บทที่ 87 ข้าอยู่ขั้นกลั่นลมปราณ แม้แต่ศัตรูก็ทราบเรื่องนี้!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 87 ข้าอยู่ขั้นกลั่นลมปราณ แม้แต่ศัตรูก็ทราบเรื่องนี้!

แม้ว่าสำนักทั้งหมดต้องการครอบครองถ้ำเซียนแห่งนี้เพียงลำพัง แต่จากการสู้กับเซียนปฐพีนั้น พวกเขาได้รับชัยชนะเพราะความร่วมมือกันระหว่างทั้งห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรม และพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายมาร ยังไม่รวมถึงที่ไป๋ชิวหรานที่คอยเฝ้าดูอยู่ด้วย

ในโลกของผู้ฝึกตน ต้องมีใครสักคนในการรักษาเส้นทางแห่งความถูกต้องของทั้งฝ่ายธรรมและฝ่ายมารไว้

ทราบหรือไม่ว่าเกือบ ๆ หนึ่งพันปีที่แล้วก่อนจะเกิดสงครามระหว่างฝ่ายธรรมและฝ่ายมาร สำนักอสูรทั้งสามออกอาละวาดอย่างหนัก ทุกที่ที่พวกเขาไปจะกลายเป็นศพทั้งสิ้น แม้แต่สำนักอสูรที่อ่อนโยนอย่างสำนักวิญญาณหยินก็ร่วมด้วย

ในขณะเดียวกันไป๋ชิวหรานก็ได้รู้จักกับหวงฝู่เฟิง และสนับสนุนซูเซียงเสวี่ยให้เป็นเจ้าสำนัก… ชายหนุ่มจึงได้สร้างสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองฝ่ายเพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมางเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ทางฝั่งของห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมยังถูกไป๋ชิวหรานยับยั้งไม่ให้กำเริบเสิบสาน มิเช่นนั้นจะเติบโตเกินควบคุม หากพันธมิตรฝ่ายมารหายไป… พันธมิตรฝ่ายธรรมจะเกิดความเน่าเหม็นจากภายในเสียเอง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

เวลานี้ทุกคนต่างรอสำนักวิญญาณหยินที่อยู่ไกลที่สุดมาถึง หลังจากมาถึง ผู้อาวุโสของสำนักต่าง ๆ ก็พร้อมใจกันส่งศิษย์ของตัวเองมุ่งหน้าไปยังถ้ำเซียน

ภายในเมืองโบราณของพวกเซียนปฐพี บรรดาผู้อาวุโสจากสำนักต่าง ๆ ช่วยกันใช้วิชาเคลื่อนที่ส่งลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นวิชากระบี่บิน ขี่เมฆมงคล หรือสัตว์อสูร เพราะระยะทางของพื้นดินและภูเขาที่ห้อยหัวลงมานั้นไม่ใช่ใกล้ ๆ

แต่หากพวกเขาไปไกลกว่านั้น ผู้ที่อยู่ขั้นสูงกว่าปฐมวิญญาณจะถูกฟ้าผ่าจากถ้ำเซียนทันที ผู้อาวุโสทั้งหมดจึงหยุดอยู่ระหว่างทาง ขณะที่ห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมและพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายมารยืนรวมกัน รังสีของดวงอาทิตย์สาดส่องไปยังผู้ฝึกตนฝ่ายธรรม ส่วนฝั่งอสูรเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆทมิฬ

เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเริ่มอธิบายเกี่ยวกับข้อควรระวังแก่ศิษย์ทั้งหมด ไป๋ชิวหรานเห็นว่าเจวี๋ยอวิ๋นจื่อที่ใบหน้าบวมเป่งได้มอบเครื่องรางให้ชิงตานอิ๋งที่ยืนอยู่ตรงหน้า หลิวเฉิงอินหัวหน้ากลุ่มของสำนักกระบี่ชิงหมิงครั้งนี้ให้คำปฏิญาณว่าจะปกป้องศิษย์สำนักกระบี่ชิงหมิงด้วยชีวิต!

ไป๋ชิวหรานใช้โอกาสนี้เข้าไปหาถังรั่วเวย และแอบมอบหยกบางสามแผ่นให้

“นี่เป็นสิ่งที่สำนักเสวียนฝ่าค้นคว้าโดยอิงจากเขตอาคมของพวกเซียนปฐพีเมื่อไม่นานมานี้ ด้านในเป็นพื้นที่ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยปราณกระบี่ของข้าอยู่”

ไป๋ชิวหรานกล่าว…

“หากเจออันตรายที่ไม่สามารถรับมือ เช่นนั้นก็โยนหยกสามแผ่นนี้ออกไป…จำไว้ว่าระยะโจมตีคือสามฉื่อหลังจากตกถึงพื้น ปราณกระบี่ของข้าจะโจมตีโดยไม่เลือกหน้า ดังนั้นโปรดใช้อย่างระวัง”

ทันทีที่ถังรั่วเวยกลับไปรวมกลุ่ม ซูเซียงเสวี่ยก็นำโหยวเหมยเฉียวมาพบกับไป๋ชิวหราน นางมองไป๋ชิวหรานขึ้นลงสองสามครั้ง จากนั้นจึงดึงโหยวเหมยเฉียวมาใกล้ ๆ พร้อมกล่าว

“นี่คือศิษย์ของข้า”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้า

“ข้าทราบแล้ว”

“ดี”

ซูเซียงเสวี่ยหันหน้าไปหาโหยวเหมยเฉียวอีกครั้ง

“หากเจอเขาหลังจากเข้าไป เช่นนั้นจงฟังคำสั่งเสีย…”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ข้าไม่คิดจะเข้าไป… ไม่คิดจะแย่งโอกาสพวกเด็ก ๆ หรอก”

ซูเซียงเสวี่ยไม่สนใจ หลังจากนั้นนางก็หันหลังจากไปพร้อมกล่าวกับโหยวเหมยเฉียว

“เมื่อเข้าไปในถ้ำเซียนแล้วคงหนีไม่พ้นเรื่องภาพลวงตา ข้าจะสอนวิธีหาร่างจริง…”

หลังจากอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลานานเนื่องจากผู้อาวุโสต้องสั่งสอนศิษย์ของตัวเอง ในที่สุดพวกเขาก็ปล่อยให้บรรดาศิษย์เดินทางเข้าไปในถ้ำเซียน

ระหว่างทางไม่มีการตอบสนองจากถ้ำเซียน บรรดาศิษย์จึงเดินทางมาถึงยอดเขาโดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เมื่ออยู่ห่างจากยอดเขาไม่กี่ก้าว พื้นที่มิติก็ปรากฏขึ้นราวกับคลื่นน้ำ!

ร่างของศิษย์ทั้งหมดหายไปใต้คลื่นมิตินี้ราวกับว่าหายเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง และไม่มีใครเห็นร่างของศิษย์เหล่านั้นอีก

เมื่อเห็นศิษย์ของตัวเองเข้าไปได้อย่างปลอดภัย บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันถอนหายใจโล่งอก

“ทุกคน ช่วยกันสร้างม่านพลังป้องกันเถอะ”

หลังจากหันหลังกลับมา เจวี๋ยอวิ๋นจื่อที่มีใบหน้าบวมช้ำก็กล่าวขึ้นอย่างบูดบึ้ง

“ตกลง”

จี้หลิงอวิ๋นตอบตกลงพลางถอนหายใจอันเย็นเยือกไปด้วย

“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ยอมตกลงกับเจ้าบัดซบนี่ ข้าอยากกลับไปนอนแล้ว…”

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พากันพยักหน้า ทันใดนั้นไป๋ชิวหรานได้เอ่ยขึ้น

“รอเดี๋ยว ข้าเองก็จะเข้าไปด้วย”

“หืม?”

ซูเซียงเสวี่ยยิ้ม

“ใครเพิ่งบอกกันนะว่าจะไม่ไปแย่งโอกาสเด็กน้อยเหล่านั้น?”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ… ลมแรงเกินกว่าจะได้ยิน…”

ไป๋ชิวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมใช้มืออุดหู จากนั้นกล่าวอีกครั้งอย่างเคร่งขรึม

“เห็นแก่หน้าอันหล่อเหลานี่ด้วยทุกคน ข้าจะต้องบรรลุขั้นพลังให้ได้ในชีวิตนี้”

“ตกลง”

ผู้อาวุโสฉีแห่งสำนักเสวียนฝ่าโน้มตัวไปข้างหน้า มอบผลึกสีดำทรงแหลมให้ไป๋ชิวหราน ซึ่งคล้ายกับผลึกของเซียนปฐพีที่ถือครองมาก่อน

“เช่นนั้นบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิงรับสิ่งนี้ไว้ด้วย นี่เป็นผลสัมฤทธิ์ที่ทางสำนักเสวียนฝ่าได้ข้อมูลล่าสุดมาจากเมืองโบราณ มีลักษณะคงเดิม สามารถป้องกันการบุกรุกทางวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในการสร้างขึ้นมา… ตอนนี้นอกจากแม่แบบก็มีเพียงชิ้นนี้”

ไป๋ชิวหรานรับไว้พร้อมกล่าว

“ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับน้ำใจครั้งนี้ แม้จะคิดว่าพวกเซียนปฐพีไม่อาจยึดวิญญาณข้าได้… เพราะพลังวิญญาณของพวกเขายังสูงส่งไม่พอก็ตาม”

พวกเขามองหน้ากันชั่วครู่ จากนั้นนักวาดภาพจากหอหยกแห่งเซียนตูก้าวออกมา

“แน่นอนว่าพวกเราต้องเห็นแก่หน้าบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง… แม้ขั้นพลังจะไม่สูง… ทว่าแข็งแกร่งนัก ท่านคงไม่ถูกฟ้าผ่าตายภายในนั้นใช่หรือไม่?”

“ใครจะสน”

ไป๋ชิวหรานสะบัดมือ

“หากข้าสามารถบรรลุขั้นสร้างรากฐานได้ ต่อให้เป็นสายฟ้าอะไรก็ไม่กลัว ต่อให้เป็นเทพเซียนลงมาก็จะกัดฟันสู้!”

“ยอดเยี่ยม!”

เจวี๋ยอวิ๋นจื่อปรบมือเสียงดัง

“เช่นนั้นขอให้อาจารย์ลุงโชคดี!”

“ถ้าพูดดี ๆ ไม่เป็น…ทีหลังไม่ต้องพูด!”

ไป๋ชิวหรานเตะเขาออกไปไกล ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วกระโดดไปด้านข้างซูเซียงเสวี่ย

“ช่วยสร้างที่ยืนให้ข้าหน่อย”

“อืม…”

ซูเซียงเสวี่ยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นพลิกฝ่ามือเรียกพิณออกมา นางบิดข้อมือเบา ๆ และเริ่มบรรเลงเพลง

ฮึม…

เสียงอันไพเราะของพิณดังขึ้น จากนั้นไอน้ำรอบ ๆ ตัวควบแน่นหนาขึ้นเป็นวงกลมยาวสองฉื่อ ล่องลอยอยู่กลางอากาศ

ไป๋ชิวหรานกระโดดเบา ๆ ขึ้นไปยังก้อนน้ำแข็งดังกล่าวก่อนจะกระโดดสุดแรงขึ้นไปยังยอดเขาถ้ำเซียน

ตู้ม!

ก้อนน้ำแข็งถูกใช้เป็นแท่นกระโดด ส่งให้ร่างของชายหนุ่มทะยานตรงขึ้นไปยังยอดภูเขา ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทำได้เพียงจ้องมองเช่นเดียวกับตอนเฝ้าดูศิษย์ของตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดคลื่นมิติตรงหน้ายอดเขาก่อนจะดูดร่างของไป๋ชิวหรานเข้าไป

“ฟ้าไม่ผ่า…”

หลังจากนั้นชั่วครู่ ท่านอาจารย์เว่ยเฉินแตะศีรษะตัวเองเบา ๆ พร้อมกล่าว

“ดูเหมือนว่าถ้ำเซียนจะเห็นบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิงอยู่เพียงขั้นกลั่นลมปราณ ไม่รู้ว่าเขาจะสุขหรือเศร้ากันนะ”

“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

จี้หลิงอวิ๋นและหวงฝู่เฟิงจากสำนักอสูรสวรรค์มองขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากเห็นไป๋ชิวหรานหายตัวไป เขาพึมพำกับตัวเอง

“คงจะดีถ้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายมารของเรามีอาวุธลับที่มีขั้นพลังต่ำเช่นเขา ท่านคิดเห็นเช่นไร…เจ้าสำนักซู?”