินไปหยก พริบตาเดียวก็พบเข้ากับเจ้าบ้าที่ไม่เคยเห็นหัวใครในสายตา!

กู้จิ่นอวี้หันไปทางกู้เหยี่ยน “เหยี่ยนเอ๋อร์ นี่คือคุณหนูจวง นางเป็นน้องสาวของอันจวิ้นอ๋อง”

คุณหนูจวงขมวดคิ้ว “เจ้ารู้จักเขาหรือ”

กู้จิ่นอวี้พยักหน้า “เขาเป็นลูกของพ่อข้า เป็นแฝดหงส์เคียงมังกรกับท่านพี่”

คุณหนูจวงมองกู้เหยี่ยนอย่างไม่ยี่หระ “แฝดหงส์เคียงมังกรอย่างนั้นรึ ถึงจะพูดเช่นนั้นก็เป็นเพียงแค่ลูกนอกสมรสมิใช่หรืออย่างไร ข้าได้ยินมาว่าอันติ้วโหวมีลูกชายขี้โรคใกล้ตายอยู่คนหนึ่ง เจ้าคงไม่ใช่เจ้าขี้โรคคนนั้นหรอกกระมัง”

คำพูดนั้นช่างแสนเชือดเฉือน แม้แต่กู้จิ่นอวี้ฟังแล้วยังหน้าถอดสี

กู้เจียวเอ่ยกับกู้เหยี่ยน “พวกเจ้าสองคนไปรอข้างตรงนั้น”

“อืม” กู้เหยี่ยนจูงมือเสี่ยวจิ้งคงพาเขาเดินกลับไปยังโรงเรียนเอกชน

เมื่อทั้งสองคนเดินลับตาไป กู้เจียวก็พลิกมือตบคุณหนูจวงเข้าอย่างจัง!

คุณหนูจวงนิ่งอึ้งที่ถูกตบต่อหน้าต่อตา “เจ้า…เจ้าตบข้าอย่างนั้นหรือ”

กู้เจียวเอ่ยเสียงเย็นชา “จะตบเจ้าต้องดูฤกษ์ดูยามด้วยหรือ”

ดวงหน้างามของกู้จิ่นอวี้ซีดเผือด “ท่านพี่ เหตุใดท่าน…ท่านถึง…เอ่อ”

เพี้ยะ!

กู้เจียวก็ง้างมือตบนางอีกหนึ่งทีเช่นกัน!

“พูดจาดีๆ จะตายหรืออย่างไร เจ้าติดอ่างหรือว่าพูดไม่ออกไปเสียแล้ว พูดคำเดียวไม่รู้ความ ต้องให้อธิบายปากเปียกปายแฉะ น้ำมันที่จวนโหวคงมาเกินควรไปแล้วกระมัง ถึงได้ไหลเข้าหัวเจ้าไปหมด”

“ท่าน…ท่าน…” กู้จิ่นอวี้ถูกย้อนจนอึกอัก

ท่านโหวกู้และอันจวิ้นอ๋องที่จิบอยู่ไม่ไกลก็ได้รับแจ้งความเคลื่อนไหวจากบ่าว เมื่อมาดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น กลับพบว่าใบหน้าของคุณหนูจวงและกู่จิ่นอวี้ปวดเป่งเฉกเช่นซาลาเปา

“ท่านพี่!” คุณหนูจวงโผเข้าหาอันจิ้นอ๋อง ในเขาได้เห็นบาดแผลบนใบหน้าของตย ทั้งยังชี้นิ้วไปทางกู้เจียว “นางตบข้า! นางตบข้า!”

เมื่อท่านโหวกู้เห็นกู้เจียว หัวก็แทบจะระเบิด

เหตุใดถึงเป็นนางหนูนี่อีกแล้ว

สายตาของอันจวิ้นอ๋องตกลงบนใบหน้าของกู้เจียว เพราะปานบนใบหน้าซีกซ้าย ดวงหน้านี้จึงไม่ถือว่างดงามนัก แต่เครื่องหน้าแสนชานั้นช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าสตรีทั้งหลายที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามในเมืองหลวง

กู้จิ่นอวี้เองก็กลับมาอยู่ข้างกายท่านโหวกู้เช่นกัน น้ำตาคลอเบ้า แสนน่าสงสาร

ท่านโหวกู้สงสารสุดหัวใจ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

อันจวิ้นอ๋องก็หันมามองกู้จิ่นอวี้เช่นกัน เฝ้ารอนางเอ่ยอธิบายอย่างตั้งใจ