บทที่ 88 ข้าไม่สามารถขอได้

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 88 ข้าไม่สามารถขอได้

หลังจากผ่านระลอกคลื่นกลางอากาศ ไป๋ชิวหรานก็มาถึงอีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาห้อยหัว ทันใดนั้นแรงโน้มถ่วงพลิกกลับกะทันหัน เป็นผลให้ไป๋ชิวหรานที่ไม่สามารถยืนกลางอากาศเสียหลักทันที ทว่าชายหนุ่มได้เตรียมตัวไว้ก่อนทำให้ปรับความสมดุลได้กลางอากาศ

เขาร่อนลงพื้นราบของภูเขา เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปก็เห็นท้องฟ้าสีคราม ไม่มีร่องรอยของเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินอีก

“นี่คือถ้ำเซียนงั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานมองไปรอบ ๆ

“ไม่สิ ควรจะบอกว่าเป็นทางเข้าถ้ำมากกว่า”

ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่บนยอดสุดของภูเขาที่ห้อยหัวลงมา บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยพืชแมกไม้นานาชนิด แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว

ไป๋ชิวหรานเดินไปที่ขอบหน้าผาแล้วมองลงไปด้านล่าง มันเป็นทางลาดชัน บนหน้าผาสามารถมองเห็นต้นไม้บางต้นเติบโตจากซอกหินอย่างอัดแน่น อีกทั้งยังปกคลุมไปด้วยเมฆ และบางครั้งช่องว่างระหว่างเมฆจะเห็นแสงระยิบระยับลอดผ่าน

เมื่อไม่เห็นศิษย์คนอื่น ๆ ไป๋ชิวหรานคิดว่าพวกเขาคงมาถึงก่อนหนึ่งก้าวและเข้าไปสำรวจแล้ว ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินลงมาจากทางลาดชัน

ไป๋ชิวหรานเดินบนหน้าผาอยู่ชั่วครู่ ถึงแม้จะไม่มีวิชาเดินบนอากาศเหมือนคนอื่น ๆ แต่หากตั้งหลักได้ เช่นนั้นจะมั่นคงกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นที่ใช้กระบี่บินแน่นอน!

หลังจากเดินลงมาอีกประมาณยี่สิบห้าก้าวจนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ผ่านเมฆหมอก ทันใดนั้นความรู้สึกแปลก ๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้น ไป๋ชิวหรานเดินต่อไปภายใต้เมฆหมอกที่ปกคลุมทุกทิศทาง ผ่านไปไม่นาน เมฆหมอกทั้งหมดได้สลายหายไป จนในที่สุดชายหนุ่มได้เข้ามาภายในถ้ำแล้ว

“นี่เราเพิ่งเดินลงมาจากหน้าผาหรือ…”

ไป๋ชิวหรานเอ่ยชื่นชม

“ทักษะการควบคุมมิติของพวกเซียนปฐพีนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

เขามองไปรอบ ๆ พบว่าไม่มีทางเชื่อมต่อมายังถ้ำนี้ ด้านหลังเป็นกำแพงหิน ครึ่งหนึ่งของพื้นถ้ำเป็นเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด มีเพียงถนนเส้นเล็ก ๆ เชื่อมต่อกับกำแพงหินทอดยาวลงไปยังเหวตรงหน้า

หลังจากนั้นไป๋ชิวหรานก็พบกับแผ่นศิลาขนาดใหญ่

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ แสงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาเผยให้เห็นข้อความสองสามบรรทัด

‘แปดมหาทุกข์ของชีวิตคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย รัก พลัดพราก โกรธและเกลียดชัง ไม่สามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการ ห้าหยินลุกโชนจนไม่สามารถปลดปล่อย ผู้ที่กระโดดจากทะเลแห่งความทุกข์เท่านั้นถึงจะขึ้นสวรรค์’

“หึ จากสำนักพุทธเทียนเซิ่งสินะ”

ไป๋ชิวหรานเดาะลิ้น

“โลกเซียนนั้นกว้างใหญ่”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ อักษรบนแผ่นศิลาได้เปลี่ยนไปอีก

‘ทุกข์แรก ทุกข์แห่งชีวิต’

ทันทีที่ข้อความปรากฏขึ้น ถ้ำสั่นสะเทือนราวกับอยู่ในท้องของอสูรยักษ์ และตอนนี้ท้องของอสูรยักษ์กำลังหดตัวเพื่อย่อยอาหาร!

กำแพงหินด้านหลังไป๋ชิวหรานสั่นสะเทือน จากนั้นเคลื่อนที่เข้าหาเขา พื้นดินครึ่งหนึ่งของถ้ำเริ่มพังทลาย มีเพียงทางเดินที่เชื่อมระหว่างรูลึกที่อยู่อีกด้านหนึ่งของถ้ำที่ยังปลอดภัย

มีสัญญาณต่าง ๆ ชัดเจนว่าไป๋ชิวหรานกำลังถูกบังคับให้เข้าไปในเส้นทางนี้

การกดดันเช่นนี้ไม่ได้ร้ายแรงสำหรับผู้ฝึกตนคนอื่น แต่สำหรับไป๋ชิวหราน มันเป็นเหมือนจุดแทงใจ เพราะชายหนุ่มไม่สามารถยืนบนอากาศ หรือขี่กระบี่ได้ ถึงแม้เขาจะไม่ตาย แต่หากตกลงไปใต้เหวนี้คงไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น

คงเป็นเรื่องแย่อย่างมากหากตกไปอยู่กลางมิติในโลกอื่น

“ก็ได้”

เมื่อเห็นว่าจุดที่ยืนอยู่เริ่มจะไม่มั่นคง ไป๋ชิวหรานจึงเดินไปตามทางด้วยความไม่เต็มใจ

“ข้าจะขอเข้าไปดูถ้ำเซียนของเจ้าหน่อย อยากรู้นักว่ากำลังเล่นอะไรอยู่…”

อีกด้านหนึ่ง ถังรั่วเวยที่เข้าไปในถ้ำเซียนก่อนหน้านี้ สถานการณ์ของนางคล้าย ๆ กับไป๋ชิวหรานเช่นกัน

เดิมทีหลังจากขึ้นไปบนยอดเขา บรรดาศิษย์ของสำนักต่าง ๆ ยังคงรวมตัวกันอยู่ แต่เมื่อศิษย์เหล่านั้นเข้าไปในเมฆหมอกใต้ภูเขา พวกเขาจึงถูกแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่เหมือนกับที่ผู้อาวุโสเคยบอกไว้

ศิษย์ของสำนักต่าง ๆ ไม่ทราบว่าตัวเองเดินทางไปที่ไหน ถังรั่วเวยคาดการณ์ว่าคงจะถูกแยกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แบบสุ่ม ตอนนี้นางเลยทำได้แค่เดินทางต่อด้วยตัวเองเท่านั้น

หลังจากสังเกตแล้ว ถังรั่วเวยพบว่ากำลังยืนอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม ศาลาดังกล่าวลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด มีเพียงแผ่นศิลาที่ตั้งอยู่ในนั้น

เมื่อนางเดินไปยังแผ่นศิลา ข้อความสีฟ้าปรากฏขึ้นเหมือนตอนไป๋ชิวหราน แต่ถ้อยคำที่ปรากฏตรงหน้ากลับแตกต่างไป มันเขียนไว้ว่า ‘ทุกข์ครั้งแรก ไม่สามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการ’

ทันใดนั้น ปรากฏสะพานโผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกของท้องฟ้ายามค่ำคืน เชื่อมต่อกับช่องว่างในราวบันไดรอบศาลาทรงแปดเหลี่ยม ขณะเดียวกันศาลาเริ่มสั่นสะเทือน ถังรั่วเวยจึงก้าวไปข้างหน้าต่ออย่างไม่เต็มใจ

นางเดินไปบนสะพานเข้าไปยังส่วนลึกของท้องฟ้าอันมืดมิด ผ่านไปครึ่งทางได้หันกลับไปมองและพบว่าศาลาแปดเหลี่ยมกำลังพังทลายลงไปในความมืด!

เมื่อเห็นว่าถอยหลังกลับไม่ได้ ถังรั่วเวยจึงทำได้แค่เดินหน้าต่อไปจนมาถึงแท่นสูงปลายสุดของสะพาน

แท่นนั้นสูงหลายฉื่อ เมื่อมองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าสูงเท่าไหร่ นางจึงทำได้แค่ปีนขึ้นไปต่อเท่านั้น

เมื่อมาถึงยอดของแท่นสูงพบว่ามันเป็นลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างหกสิบจั้ง หลังจากสัมผัสว่าถังรั่วเวยมาถึง ตะเกียงสี่ด้านรอบสี่เหลี่ยมถูกจุดขึ้นทันที

แสงไฟขจัดไล่ความมืดรอบ ๆ ออกไป ทันใดนั้น ตรงหน้าถังรั่วเวยได้ปรากฏหญิงสาวที่มีใบหน้าคุ้นเคย

หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดชาววังหรูหรา จากการแต่งตัวทำให้ถังรั่วเวยรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

“นั่น…”

นางถือกระบี่เดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างระมัดระวัง โดยหยุดในระยะห่างที่ปลอดภัยประมาณสิบก้าว จากนั้นเตรียมกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดพร้อมเอ่ยถาม

“เจ้าเป็นใคร?”

“หึหึหึ”

หญิงสาวที่นางเอ่ยถามยิ้มเยาะกลับ จากนั้นหันกลับมาเผชิญหน้ากับถังรั่วเวยโดยตรง

“เจ้าถามข้างั้นหรือ?”

ผมสีดำขลับของหญิงสาวราวกับถ่าน สว่างราวกับบุปผาแรกแย้ม คิ้วที่โค้งดูงดงาม ขนตาคลี่ออกเล็กน้อย กิริยาท่าทางบ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างผู้หญิงคนนี้กับถังรั่วเวยคือ หน้าอกที่เรียกได้ว่าเป็นเส้นรอบวงระดับโลกได้เลย ด้วยวิสัยทัศน์การแยกแยะมานานกว่ายี่สิบปี ถังรั่วเวยสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าหน้าอกคู่นี้ไม่ใช่ของปลอม แต่เป็นของจริง!

เมื่อลืมตาขึ้น หญิงสาวผู้นั้นยกแขนขึ้นโอบหน้าอกราวกับพยุงไว้ ซึ่งไม่ทราบว่าตั้งใจหรือไม่กันแน่

หลังจากหัวเราะอยู่ชั่วครู่ นางได้สงบลมหายใจลง

เมื่อเปลวไฟแห่งความมืดลุกโชน ในใจของถังรั่วเวยจึงพอจะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘แปดมหาทุกข์ ไม่สามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการ’ หมายถึงสิ่งใดขึ้นมาแล้ว!