ตอนที่ 120 กะปิของยายเถียน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 120 กะปิของยายเถียน

หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมบ้านย่าฟางมีกะปิของยายเถียนล่ะ?”

โจวฉายอวิ๋นจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง แล้วยังบอกอีกว่ายายเถียนยังฝากไข่เป็ดเค็มมาให้อีกหลายสิบฟอง

พูดจบก็ถามด้วยความสงสัย “กะปิคืออะไร?”

“กะปิ?” หลินม่ายประหลาดใจเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของเฉาซาน(แต้จิ๋ว)หรือ ยายเถียนทำกะปิได้ด้วยเหรอ? หรือว่าบรรพบุรุษของท่านมาจากเฉาซาน?”

แม้ว่าในสายตาของชาวเฉาซานจะมองว่ากะปิเป็นของดี เค็ม และอร่อย แต่หลินม่ายไม่ค่อยชอบ โดยส่วนตัวคิดว่ามันเค็มเกินไป

ในสายตาของเธอ กะปิไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนักนอกจากปรุงเป็นซุปหรือผัดผัก

โจวฉายอวิ๋นยิ้มและพูดว่า “ฉันยังไม่เคยกินกะปิเลย ขอฉันชิมหน่อย”

หลินม่ายไม่สนใจกะปิ แต่โจวฉายอวิ๋นอยากลอง อย่างนั้นก็ลองดูแล้วกัน

ทั้งสองคนเปิดกระปุกกะปิ กลิ่นแรงตีขึ้นจมูก ทำเอาน้ำลายสอ

“หอมมาก!” โจวฉายอวิ๋นพูดอย่างแปลกใจ “เหมือนว่าจะไม่เลวนะ”

หล่อนหยิบช้อนเล็กๆ ตักใส่ถ้วยแล้วชิมเล็กน้อย ทันใดนั้นก็สั่นสะท้านสองสามครั้ง

หลินม่ายหัวเราะแล้วพูดว่า “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?ไม่เกินจริงไปใช่ไหม?”

โจวฉายอวิ๋นมีสีหน้าเหมือนกำลังกินอุจจาระ และใบหน้าของหล่อนก็เหยเก “มันไม่อร่อย มันไม่อร่อยย”

“ต่อให้ไม่อร่อย มันก็ไม่น่าถึงขนาดนั้นมั้ง”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยกินกะปิ แต่มันเค็มเกินไป ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกที่มันจะไม่อร่อยจนสีหน้าบิดเบี้ยว

หลินม่ายใช้ตะเกียบจิ้มกะปิเล็กน้อยแล้วชิมดู ปรากฏว่าตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้หลายครั้ง

เช่นเดียวกับคนที่ไม่กินเปรี้ยว เมื่อดื่มน้ำมะนาวหนึ่งแก้ว ความเปรี้ยวนั้นก็สุดจะพรรณนาได้

โจวฉายอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้โกหกเธอนะ มันไม่อร่อยใช่ไหม?”

หลินม่ายส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย แต่มันมีรสแรงเกินไป เหมือนซุปไก่สกัดเข้มข้น ที่สำคัญคือรสจัดกว่าซุปไก่ ด้วยความที่รสจัดเกินไปจึงใช้เป็นเครื่องปรุงรสได้เท่านั้น”

โจวฉายอวิ๋นไม่เชื่อ “อย่างนั้นหรือ?”

“ตอนเที่ยงลองใส่ในซุปผักดู ไม่ลองก็ไม่รู้”

ตอนเที่ยงทำแกงจืดเต้าหู้ไข่ใส่ผักชี หลินม่ายใส่กะปิลงไปเล็กน้อย

เมื่อทำเสร็จแล้ว เธอก็ลองชิมดู

อร่อยสุดๆ อร่อยกว่าซุปไก่ตุ๋นเห็ดเสียอีก ผงซุปไก่สกัดแพ้ไปเลยเมื่อเจอกกะปิของยายเถียน

โจวฉายอวิ๋นก็ได้ลิ้มรสเล็กน้อย คราวนี้รู้สึกอร่อยจนมีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม

แกงจืดเต้าหู้ไข่ใส่กะปิของยายเถียนอร่อยมาก หลินม่ายและคนอื่นๆ กินไปสองสามชาม

หลินม่ายมีความคิดว่าถ้าใช้กะปิของยายเถียนทำไส้เนื้อ คงออกมาอร่อยอย่างแน่นอน

ลงมือทำดีกว่ามัวแต่ตื่นเต้น วันรุ่งขึ้นหลินม่ายจึงใช้กะปิผสมในไส้ทั้งซาลาเปาและเกี๊ยว ทำออกมาก็อร่อยยิ่งขึ้น

ตอนเช้าฟางจั๋วหรานมากินอาหารเช้า โต้วโต้วเห็นเขาจึงร้องตะโกน “คุณอาคะ วันนี้ซาลาเปาและเกี๊ยวอร่อยมาก มากินกันเถอะค่ะ!”

ฟางจั๋วหรานยิ้มและพูดว่า “มีวันไหนที่แม่ของหนูขายซาลาเปาและเกี๊ยวไม่อร่อยบ้างเหรอ?”

“แต่วันนี้อร่อยเป็นพิเศษนะคะ!”

โต้วโต้วโบกมือเรียกหลินม่าย “แม่ รีบเอาซาลาเปาและเกี๊ยวมาให้คุณอาเร็วค่ะ!”

หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม นำซาลาเปาและเกี๊ยวไปที่ห้องนั่งเล่นเล็กๆชั้นบนอย่างรวดเร็วเพื่อให้ฟางจั๋วหรานได้เพลิดเพลิน

แม้จะกินอาหารเช้าบนโต๊ะน้ำชา แต่บรรยากาศก็ดีกว่าการกินอาหารเช้าที่ชั้นล่าง

ฟางจั๋วหรานหยิบซาลาเปาขึ้นมากัด ก็รู้สึกประหลาดใจในทันที

โตมาขนาดนี้ เขาได้กินซาลาเปาชื่อดังจากทั่วประเทศมาหมดแล้ว แต่เขาไม่เคยกินซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย มันอร่อยมาก!

โต้วโต้วนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ดูสีหน้าของเขาก็รู้ว่าเขาพอใจกับอาหารมาก

อดไม่ได้ที่จะภูมิใจ “หนูพูดไม่ผิดใช่ไหมคะ ซาลาเปาวันนี้อร่อยมาก!”

ฟางจั๋วหรานพยักหน้าซ้ำๆ “แม่ของหนูมีฝีมือ!”

เด็กน้อยยื่นมือทั้งสองข้างมาบังหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณอาจะแต่งงานกับแม่หนูไหม ถ้าแต่งงานกับแม่ของหนู อาจะได้กินซาลาเปาและเกี๊ยวแสนอร่อยทุกวัน ของอื่นๆ ด้วยนะคะ”

ฟางจั๋วหรานยิ้ม “ทำไมหนูถึงต้องการให้อาแต่งงานกับแม่ของหนูอยู่เรื่อยเลย?”

โต้วโต้วถอนหายใจ “หนูอยากมีพ่อ และหนูไม่อยากให้เพื่อนพูดว่าไม่มีใครต้องการแม่ของหนู ~”

ฟางจั๋วหรานลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม และอยากจะบอกว่าในอนาคตต้องมีคนต้องการแม่ของหนูแน่ๆ

แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่พูดประโยคนี้ออกมา ราวกับพูดออกมาแล้วมันจะเป็นจริง

กินอาหารเช้าเสร็จเขาก็ลงไปชั้นล่าง ตอนที่กล่าวลาหลินม่าย ฟางจั๋วหรานสังเกตว่าวันนี้หลินม่ายสวมกระโปรง

น่าเสียดายที่ผ้ากันเปื้อนและปลอกแขนเก่าๆบนตัวได้คลุมทับกระโปรงจนไม่สามารถมองเห็นชัด

เขาเอ่ยขึ้น “วันนี้ซาลาเปาและเกี๊ยวของคุณอร่อยมาก!”

หลินม่ายยิ้มและพูดว่า “จากนี้ไปจะอร่อยทุกวันเลยค่ะ!”

ไม่เพียงแต่ฟางจั๋วหรานเท่านั้นที่กินจนอิ่มหนำสำราญ ลูกค้าคนอื่นๆก็ชมเชยตามๆกัน บางคนถึงกับเรียกเพื่อนให้มาที่ร้านของหลินม่ายเพื่อซื้อซาลาเปาและเกี๊ยว

หลินม่ายมีความสุขมาก ตราบใดที่ลูกค้าพอใจกับอาหาร กิจการร้านอาหารเช้านี้ก็จะดำเนินไปได้

เมื่อเห็นว่ากิจการอาหารเช้าของหลินม่ายกำลังดีขึ้น ป้าหูก็โกรธจนควันออกหูและอุทานสาปแช่งเบาๆ

หลังจากจัดการธุรกิจเสร็จในตอนเช้า ป้าหูก็เรียกหยางหยางมากินไข่ตุ๋นที่ขายไม่หมด

แต่หลังจากยืนอยู่ที่ประตูร้านและตะโกนเป็นเวลานาน หยางหยางก็ไม่กลับมา

หล่อนกังวลใจขึ้นมา และจู่ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่แม่ของหลานชายสองคนพูดไว้ หล่อนใจหายวาบทันที หรือว่าเขาถูกผู้หญิงบ้าสองคนนั้นทำร้ายจริงๆ?

หล่อนออกตามหาทุกซอกมุม แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางหยาง จึงร้องไห้ออกมา

หล่อนคิดเสมอว่าผู้หญิงบ้าสองคนนั้นแค่ขู่ให้หล่อนกลัว แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง

ป้าหูไม่ได้สนใจที่จะปิดประตู หล่อนร้องไห้ตลอดทางขณะไปหาลูกชายและลูกสะใภ้

ลูกชายและลูกสะใภ้ก็ทุกข์ระทม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสะใภ้ที่ชี้ไปที่จมูกของป้าหูและดุด่าว่าป้าหูเป็นตัวการที่ทำให้ลูกชายของหล่อนลำบาก แต่เมื่อคืนหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ป้าหูพูดอย่างเสียใจ “ฉันไม่คาดฝันว่าผู้หญิงบ้าๆ สองคนจะทำเรื่องแบบนี้”

ลูกสะใภ้ดุด่าพลางเต้นเร่า “แม่โง่หรือเปล่า? ทำร้ายลูกชายของคนอื่นบางคนอย่างป่าเถื่อน แม่ยังคิดว่าเขาล้อเล่นอีก?”

ลูกชายและลูกสะใภ้รีบไปแจ้งตำรวจ

หลังจากการสืบสวน ตำรวจพบว่าหยางหยางอยู่ที่บ้านของหนึ่งในหลานชายสองคนที่ป้าหูใช้

ทั้งสองครอบครัวไม่ได้ทำร้ายหยางหยาง แต่พวกเขาให้อาหารและเครื่องดื่มที่ดีแก่เขาแทน

ตำรวจถามว่าตอนที่พวกเขาพาหยางหยางไป ทำไมไม่แจ้งครอบครัวของหยางหยางก่อน

ผู้หญิงสองคนพูดพร้อมกันว่าพวกเขาฝากคนอื่นไปบอกแล้ว

เป็นครั้งแรกที่ตำรวจเจอแบบนี้

คนนั้นบอกป้าหูแล้ว แต่ตอนนั้นป้าหูกำลังด่าหลินม่าย หล่อนจึงไม่ได้ยิน

เนื่องจากหญิงวัยกลางคนสองคนไม่ได้กระทำผิดใดๆ ตำรวจย่อมไม่ปฏิบัติต่อพวกหล่อนอย่างเลวร้าย

แม้ว่าหยางหยางจะปลอดภัย แต่ป้าหู ลูกชายและลูกสะใภ้ของหล่อน ก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าพวกนั้นพยายามทำให้พวกเขากลัว ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปพวกเขาจะเอาจริงหรือเปล่า

ไม่มีวิธีป้องกัน ทำได้แค่แก้ไข

ป้าหู ลูกชายและลูกสะใภ้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซื้อของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อชดเชยให้กับทั้งสองครอบครัว

ทั้งสองครอบครัวยอมรับของขวัญทั้งหมด แต่บอกว่าพวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของหยางหยางได้

ในขณะเดียวกัน พวกเขายังบอกด้วยว่าพวกเขาจะไม่ทำร้ายหยางหยาง และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหยางหยาง ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างแน่นอน

สมาชิกในครอบครัวของป้าหูทั้งสามคนไม่มีใครโง่ พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกนั้นพูด พวกเขาต้องลงมือแน่ แต่พวกเขาจะไม่มีวันยอมรับ

ลูกสะใภ้ของป้าหูกำลังจะร้องไห้ จึงพูดออกไปตรงๆ “ต้องทำยังไงพวกคุณถึงจะปล่อยหยางหยางไป?”

แม่ของหลานชายห่างๆ กลอกตาและพูดว่า “เราพูดไปแล้วว่าเราจะไม่ทำร้ายหยางหยาง ทำไมคุณถึงยืนกรานที่จะตำหนิเรา”

แม่ของหลานชายห่างๆ อีกคนเสริมว่า “พวกคุณต้องการชำระความก่อน ถึงจะวางใจสินะ? ง่ายนิดเดียว หลังจากลูกชายสองคนของเราได้รับการปล่อยตัว คุณก็แค่หางานประจำให้พวกเขาทำ อย่างไรเสียลูกชายสองคนของเราก็ตกงานเพราะแม่สามีของคุณ ”

ลูกชายและลูกสะใภ้ของป้าหูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อย่าเพิ่งบู้บี้กะปินะ กะปิน่ะของอร่อยเลย

กรรมตามสนองแล้วรู้สึกยังไงคะป้าหู

ไหหม่า(海馬)