ตอนที่ 138 เรียนศิลปะการต่อสู้จากพี่สาว
มู่เถาเยาสะพายกระเป๋าหนัง และพาถังถังและถุงลมน้อยไปที่สวนหลังบ้านเพื่อขุดหนี่ว์เอ๋อร์หงที่ฝังไว้ตอนที่เธออายุได้เพียงแปดขวบเท่านั้น
นี่คือวิธีบ่มเหล้าและสุราในสมัยโบราณ
ในชีวิตที่แล้ว เธอเรียนรู้วิธีนี้จากท่านลุงของเธอตอนอายุได้ห้าขวบ เพราะท่านปู่ของเธอเก่งเรื่องเหล้ามาก
มู่เถาเยากอดไหเหล้าไว้ด้วยความงุนงง
“เสี่ยวเยาเยา เกิดอะไรขึ้นเหรอ เหล้านี้บ่มไม่สำเร็จเหรอ ไม่เป็นไรเรามาทำใหม่กันเถอะ ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่ ออกมาไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติ”
เมื่อเห็นมู่เถาเยาจ้องมองไหเหล้าด้วยความงุนงง ถังถังเลยนึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเหล้า
“เปล่า แค่นึกถึงอารมณ์ตอนบ่มเหล้าตอนเด็กน่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ทำไมเธอถึงคิดจะทำเหล้าล่ะ เด็กอายุเท่านั้นส่วนใหญ่ก็แค่ต้องการเล่นสนุกไม่ใช่เหรอ แถมเธอยังไม่ได้เข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับด้วย ทำไมเธอถึงได้เก่งขนาดนี้!”
“พวกผู้ใหญ่ชอบดื่มเหล้ากันน่ะ ส่วนที่ฉันไม่ได้เข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับ เป็นเพราะฉันมีอาจารย์ทั้งสองคนกับติวเตอร์คอยสั่งสอนอยู่แล้ว”
“ถูกต้อง ทุกคนในหมู่บ้านบอกว่าเธอไม่เคยไปโรงเรียนเลย” ถังถังตบหัวของเธอ
เนื่องจากมู่เถาเยาฉลาดมากตั้งแต่เธอยังเด็ก อาจารย์ทั้งสองคนของเธอจึงกลัวว่าการเข้าเรียนตามปกติจะถ่วงความก้าวหน้าของเธอไว้ ดังนั้นหลังจากได้รับความยินยอมจากเด็กหญิงตัวน้อย พวกเขาจึงเชิญอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสาขาวิชาต่างๆ มาสอนเธอแบบตัวต่อตัว
ถังถังคิดถึงเรื่องที่เหล่าอาจารย์ทั้งสองของเธอเล่าให้ฟัง
“บรรพบุรุษของฉันก็ชอบเหล้าด้วยเหมือนกัน ฉันชอบเหล้าเพราะฉันเรียนรู้มาจากบรรพบุรุษของฉันนี่แหละ”
“หยิบไปสักสองสามไหเอากลับไปให้ผู้อาวุโส ยังไงซะเหล้าในหมู่บ้านเถาหยวนซานของเราก็มีสรรพคุณทางยาสูง แต่อย่าดื่มในปริมาณมากเกินไป ดื่มอย่างพอเหมาะ อย่าโลภ”
“ฉันรู้น่า บรรพบุรุษของตระกูลเราเองก็ไม่ได้ขาดความยับยั้งชั่งใจซะหน่อย เสี่ยวเยาเยา มีเหล้าที่ดีต่อสุขภาพมากกว่านี้อีกไหม ฉันอยากจะเอาไปให้ปู่ย่าตายายและพ่อแม่ของฉันบ้าง”
เอาจริงๆ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่ชายและพี่สะใภ้ของของเธอมีพลังน้อยกว่าปู่ทวดของเธอมาก
“ถึงเวลานั้นฉันจะให้เหลียงจีเอาไปส่งให้นะ ยังไงผลของยาในเหล้าก็ช่วยบำรุงร่างกายได้จริงๆ”
“เธอไม่ต้องให้ฉันเปล่าๆ หรอก คิดเงินตามราคาตลาดมาได้เลย ฉันมีเงิน” ถังถังยิ้มให้มู่เถาเยา ฟันสีขาวที่เรียงสวยเต็มปากของเธอดูน่ามองมาก
“ไม่ล่ะ ฉันให้พี่ พี่ช่วยหมู่บ้านเถาหยวนซานของเรามามากแล้ว”
แถมตอนที่ถังถังมาอาศัยอยู่ที่บ้านนี้ ชายชราทั้งสามคนและเป่ยซีก็มีความสุขมาก
สิ่งนี้มีค่ามากกว่าเหล้าพวกนั้นเป็นร้อยเท่า!
“เสี่ยวเยาเยา เธอใจดีมากจริงๆ!” ถังถังกอดคอของมู่เถาเยาและกดใบหน้าแนบกับใบหน้าที่นุ่มนิ่มเหมือนทารกของเธอ
ถุงลมน้อยพยักหน้าตามอย่างบ้าคลั่ง “พี่สาวดีมากจริงๆ”
ถังถังปล่อยมู่เถาเยา ย่อตัวลงและกอดถุงลมน้อย ทั้งจูบทั้งฟัดเขาอย่างดุเดือด
ถุงลมน้อย “…”
เขาไม่ต้องให้ใครหอมแก้มเขาอีกนอกจากแม่และพี่สาว!
ท่าทางต่อต้านเล็กๆ ของคนตัวเล็กทำให้มู่เถาเยาหัวเราะออกมา
ถังถังไม่ได้ตาบอด แน่นอนว่าเธอมองเห็นความไม่เต็มใจของคนตัวเล็กได้
“เสี่ยวอันเหยี่ย ทำไมหนูถึงใจร้ายขนาดนี้ล่ะ หอมนิดหอมหน่อยไม่ได้เลยหรอ”
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไมกัน พี่สาวชอบหนูมากเลยนะ!” ถังถังดูเศร้าเล็กน้อย
คนตัวเล็กยังเด็กมาก เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงเอาแต่ชอบหอมแก้มเขานัก
แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยของถังถัง ก็รีบปลอบโยนเธอไปว่า “อันเหยี่ยก็ชอบพี่สาวถังถังเหมือนกันครับ”
ชอบมาก แต่ไม่ให้ชอบหอมแก้ม
“งั้นระหว่างพี่สาวถังถังกับพี่สาวเยาเยาหนูชอบใครมากกว่ากัน”
ถุงลมน้อยไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปกอดขายาวของมู่เถาเยาและมองไปที่ถังถังด้วยดวงตากลมโต
โอเค คำตอบนั้นชัดเจนในตัวเอง
ถังถัง “…”
ดูได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวเล็กรักเสี่ยวเยาเยามากกว่าแค่ไหน
“ตกลง ฉันจะไม่อิจฉาเสี่ยวเยาเยา”
มู่เถาเยายิ้ม เธอวางไหเหล้าลงบนพื้น เติมหลุมดิน จากนั้นก็หยิบกระเป๋าหนังออกมาพลางพูดว่า “เราไปเก็บมะม่วงกันเถอะ มีหลายลูกที่สุกแล้ว” เธอต้องการเอามันกลับไปที่เมืองเย่ว์ตูด้วย เอาไปแบ่งให้กับพวกศิษย์พี่ของเธอได้กิน
“ตกลง”
ถังถังจูงมือถุงลมน้อยและมู่เถาเยาเดินไปที่ขอบสวน
ต้นมะม่วงสูงเกือบยี่สิบเมตร ออกลูกดกสีเหลืองนวล ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ พวกเธอก็ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของมะม่วงแล้ว
“เสี่ยวเยาเยา ฉันได้ยินมาจากหมอเทวดาว่าต้นลิ้นจี่ ต้นลำไย และต้นมะม่วงปลูกในวันที่เธออายุได้สามขวบ”
“อืม”
“งั้นตลอดสิบห้าปีมานี้นี่คงเป็นครั้งแรกที่มันออกผลมาให้กินมากมายสินะ!”
มู่เถาเยามองไปที่ถังถังด้วยความประหลาดใจ
“มีอะไร ต้นผลไม้พวกนี้มีอะไรเหรอ”
“ต้นมะม่วงปกติจะมีอายุสองถึงสามร้อยปีและจะยังคงออกดอกและออกผลต่อไป นี่เป็นเพียงปีที่สิบห้าของมันเท่านั้น ทว่าน้ำและดินในหมู่บ้านเถาหยวนซานนั้นแตกต่างออกไป ดอกไม้ พืช และต้นไม้ที่นี่เติบโตได้ดีกว่าและมีอายุยืนยาวกว่าต้นมะม่วงอื่นๆ อย่างเช่นต้นลิ้นจี่ในที่อื่นๆ สามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหนึ่งพันปี แต่ต้นลิ้นจี่ในหมู่บ้านเถาหยวนซานสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยสองพันปี”
ถังถังกะพริบตา
เธอไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
“หญ้าพิษชีวิตก็เป็นพืชเช่นกัน ถังถังพี่พอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อของมันมาก่อนหรือเปล่า”
“…แบบว่าพี่ชอบพิษมาก…เลยเอาแต่ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพิษจริงๆ…ไม่เคยสนใจเรื่องอื่นเลย”
มู่เถาเยา “…”
โอเค ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบอะไรมากมายและซับซ้อนเหมือนเธอ
ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เธอไม่สนใจ
ถังถังหัวเราะคิกคักอยู่ครู่หนึ่งแล้ววิ่งไปที่ต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงสุก
เธอได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้โบราณมาบ้าง ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้วิชาตัวเบาได้
แม้ว่าด้วยระดับของเธอจะเทียบไม่ได้กับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของมู่เถาเยาและตระกูลซย่าโหว แต่พวกเธอก็เก่งมากถ้าเทียบกับคนทั่วไปแล้ว การเก็บมะม่วงนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
ถุงลมน้อยมองดูน้องพี่สาวสองคนเหาะขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกายแวววาว
เขาต้องการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากพี่สาวด้วย!
มะม่วงมีขนาดประมาณครึ่งไม้บรรทัด มู่เถาเยาและถังถังเก็บใส่ถุงจนเต็ม
“โอเค กลับเข้าบ้านกันเถอะ”
มู่เถาเยาหยิบถุงหรือกระเป๋าหนังของเธอที่เต็มไปด้วยมะม่วงสุก หิ้วอย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว
เทพีแห่งเฮอร์คิวลีสปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากมือของทั้งสองสกปรก พวกเธอจึงไม่ได้เดินไปจับมือคนตัวเล็ก ปล่อยให้เขาเดินอยู่ตรงกลางโดยมีถังถังปิดท้าย
มู่เถาเยาถือมะม่วงในมือข้างหนึ่งและอุ้มเหล้าในมืออีกข้าง
ถังถังหยิบจอบและพลั่วใส่กลับเข้าไปในกล่องไม้สำหรับเก็บเครื่องมืออยู่ที่มุมหลังบ้าน
พวกมู่เถาเยาทั้งสามกลับไปที่ห้องนั่งเล่น หยวนเหยี่ย ตี้อู๋เปียน และไป๋เฮ่าอวี๋ทั้งหมดอยู่ที่นั่น
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงไม่เก็บไปอีกสักหน่อยล่ะ ยังมีลูกที่สุกแล้วอยู่อีกมากเลยไม่ใช่เหรอ”
“พอได้แล้วล่ะค่ะอาจารย์”
“ถ้างั้นนั่งลงและกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวเราจะเลือกบางส่วนไว้และส่งไปให้เอ็งในอีกสองสามวันให้หลัง”
“อาจารย์ใหญ่ ไม่ต้องส่งมันมาหรอกค่ะ อาทิตย์หน้าหนูยังจะกลับมาที่หมู่บ้านอีก”
“อาทิตย์หน้าเอ็งก็จะกลับมาเหมือนกันเหรอ เอ็งว่างเหรอ”
แน่นอนว่าหยวนเหยี่ยต้องการพบลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาทุกสุดสัปดาห์ แต่เขาก็รักเธอมากและปวดใจเกินกว่าที่จะเห็นเธอเทียวไปเทียวมาแบบนี้
พูดตามตรง เขาไม่ต้องการให้ลูกศิษย์สุดที่รักของเขาเรียนรู้ไปเสียทุกอย่าง แต่ทำอย่างไรได้เธอดันสนใจทุกอย่างน่ะสิ!
“อืม พอมีเวลาอยู่บ้างค่ะ” อันที่จริงเธอยุ่งมาก
ยุ่งขนาดที่ไม่มีแม้แต่เวลาจะทำการวิจัยที่เธอชอบเลย
แต่เธอสามารถจัดสรรเวลาตามสถานการณ์ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการนำเลือดของบรรพบุรุษของตระกูลถังมาและตามหาหมอหญิงเดินเท้า
ทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับอาการป่วยของตี้อู๋เปียน
“ถ้ามีเวลาก็พักผ่อนให้มากสักหน่อยอย่าได้ฝืนจนเกินไป”
“หนูรู้ค่ะอาจารย์ใหญ่ จริงสิ บรรพบุรุษของตระกูลถังจะมาที่หมู่บ้านเถาหยวนซานของเราในไม่กี่วันนี้นะคะ”
หยวนเหยี่ยตกใจมา “บรรพบุรุษของตระกูลถังจะมาที่นี่เหรอ”
“ใช่ค่ะ ถังถังโทรไปนัดผู้อาวุโสไว้แล้ว หนูต้องการจะนำเลือดของเขามาวิจัยว่าพอจะมีส่วนช่วยรักษาโรคของตี้อู๋เปียนได้ไหม ตี้อู๋เปียนก็จะอยู่ที่นี่ต่อด้วย เพราะงั้นอาจารย์ไม่ต้องส่งอะไรไปให้หนูนะคะ”
“ถ้าอู๋เปียนอยู่ที่นี่ต่อ แล้วอันเหยี่ยล่ะ”
ตี้อู๋เปียนตอบ “ปู่หยวนวางใจเถอะครับ อันเหยี่ยจะกลับไปที่เมืองหลวงหลังจากที่ซาลาเปาน้อยกลับไปเรียน”
ตอนที่เขารู้สึกอยากพูด แต่คุณปู่หยวนกำลังบอก (อวด) เขาเกี่ยวกับซาลาเปาน้อยก้อนเล็กๆ เขาก็ทนไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ
ไป๋เฮ่าอวี๋ถามด้วยความงุนงงว่า “แล้วผมต้องอยู่ต่อด้วยไหม”
“นายกลับบ้านไปซะ หรือจะกลับไปเจียงตูเพื่อไปหาครอบครัวของนายก็ได้”
“โอ้ งั้นผมจะไปส่งเสี่ยวอันเหยี่ยกลับเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยแวะไป”
มู่เถาเยา “หมอไป๋ คุณกลับไปที่คฤหาสน์ที่เย่ว์ตูโดยตรงเลยก็ได้นะคะ ฉันจะให้เหลียงจีส่งอันเหยี่ยกลับเมืองหลวงเอง”
คนตัวเล็กมีพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดในเย่ว์ตู ดังนั้นเธอจึงต้องการให้หมอไป๋ไปที่นั่นก่อนเพื่อแจ้งข่าว
ไป๋เฮ่าอวี๋มองไปที่ตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
“จริงสิ หมอไป๋มีอะไรในหมู่บ้านเถาหยวนซานของเราที่อยากเอากลับไปเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ผมขอได้เหรอ”
“แน่นอนค่ะ แค่บอกฉันว่าคุณต้องการอะไร ฉันจะสั่งคนให้ไปจัดเตรียมให้”
“เหล้า!”
ไป๋เฮ่าอวี๋จ้องไปที่ไหเหล้าของมู่เถาเยาที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“โอเคค่ะ เหล้าแบบไหนที่คุณอยากได้คะ”
“ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัยดื่มได้น่ะ”
เขาเคยไปที่ถนนหนานวานในเมืองเย่ว์ตูเพื่อซื้อเหล้าที่เหมาะกับตัวเขาเอง แถมเขายังซื้อของที่เหมาะกับผู้สูงอายุแล้วส่งไปรษณีย์กลับบ้านด้วย ผู้อาวุโสในตระกูลมีความสุขมากที่ได้ดื่มมัน
มู่เถาเยาพยักหน้า